หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ ทุกอย่างก็ยังเงียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นทำให้คชารู้สึกสนใจในตัวหญิงสาวมากขึ้น เขากลับมาทานข้าวที่บ้านกับมารดา ทั้งที่เขาไม่ได้กลับมาทานนานแล้ว ส่วนใหญ่เขาจะเที่ยวจนดึก แล้วก็หิ้วผู้หญิงกลับมานอนที่บ้าน แต่น่าแปลก ตั้งแต่วันที่เขามีสัมพันธ์กับไข่มุก เขาไม่เคยมีความรู้สึกต้องการออกไปเที่ยวกลางคืน หรือนอนกับผู้หญิงคนไหนอีกเลย
สายตาเจ้ากรรมก็คอยสอดส่องมองหาเธอ อย่างที่เขาไม่สามารถควบคุมมันได้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาเลย ทั้งที่เธอออกจะสวยและน่ารัก แต่ตั้งแต่คืนนั้น เขาก็ไม่อาจละสายตาจากการสอดสายตามองหาเธอได้เลย
“อารมณ์ไหน ถึงได้กลับมาทานข้าวกับแม่ได้” คุณหญิงภาวินีแซ็วบุตรชายที่พักนี้ดูเรียบร้อยผิดหูผิดตา
“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ เบื่อเที่ยวกลางคืนแล้ว” คชาเอ่ยออกมาตามจริง ช่วงนี้เขารู้สึกเบื่อๆ อย่างที่เขาบอกมารดาจริงๆ นั่นแหล่ะ
“ให้มันจริงเถอะ แล้วนี่คิดจะลงหลักปักฐานกับใครบ้างแล้วใช่มั้ย หรือว่าจะแต่งกับหนูเจน แม่จะได้ไปคุยกับแม่ของหนูเจน” คุณหญิงภาวินีเอ่ยด้วยความยินดี เมื่อเห็นบุตรชายมีท่าทางเบื่อหน่ายการเที่ยวกลางคืนจริงๆ แต่คำพูดของคุณหญิงภาวินีทำให้ไข่มุกถึงกับรู้สึกเจ็บที่หัวใจแปลกๆ ถ้าเขาแต่งงานจริง เธอก็คงจะปวดใจไม่ใช่น้อยอย่างแน่นอน
“ยังหรอกครับ ผมขออยู่เป็นโสดก่อนนะครับ อย่าเพิ่งเร่งผมเลยครับคุณแม่ ผมยังไม่พร้อม” คชาเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มเอาใจ เขาไม่อยากแต่งงานกับน้องเจนที่มารดาบอก คุณหนูอย่างเจนจิราน่ะหรือจะมาเป็นผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขาได้ ให้ทายเลย ถ้าเขาแต่งงานกับเจนจิรา อยู่ด้วยกันเกินปีได้ก็เก่งมากแล้ว
“แล้วเมื่อไหร่แม่จะได้อุ้มหลานล่ะ หวังว่าแม่จะไม่ตายก่อนที่จะได้เห็นหน้าหลานนะ” คุณหญิงภาวินีค้อนควับ เมื่อได้ยินคำตอบเดิมๆ ของบุตรชาย แต่คนที่โล่งใจอย่างไม่ทราบสาเหตุนั้นกลับเป็นสาวใช้ที่ยืนก้มหน้ารอรับใช้อยู่ข้างๆ โต๊ะอาหารอย่างไข่มุก