บทที่ 6 ไม่กล้าสนิทมาก

1091 คำ
ณ มหาวิทยาลัย XX เวลา 07.55 น. เอี๊ยดดด! รถสปอร์ตคันหรูของสิงห์หยุดสนิทตรงหน้าตึกใหญ่ของมหาลัยในวินาทีสุดท้าย อิงอิงมองนาฬิกาแล้วหัวเราะออกมา “หืม… เหลืออีกห้านาที! ไฟแดงผ่าแปดมากพี่สิงห์ นึกว่าคนขับรถแข่งระดับมือโปร” เธอยกนิ้วโป้งให้พี่ชายแบบประชด ๆ ก่อนจะรีบเปิดประตูรถ ลากน้ำขิงออกมาอย่างถือวิสาสะตามสไตล์ สิงห์เพียงยักไหล่ ไม่ตอบ ไม่เถียง ก่อนเดินแยกออกไปเข้ากลุ่มเพื่อนปีสามคณะวิศวะที่ยืนรวมกันอยู่ไกล ๆ ท่าทางคูล ๆ แบบไม่สนโลกตามสไตล์ผู้นำพี่ว้ากของคณะ อิงอิงหันมาแตะแขนน้ำขิงเบา ๆ “อย่าไปถือสาพี่สิงห์เลยนะ พี่เขาปากร้ายมาก ขี้แกล้งด้วย” น้ำขิงยิ้มบาง ๆ ไม่กล้าพูดอะไร หัวใจยังสั่นจากเหตุการณ์บนรถ “ป่ะ… เราไปตึกปฐมนิเทศกันเถอะ” อิงอิงยิ้มกว้างอย่างร่าเริง “ว่าแต่…เธอเรียนคณะอะไรนะ ฉันคณะวิศวะ” น้ำขิงตอบเสียงแผ่ว “วิศวะ…เหมือนกันค่ะ” ดวงตาของอิงอิงเป็นประกายทันที เหมือนได้เพื่อนใหม่แบบไม่คาดคิด “เหมือนกันเลย! งั้นก็ทำตัวติดกันแบบนี้แหละลุย!” อิงอิงจับมือน้ำขิงแน่นแล้วออกเดินนำไป ต่างจากน้ำขิงที่ก้มหน้าเล็กน้อย ในใจทั้งอบอุ่น ทั้งประหม่า เพราะตั้งแต่เกิดมา… นี่เป็นครั้งแรกที่มีใครชวนเดินไปด้วยกันแบบนี้ เมื่ออิงอิงและน้ำขิงเดินมาถึงจุดลงทะเบียนของคณะ โต๊ะยาว ๆ ของรุ่นพี่ปีสามถูกตั้งเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ แต่คนที่ยืนอยู่หลังโต๊ะกลับสนใจผู้มาใหม่มากกว่าเอกสารบนโต๊ะเสียอีก พี่ปีสามผู้หญิงคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นถามด้วยรอยยิ้ม “ชื่ออะไรคะน้อง” อิงอิงตอบด้วยน้ำเสียงสดใสตามสไตล์ “รมิตา กิตติวรกุลค่ะ” เท่านั้นแหละ เสียงฮือฮาก็ระเบิดขึ้นทันที เหมือนเสียงลือวิ่งชนกันกลางลานคณะ “กิตติวรกุลเหรอ!?” “ตระกูลใหญ่ใช่มั้ย!” “น้องสาวพี่สิงห์ปะเนี่ย!” “โคตรไฮโซเลยอะ มาวิศวะจริงดิ” เพราะ กิตติวรกุล คือหนึ่งในตระกูลที่ไม่มีใครกล้าลบหลู่ แถม “สิงห์” รุ่นพี่ปีสามสุดฮอต ก็เป็นที่รู้จักไปทั้งคณะ พอรู้ว่าอิงอิงเป็นน้องสาว ทุกคนยิ่งแตกตื่นกว่าเดิมหลายเท่า อิงอิงยิ้มบาง ๆ อย่างสุภาพ ในขณะที่น้ำขิงยืนอยู่ข้างหลังเงียบ ๆ เธอเริ่มไหลออกจากภาพโดยไม่ตั้งใจ เหมือนถูกความโดดเด่นของอิงอิงกลืนหายไป พี่ปีสามหันมาถามต่อ “อ้าว แล้วน้องข้างหลังชื่ออะไรคะ” คนตัวเล็กรวบรวมความกล้า เธอรู้…ยังไงมันก็ต้องมาถึง จึงตอบเสียงเบาแต่ชัดเจน “กานต์ธิดา โสภาพลค่ะ” วินาทีนั้น ทุกอย่างเงียบกริบ เหมือนมีใครปิดปุ่มเสียงของทั้งลานคณะ เสียงซุบซิบหายไป รอยยิ้มของรุ่นพี่ก็แข็งทื่อค้างอยู่แบบนั้น เพราะทุกคนรู้จักนามสกุลนี้ดี นามสกุลที่ถูกตราหน้าว่า “เลว” และ “ก่อเรื่องใหญ่ในอดีต” นามสกุลที่เคยทำให้สังคมไฮโซสั่นสะเทือน โสภาพล ชื่อที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ อิงอิงหันหน้ากลับมา มองน้ำขิงด้วยสายตาแปลกใจ ไม่ใช่แปลกใจเรื่องนามสกุล แต่แปลกใจที่น้ำขิงเหมือนหวาดกลัวในใจ ส่วนคนอื่น ๆ…ก็ก้มไปกระซิบกันเงียบ ๆ คล้ายกลัวว่าเธอจะได้ยิน น้ำขิงหลุบตาลงทันที เธอทำใจไว้แล้ว ว่าวันแรกที่มหาลัย…คงเป็นแบบนี้ ไม่มีใครต้อนรับ ไม่มีใครอยากทัก ไม่มีใครอยากเข้ามาใกล้ เพราะเธอไม่ใช่ “รมิตา กิตติวรกุล” เธอคือ กานต์ธิดา โสภาพล ลูกของผู้หญิงที่ทุกคนในวงสังคมตราหน้าว่าเลว และมันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น… อีกด้านหนึ่งของสิงห์ บริเวณอาคารคณะวิศวะ สิงห์เดินตรงไปยังลานรวมรุ่นพี่ปีสามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “เฮ้ย ไอ้สิงห์! ทางนี้เว้ย!” เสียงโหวกเหวกของ กาย เพื่อนสนิทดังขึ้นก่อนเห็นหน้าด้วยซ้ำ ข้าง ๆ มันคือ บูม กับ เบส ฝาแฝดหน้าตาเหมือนกันเด๊ะ ยิ้มทักทายพร้อมกันอย่างกับกระจกสะท้อน บูมเป็นคนทักก่อน “ไหนมึงบอกจะมาไวไงวะ ไอ้สิงห์ นี่มึงมาตรงเป๊ะแปดโมงเลยนะเว้ย” สิงห์เพียงยักไหล่นิ่ง ๆ “ก็น้องกูช้า” เบสยกคิ้วขึ้นขำ ๆ “น้องมึงก็เรียนวิศวะด้วยเหรอวะ? เออ…กูได้ยินมาว่าพวกแก๊งน้องมึงตอนมอปลายมาเรียนวิศวะกันยกแก๊งเลยไม่ใช่เหรอ” มันเสริมต่อแบบไม่ได้คิดอะไร แต่คำพูดดันแทงสิงห์นิด ๆ “แถมยังว่าที่คู่หมั้นมึงด้วย” ใช่ ไอ้เบสหมายถึง พริ้มเพรา เพื่อนสนิทของอิงอิง และเป็นลูกสาวของผู้สมัครนายกรัฐมนตรีชื่อดัง ครอบครัวทั้งสองบ้านดูตัวกันตั้งแต่ทั้งคู่ยังเด็ก และพริ้มเพราคือคนที่…ประกาศชอบสิงห์ต่อหน้าคนเป็นสิบ แต่เขายังไม่ได้ชอบพริ้มเพรา เพราะเธอยังเด็กเกินไป แต่ก่อนที่เพื่อนจะพูดต่อ สายตาคมกริบของสิงห์ก็สะดุดเข้ากับใครบางคน ไอ้ปั้น อดีตเพื่อนสนิทชมรมกีฬา สนิทกันตั้งแต่มอปลาย แต่ตอนนี้… ทั้งคู่ไม่เหลือความเป็นเพื่อนแม้แต่นิดเดียว เหตุผลเหรอ? เพราะ ปั้นชอบพริ้มเพรา แต่พริ้มเพรา…กลับบอกต่อหน้าเพื่อน ๆ ว่า “ฉันชอบสิงห์” เท่านั้นแหละ ความสัมพันธ์ที่เคยแน่นเหมือนพี่น้องก็พังลงในเสี้ยววินาที จากเพื่อนรัก กลายเป็นคนมองหน้ากันไม่ติด แถมไอ้ปั้นยังพาเพื่อนในกลุ่มอีกสี่คนแยกไปอยู่ด้วยกัน ตอนม.ปลาย กลุ่มสิงห์มีถึงแปดคน แถมยังมาเรียนวิศวะด้วยกันทั้งหมด วันนี้…เหลือเพียงสี่ คือ สิงห์ กาย บูม เบส ส่วนอีกสี่… คือฝั่งของไอ้ปั้นทั้งหมด ตอนนี้ปั้นกำลังจ้องมาที่สิงห์ด้วยสายตาแข็งกร้าว เหมือนจะประกาศสงครามเงียบ ๆ สิงห์เม้มปากนิดเดียว ไม่ได้กลัว แต่ รำคาญ และเขายังไม่รู้เลยว่า วันนี้…คนที่เขาเกลียดเข้าไส้แบบไม่มีเหตุผล หรือน้ำขิง กำลังก้าวเข้ามาในคณะเดียวกันกับเขา และปัญหาชีวิตของเขา…เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม