ณ มหาวิทยาลัย XX เวลา 07.55 น.
เอี๊ยดดด!
รถสปอร์ตคันหรูของสิงห์หยุดสนิทตรงหน้าตึกใหญ่ของมหาลัยในวินาทีสุดท้าย
อิงอิงมองนาฬิกาแล้วหัวเราะออกมา
“หืม… เหลืออีกห้านาที! ไฟแดงผ่าแปดมากพี่สิงห์ นึกว่าคนขับรถแข่งระดับมือโปร”
เธอยกนิ้วโป้งให้พี่ชายแบบประชด ๆ
ก่อนจะรีบเปิดประตูรถ ลากน้ำขิงออกมาอย่างถือวิสาสะตามสไตล์
สิงห์เพียงยักไหล่
ไม่ตอบ ไม่เถียง
ก่อนเดินแยกออกไปเข้ากลุ่มเพื่อนปีสามคณะวิศวะที่ยืนรวมกันอยู่ไกล ๆ
ท่าทางคูล ๆ แบบไม่สนโลกตามสไตล์ผู้นำพี่ว้ากของคณะ
อิงอิงหันมาแตะแขนน้ำขิงเบา ๆ
“อย่าไปถือสาพี่สิงห์เลยนะ พี่เขาปากร้ายมาก ขี้แกล้งด้วย”
น้ำขิงยิ้มบาง ๆ
ไม่กล้าพูดอะไร
หัวใจยังสั่นจากเหตุการณ์บนรถ
“ป่ะ… เราไปตึกปฐมนิเทศกันเถอะ”
อิงอิงยิ้มกว้างอย่างร่าเริง
“ว่าแต่…เธอเรียนคณะอะไรนะ ฉันคณะวิศวะ”
น้ำขิงตอบเสียงแผ่ว
“วิศวะ…เหมือนกันค่ะ”
ดวงตาของอิงอิงเป็นประกายทันที
เหมือนได้เพื่อนใหม่แบบไม่คาดคิด
“เหมือนกันเลย! งั้นก็ทำตัวติดกันแบบนี้แหละลุย!”
อิงอิงจับมือน้ำขิงแน่นแล้วออกเดินนำไป
ต่างจากน้ำขิงที่ก้มหน้าเล็กน้อย
ในใจทั้งอบอุ่น ทั้งประหม่า
เพราะตั้งแต่เกิดมา…
นี่เป็นครั้งแรกที่มีใครชวนเดินไปด้วยกันแบบนี้
เมื่ออิงอิงและน้ำขิงเดินมาถึงจุดลงทะเบียนของคณะ
โต๊ะยาว ๆ ของรุ่นพี่ปีสามถูกตั้งเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
แต่คนที่ยืนอยู่หลังโต๊ะกลับสนใจผู้มาใหม่มากกว่าเอกสารบนโต๊ะเสียอีก
พี่ปีสามผู้หญิงคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นถามด้วยรอยยิ้ม
“ชื่ออะไรคะน้อง”
อิงอิงตอบด้วยน้ำเสียงสดใสตามสไตล์
“รมิตา กิตติวรกุลค่ะ”
เท่านั้นแหละ
เสียงฮือฮาก็ระเบิดขึ้นทันที
เหมือนเสียงลือวิ่งชนกันกลางลานคณะ
“กิตติวรกุลเหรอ!?”
“ตระกูลใหญ่ใช่มั้ย!”
“น้องสาวพี่สิงห์ปะเนี่ย!”
“โคตรไฮโซเลยอะ มาวิศวะจริงดิ”
เพราะ กิตติวรกุล คือหนึ่งในตระกูลที่ไม่มีใครกล้าลบหลู่
แถม “สิงห์” รุ่นพี่ปีสามสุดฮอต ก็เป็นที่รู้จักไปทั้งคณะ
พอรู้ว่าอิงอิงเป็นน้องสาว ทุกคนยิ่งแตกตื่นกว่าเดิมหลายเท่า
อิงอิงยิ้มบาง ๆ อย่างสุภาพ
ในขณะที่น้ำขิงยืนอยู่ข้างหลังเงียบ ๆ
เธอเริ่มไหลออกจากภาพโดยไม่ตั้งใจ
เหมือนถูกความโดดเด่นของอิงอิงกลืนหายไป
พี่ปีสามหันมาถามต่อ
“อ้าว แล้วน้องข้างหลังชื่ออะไรคะ”
คนตัวเล็กรวบรวมความกล้า
เธอรู้…ยังไงมันก็ต้องมาถึง
จึงตอบเสียงเบาแต่ชัดเจน
“กานต์ธิดา โสภาพลค่ะ”
วินาทีนั้น
ทุกอย่างเงียบกริบ
เหมือนมีใครปิดปุ่มเสียงของทั้งลานคณะ
เสียงซุบซิบหายไป
รอยยิ้มของรุ่นพี่ก็แข็งทื่อค้างอยู่แบบนั้น
เพราะทุกคนรู้จักนามสกุลนี้ดี
นามสกุลที่ถูกตราหน้าว่า “เลว” และ “ก่อเรื่องใหญ่ในอดีต”
นามสกุลที่เคยทำให้สังคมไฮโซสั่นสะเทือน
โสภาพล
ชื่อที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้
อิงอิงหันหน้ากลับมา มองน้ำขิงด้วยสายตาแปลกใจ ไม่ใช่แปลกใจเรื่องนามสกุล แต่แปลกใจที่น้ำขิงเหมือนหวาดกลัวในใจ
ส่วนคนอื่น ๆ…ก็ก้มไปกระซิบกันเงียบ ๆ คล้ายกลัวว่าเธอจะได้ยิน
น้ำขิงหลุบตาลงทันที
เธอทำใจไว้แล้ว
ว่าวันแรกที่มหาลัย…คงเป็นแบบนี้
ไม่มีใครต้อนรับ
ไม่มีใครอยากทัก
ไม่มีใครอยากเข้ามาใกล้
เพราะเธอไม่ใช่ “รมิตา กิตติวรกุล”
เธอคือ
กานต์ธิดา โสภาพล
ลูกของผู้หญิงที่ทุกคนในวงสังคมตราหน้าว่าเลว
และมันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น…
อีกด้านหนึ่งของสิงห์
บริเวณอาคารคณะวิศวะ
สิงห์เดินตรงไปยังลานรวมรุ่นพี่ปีสามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“เฮ้ย ไอ้สิงห์! ทางนี้เว้ย!”
เสียงโหวกเหวกของ กาย เพื่อนสนิทดังขึ้นก่อนเห็นหน้าด้วยซ้ำ
ข้าง ๆ มันคือ บูม กับ เบส ฝาแฝดหน้าตาเหมือนกันเด๊ะ ยิ้มทักทายพร้อมกันอย่างกับกระจกสะท้อน
บูมเป็นคนทักก่อน
“ไหนมึงบอกจะมาไวไงวะ ไอ้สิงห์ นี่มึงมาตรงเป๊ะแปดโมงเลยนะเว้ย”
สิงห์เพียงยักไหล่นิ่ง ๆ
“ก็น้องกูช้า”
เบสยกคิ้วขึ้นขำ ๆ
“น้องมึงก็เรียนวิศวะด้วยเหรอวะ? เออ…กูได้ยินมาว่าพวกแก๊งน้องมึงตอนมอปลายมาเรียนวิศวะกันยกแก๊งเลยไม่ใช่เหรอ”
มันเสริมต่อแบบไม่ได้คิดอะไร แต่คำพูดดันแทงสิงห์นิด ๆ
“แถมยังว่าที่คู่หมั้นมึงด้วย”
ใช่
ไอ้เบสหมายถึง พริ้มเพรา
เพื่อนสนิทของอิงอิง และเป็นลูกสาวของผู้สมัครนายกรัฐมนตรีชื่อดัง
ครอบครัวทั้งสองบ้านดูตัวกันตั้งแต่ทั้งคู่ยังเด็ก
และพริ้มเพราคือคนที่…ประกาศชอบสิงห์ต่อหน้าคนเป็นสิบ แต่เขายังไม่ได้ชอบพริ้มเพรา เพราะเธอยังเด็กเกินไป
แต่ก่อนที่เพื่อนจะพูดต่อ
สายตาคมกริบของสิงห์ก็สะดุดเข้ากับใครบางคน
ไอ้ปั้น
อดีตเพื่อนสนิทชมรมกีฬา สนิทกันตั้งแต่มอปลาย
แต่ตอนนี้…
ทั้งคู่ไม่เหลือความเป็นเพื่อนแม้แต่นิดเดียว
เหตุผลเหรอ?
เพราะ ปั้นชอบพริ้มเพรา
แต่พริ้มเพรา…กลับบอกต่อหน้าเพื่อน ๆ ว่า
“ฉันชอบสิงห์”
เท่านั้นแหละ
ความสัมพันธ์ที่เคยแน่นเหมือนพี่น้องก็พังลงในเสี้ยววินาที
จากเพื่อนรัก กลายเป็นคนมองหน้ากันไม่ติด
แถมไอ้ปั้นยังพาเพื่อนในกลุ่มอีกสี่คนแยกไปอยู่ด้วยกัน
ตอนม.ปลาย กลุ่มสิงห์มีถึงแปดคน แถมยังมาเรียนวิศวะด้วยกันทั้งหมด
วันนี้…เหลือเพียงสี่ คือ
สิงห์
กาย
บูม
เบส
ส่วนอีกสี่…
คือฝั่งของไอ้ปั้นทั้งหมด
ตอนนี้ปั้นกำลังจ้องมาที่สิงห์ด้วยสายตาแข็งกร้าว
เหมือนจะประกาศสงครามเงียบ ๆ
สิงห์เม้มปากนิดเดียว
ไม่ได้กลัว
แต่ รำคาญ
และเขายังไม่รู้เลยว่า
วันนี้…คนที่เขาเกลียดเข้าไส้แบบไม่มีเหตุผล หรือน้ำขิง กำลังก้าวเข้ามาในคณะเดียวกันกับเขา
และปัญหาชีวิตของเขา…เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น