นางจะไม่ยินดีได้อย่างไร ในเมื่อกู้หยางอยู่ถึงเมืองเจียงซานทางตอนใต้ของแคว้น ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงหลายพันหลี้ (1หลี้=500เมตร) หากซีเยว่นางแต่งออกไปก็ไม่ต้องสนใจว่านางจะเป็นเช่นไร ทั้งยังไม่ต้องมีนางให้อยู่รกหูรกตาอีกด้วย
“ไม่ได้ เจ้าเลือกคนอื่นเถิด” อู๋ซื่อหันมามองหน้าสามีของนางอย่างไม่เข้าใจ กู้หยางก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเช่นกัน
“เพราะอันใดขอรับ”
“นางเป็นเพียงบุตรอนุ ให้แต่งกับเจ้าที่เป็นบุตรฮูหยินเอกของท่านนายอำเภอเห็นทีจะไม่เหมาะสม” คำกล่าวอ้างของเว่ยหมิงฟังขึ้นไม่น้อย หากมองกันตามฐานะก็เห็นว่าจะจริง
“ท่านพี่ ก็ให้อาเยว่นางแต่งเข้าไปเป็นอนุของคุณชายกู้ก็ได้เจ้าค่ะ”
เว่ยหมิงมองเตือนนางอู๋ซื่ออย่างดุดัน หากไม่เห็นแก่หน้านางที่เป็นถึงฮูหยินเอก เขาจะเอ่ยไล่นางออกจากห้องโถงกลับเรือนของนางไปเสีย
“มิได้ ข้าจะให้นางแต่งกับขุนนางให้ปกครองของข้า แม้จะมีตำแหน่งเล็กๆ แต่นางจะแต่งเข้าไปเป็นฮูหยินเพียงหนึ่งเดียว” เขาไม่ต้องการให้บุตรสาวไปเป็นอนุของผู้ใด
“เรื่องนี้ไม่ยากขอรับ เพราะข้าน้อยก็ไม่คิดจะให้นางแต่งเป็นอนุตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” กู้หยางมองเว่ยหมิงอย่างจริงจัง
“เจ้าเดินทางมาเหนื่อยๆ เรื่องนี้ค่อยพูดกันอีกหนก็ยังได้ บุตรสาวของข้าที่ถึงวัยออกเรือนยังมีอีกสองสามคน ไว้จะเรียกมาให้เจ้าดูตัวก็แล้วกัน” เว่ยหมิงเอ่ยตัดบทขึ้นมาเสียดื้อๆ
“ขอรับ” กู้หยางรับคำอย่างเรียบเฉย แต่สายตาของเขาก็ยังพิจารณาในตัวของเว่ยหมิงไม่ละไป
ก่อนที่พ่อบ้านเว่ยจะพากู้หยางเดินไปที่พัก เขาถูกเว่ยหมิงเรียกตัวไปสั่งคำเสียก่อน
“ให้บ่าวจับตาดูคุณชายกู้ให้ดี อย่าให้พบกับคุณหนูรองเป็นอันขาด”
“ขอรับ” พ่อบ้านเว่ยแม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายท่านถึงได้กังวลที่ทั้งสองจะพบกันมากเพียงนี้แต่ก็รับคำสั่งอย่างดี
ตอนนี้คุณหนูรอง นางล้มป่วยพักอยู่แต่ในเรือน จะออกมาด้านนอกจนได้พบกันได้อย่างไร
กู้หยางเดินตามพ่อบ้านเว่ยไปที่เรือนพักของตน สายตาของเขาไม่ได้กวาดมองไปที่ใด ได้แต่มองตรงไปด้านหน้าเพียงอย่างเดียว เรื่องนี้ยังสร้างความมึนงงให้พ่อบ้านเว่ย ว่านายท่านของตนระแวงมากเกินไปหรือไม่
ต่อให้คนทั้งสองพบหน้ากัน ก็คงไม่อาจรู้ได้ในทันทีว่าใครเป็นใคร ด้วยทั้งสองมิเคยพบเจอกันมาก่อน
กู้หยางเข้ามาถึงที่พัก เขาก็ลอบสังเกตว่า มีบ่าวไม่น้อยที่เข้ามาอยู่ทำงานภายในเรือน ทั้งดวงตาของพวกเขาต่างก็จ้องมองมาที่กู้หยางอยู่เป็นระยะเหมือนดูว่ากู้หยางกำลังทำอะไร
“คุณชาย” เสี่ยวหู บ่าวคนสนิทของเขาเอ่ยเรียกเจ้านายของตนอย่างกังวล
พวกบ่าวตระกูลเว่ยคงไม่รู้ว่าการที่กระทำเช่นนี้ สองนายบ่าวย่อมจะมองออกว่าพวกเขาถูกจับตามองเสียแล้ว
“ไม่ต้องสนใจ เจ้าไปจัดเก็บข้าวของเถิด ข้าอยากจะล้างตัวเสียหน่อย” เขาเอ่ยขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนของตนเอง
ซีเยว่นางตื่นขึ้นอีกครั้งก็เกือบจะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แม่นมชุยรีบเข้ามาช่วยประคองให้นางลุกขึ้นพิงหัวเตียง
“คุณหนูเจ้าคะ สาวใช้เรือนหลักมาแจ้งว่าวันนี้มื้อเย็นให้คุณหนูไปรับที่ห้องโถงเรือนหลักเจ้าค่ะ” แม่นมชุยเอ่ยแจ้งให้นางฟัง
“หื้ม...พวกนางก็รู้ว่าข้าเพิ่งจะหายไข้ แต่ยังให้ข้าเดินไปรับมื้อเย็นที่เรือนหลักอีกรึ” นางรู้เลยว่าเรื่องนี้เป็นอู๋ซื่อที่จัดการ
“วันนี้มีแขกเจ้าค่ะ”
“หึ คนตระกูลมู่อย่างงั้นรึ” นางคิดว่าเป็นคนตระกูลมู่ที่มาเจรจาเรื่องงานหมั้นของหลิวชิง
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ เป็นคุณชายกู้ เดินทางมาจากเจียงซาน...”
“ห๊ะ!!!” ซีเยว่ร้องขึ้นเสียงดัง แม่นมชุยที่ยังเอ่ยเล่าไม่จบก็ต้องสะดุ้งตกใจเพราะเสียงร้องของนาง
“โถ่ คุณหนูของบ่าว บ่าวตกใจหมดเลยเจ้าค่ะ คุณหนูรู้จักคุณชายกู้ด้วยรึเจ้าคะ” แม่นมชุยมองใบหน้าที่ตื่นตะลึงของซีเยว่อย่างสงสัย สงสัย ก่อนหน้านี้ซีเยว่ก็เคยเอ่ยถึงตระกูลกู้มาก่อนแล้วหนหนึ่ง
“ไม่ ไม่รู้” นางไม่คิดว่าเขาจะเดินทางมาถึงเร็วเพียงนี้
จากเรื่องราวในภพก่อน กู้หยางจะเดินทางถึงเมืองหลวงอีกเกือบเดือนข้างหน้ามิใช่หรือ อีกสองวันหลิวชิงนางก็จะนัดดูตัวกับตระกูลมู่ หลังจากนั้นอีกสามสี่เดือนถึงจะแลกเปลี่ยนเทียบชะตา
หลังจากที่นัดดูตัวไปแล้วหนึ่งเดือน กู้หยางจึงได้เดินทางมาทวงคำสัญญา แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงได้ปรากฏตัวอย่างกะทันหันเช่นนี้ ซีเยว่นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
หรือจะเป็นที่ตัวนางได้ย้อนกลับมา จึงทำให้เรื่องราวแปรเปลี่ยนไปไม่น้อยกัน
“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ” แม่นมชุยเอ่ยเรียกซีเยว่หลายหน นางดูเหมือนจะมีเรื่องในใจจนไม่ได้ฟังสิ่งที่แม่นมชุยเอ่ยถาม
“ว่า ว่าอย่างไร” ซีเยว่หลุดจากภวังค์ หันไปเอ่ยถามแม่นมชุย
“คุณหนูจะไปรับมื้อเย็นหรือไม่เจ้าคะ หรือไม่...ให้บ่าวส่งคนไปแจ้งเรื่องที่ท่านยังมิหายดี” แม่นมมองใบหน้าของซีเยว่อย่างกังวล ที่ซีดขาวอยู่แล้วก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นไม่น้อย
“มิต้อง ข้าจะไปรับมื้อเย็นที่เรือนหลัก” มีเรื่องสนุกเช่นนี้ดู นางจะพลาดได้อย่างไร
อยากเห็นหน้าสองแม่ลูก เมื่อรู้ว่ากู้หยางอยากแต่งหลิวชิงเข้าจวนตระกูลกู้ ไม่รู้ว่าจะน่ามองมากเพียงใด
“เช่นนั้น บ่าวจะช่วยคุณหนูเปลี่ยนเสื้อผ้านะเจ้าคะ” แม่นมชุยสั่งให้สาวใช้ยกน้ำเข้ามาล้างหน้าให้ซีเยว่
ก่อนจะช่วยนางเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ เมื่อเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองก็เดินออกไปที่ห้องโถงเรือนหลักทันที
ด้านในมีคนในจวนอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว เมื่อซีเยว่เดินเข้ามาทุกสายตาจึงมองมาทางนางอย่างสงสัย
“อาเยว่ เจ้ามาได้อย่างไร” เว่ยหมิงตกใจไม่น้อย เมื่อเห็นซีเยว่เดินเข้ามา
เขาจำได้ว่า สั่งให้สาวใช้ไปแจ้งที่เรือนของนางแล้ว ว่าวันนี้ให้นางอยู่แต่ภายในเรือนอย่าได้ออกมา
“มิใช่ว่าท่านพ่อให้สาวใช้ไปแจ้งลูกให้มารับมื้อเย็นรึเจ้าคะ” ซีเยว่ทำหน้าใสซื่อออกมา
แม้จะรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าเป็นอู๋ซื่อที่จัดการเรื่องนี้ คงอยากให้นางมาพบกู้หยาง จะได้เกิดการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวแทน
“ในเมื่อมาแล้วก็เข้ามานั่งที่ของเจ้าเสีย เพิ่งจะฟื้นไข้ประเดี๋ยวจะล้มป่วยไปเสียอีก” อู๋ซื่อเอ่ยออกมาราวกับมารดาที่มีเมตตาอย่างเหลือแสน
“เจ้าค่ะ” ซีเยว่เดินไปนั่งที่ของตน แต่นางก็ต้องชะงักเล็กน้อย เมื่อถูกจัดให้นั่งข้างกู้หยางพอดี
“อาจ้าน เจ้ามานั่งแทนอาเยว่” เว่ยหมิงเอ่ยเรียกบุตรชายของตนให้มานั่งที่ของซีเยว่
ซีเยว่นางจึงเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามของกู้หยางที่ติดกับหลิวชิงแทน
“ยกสำหรับมาเถิด” อู๋ซื่อหันไปร้องสั่งสาวใช้ นางยกยิ้มอย่างได้ใจ เมื่อเห็นกู้หยางมองพิจารณาซีเยว่อย่างไม่วางตา
ระหว่างกินอาหารทุกคนต่างไม่มีใครเอ่ยสิ่งใดออกมา แต่พอจะรู้ว่าเว่ยหมิงดูไม่พอใจ ที่เห็นซีเยว่นางปรากฏตัวขึ้นมาในตอนนี้ ต่างจากนางอู๋ซื่อและหลิวชิงที่ดูเหมือนจะกินอาหารได้มากกว่าเดิมเสียอีก
“อาเยว่ เจ้ากลับไปพักดีหรือไม่ ใบหน้าของเจ้ายังซีดขาวไม่น้อย” เว่ยหมิงเอ่ยขึ้นหลังจากกินอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เจ้าค่ะ” ซีเยว่ลุกขึ้นจะเดินออกจากห้องโถงไป แต่ถูกเสียงของนางอู๋ซื่อเอ่ยรั้งขึ้นมาเสียก่อน
“ประเดี๋ยวก่อน คุณชายกู้มีเรื่องอยากจะแจ้งกับทุกคน อาเยว่นางก็ควรจะอยู่ฟังด้วยใช่หรือไม่ท่านพี่” พอสิ้นคำของอู๋ซื่อ เว่ยหมิงก็หันไปมองทางนางอย่างไม่สบอารมณ์ทันที
ต่อให้เขาไม่พอใจเพียงใด นางก็ไม่สนใจแล้ว ในเมื่อนางต้องการให้ซีเยว่แต่งเข้าตระกูลกู้ มากกว่าที่จะเป็นบุตรสาวของนาง
“เจ้าคะ?” ซีเยว่หันไปมองที่อู๋ซื่อและกู้หยางอย่างไม่เข้าใจ สุดท้ายนางหันไปมองที่บิดาเพื่อขอคำตอบ