ใต้เงาจันทร์...2 ขวัญข้าว
ใครจะไปรู้ว่าการมีแฟนสักคนมันยากเย็นแค่ไหน ขนาดเป็นคนสวย รวย และก็เก่ง ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีแฟนเลย
ใช่ค่ะ คนคนนั้นคือฉันเอง นิรดา วงศ์วิทยไพบูลย์ หรือใครๆก็เรียกฉันว่า ขวัญข้าว เพิ่งเรียนจบมาหมาดๆแถมผลการเรียนยังได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งด้วย ตอนนี้ยังไม่ได้ทำงานเพราะป๊าเป็นห่วงอาม่า ท่านอายุเยอะแล้วจึงอยากให้ลูกหลานอยู่เป็นเพื่อนคอยพูดคุยแก้เหงา
ถึงจะไม่ทำงานแต่ฉันก็มีกินมีใช้ก็เพราะครอบครัวทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และพี่ชายก็ทำเกี่ยวกับการขายและประมูลของเก่าของสะสมที่หายากจากทั่วทุกมุมโลกมันเลยทำให้ลูกสาวคนเล็กอย่างฉันไม่ทำงานก็มีเงินใช้
ถึงไม่ทำงานแต่ฉันก็มีหน้าที่นะ ก็อย่างที่บอกคือดูแลอาม่าและฉันก็ทำหน้าที่นี้ได้ดีมาก นอกจากจะอยู่เป็นเพื่อนอาม่าแล้วฉันยังพาอาม่าไปวัด ไปปฏิบัติธรรม บลาๆ
และคงเป็นสาเหตุนี้ด้วยแหละมั้งที่ทำให้ฉันยังไม่มีชายหนุ่มคนไหนเข้ามาจีบเลย ทั้งที่เพื่อนสนิทของฉันอย่างกอบัวก็มีไปแล้วแถมได้แฟนหล่อรวยแล้วก็เป็นมาเฟียอีกด้วย
คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างอาม่าก็คงเข้าใจในตัวหลานดีท่านคงกลัวฉันจะเฉาตายก่อนจะมีผัวและคงสงสารที่วันๆต้องอยู่แต่กับคนแก่ ท่านจึงปล่อยให้ฉันออกไปหาเพื่อนบ้างโดยท่านมักจะบอกว่า 'ไปเถอะลูกไม่ต้องห่วงม่า' ยิ่งอาม่าพูดแบบนี้เหมือนทำให้ฉันต้องมีจิตสำนึกว่ามึงรีบไปแล้วก็ต้องรีบมานะขวัญข้าวเพราะอาม่ารอมึงอยู่
แต่ก็จริงๆแหละฉันออกไปไหนสักพักฉันก็ต้องรีบกลับมาบ้าน ยกเว้นตอนกลางคืน อิ อิ อิ ที่ฉันแอบไปดริ้งค์ประจำ
ช่วงนี้ฉันจะไปดริ้งค์กับลูกพี่ลูกน้องอย่างพี่ข้าวฟ่างอยู่บ่อยๆ พี่ข้าวฟ่างจะเป็นลูกของลุงคณิต และลุงคณิตเป็นพี่ชายของแม่ฉันเอง
โชคดีที่พี่ข้าวฟ่างไม่ขี้บ่นเหมือนยัยกอบัว เวลาที่ฉันเมาพี่แกแค่หิ้วปีกฉันมาส่งที่คอนโดแล้วแกก็กลับไม่มาบ่นๆเหมือนมัน
วันนี้ทางบ้านของฉันได้รับข่าวว่าญาติของอาม่าที่อยู่ฮ่องกงล้มป่วยทุกคนทางบ้านต้องเดินทางไปเยี่ยมและฉันก็ไม่พลาดคือต้องไปด้วย
ที่จริงวันนี้ฉันจะเข้าไปหากอบัวเพราะรายนั้นทะเลาะกับแฟน เพื่อนคนนี้ของฉันมันเป็นเด็กกำพร้าไม่มีญาติที่ไหนเลย ใจหนึ่งก็ไม่อยากทิ้งเพื่อนแต่คิดไปคิดมาเดี๋ยวก็คงปรับความเข้าใจกันได้เองแหละและเรื่องแรกสำคัญกับอาม่ามากฉันเลยตัดสินใจเดินทางไปฮ่องกงโดยด่วน
พอขึ้นเครื่องฉันก็นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนนึกไปถึงคำพูดของแม่ชีที่เคยพูดกับฉัน
ย้อนไปเมื่อเดือนที่แล้ว....
เมื่อครั้งที่ไปวัดกับอาม่าและกอบัว ก็มีแม่ชีที่ปฏิบัติธรรมอยู่ที่นั่นดูดวงให้และทักขึ้นมา
"หนูคนที่ใส่เสื้อขาวหนูมีพันธะสัญญากันกับคนในอดีต โชคชะตาจะนำพาหนูไปในที่ที่หนูจากมา สิ่งที่ไม่คาดฝันและยศถาบรรดาศักดิ์จะบังเกิดแก่ตัวหนูแต่มันต้องแลกระหว่างหัวใจกับหัวใจ" ซึ่งคนที่ท่านทักก็ฉันอีกนั่นแหละ
ส่วนตัวนั้นฉันไม่ได้เชื่อในเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ก็ได้แต่นั่งฟังและยิ้มให้กับท่าน
จนทุกวันนี้เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆก็ยังไม่ได้เจอกับใครหรืออะไรที่จะบอกว่าเกี่ยวข้องกับข้อความที่แม่ชีบอกไว้เลย
"เฮ้อ...สงสัยชาตินี้คงอดเหี่ยวแห้งจริงๆแหละขวัญข้าวเอ้ย" อาม่าหันมาเมื่อได้ยินฉันบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่ก็คงจับใจความไม่ได้หรอกว่าฉันพูดว่าอะไร
"ขวัญข้าวเตรียมตัวได้แล้วลูก เครื่องจะลงแล้ว" เสียงของอาม่าดังขึ้นมา
เมื่อลงจากเครื่องได้อาม่าก็ได้ตรงไปที่โรงพยาบาลเลยโดยมีพี่ชายของฉันอย่างพี่ตะวันเป็นคนมารับที่สนามบินด้วยตัวเอง เพราะว่าพี่ตะวันได้มาทำธุรกิจอยู่ที่นี่ทุกอย่างจึงสะดวกไม่ว่าจะเป็นการเดินทางหรือที่พัก