ในค่ำคืนที่พายุกำลังโหมกระหน่ำอย่างหนักหน่วง เม็ดฝนตกลงมาสู่พื้นดินไม่ขาดสาย รถตู้คันใหญ่หรูหราสีขาวราคาหลายล้านบาทกำลังขับเคลื่อนไปตามถนนเพื่อมุ่งตรงกลับไปยังคฤหาสน์หรูชานเมืองที่รอบๆ รายล้อมไปด้วยป่าไม้แสนสงบร่มรื่นของ ตระกูลวงศ์วรโชติ
สองสามีภรรยาชอบธรรมชาติและความสงบ จึงไม่คิดที่จะสร้างคฤหาสน์หลังใหญ่ในเมืองกรุงที่ต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบและเต็มไปด้วยความวุ่นวาย พวกเขาอยากให้ลูกสาวสุดที่รักของเขาได้อยู่ท่ามกลางความสงบสุข
นายแพทย์พงศ์กฤต วงศ์วรโชติ (กฤต) เจ้าของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศไทย ที่เติบโตมาจากโรงพยาบาลขนาดเล็ก จนปัจจุบันกลายมาเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าถึงหมื่นล้านบาทด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง
ดร.กุลภรณ์ วงศ์วรโชติ หรือ กุล ภรรยาคนสวยสวมชุดเดรสสีขาวสะอาดตาเหมือนดั่งนางฟ้านางสวรรค์กำลังเอนกายพิงกับเบาะรถโอบกอดร่างเล็กของเด็กน้อยวัยหกขวบที่กำลังหลับไหลเพราะความเหนื่อยล้า เนื่องจากสาวน้อยเอาแต่วิ่งเล่นซนกับกลุ่มเพื่อนวัยเดียวกันในปาร์ตี้งานวันเกิดอายุครบหกขวบที่บิดาและมารดาของเธอจัดขึ้นภายในโรงแรมสุดหรูตั้งแต่ช่วงเย็นจวบจนห้าทุ่มอย่างสนุกสนานและมีความสุข
เสียงฝนยังคงโปรยปรายลงมาต่อเนื่องไม่มาท่าทีว่าจะหยุด ถนนหนทางตอนนี้ก็เริ่มมองเห็นไม่ค่อยชัดเจนสักเท่าไหร่ พงศ์กฤตคอยสอดส่องมองซ้ายมองขวาอยู่ตลอดเวลา
“เข้ม ค่อยๆ ขับไปนะไม่ต้องรีบ ฝนตกหนักถนนหนทางมันมองไม่ค่อยเห็น” พงศ์กฤตเอ่ยกับคนขับรถที่สวมชุดสีดำด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความวิตกกังวล
“ครับนาย” คนขับรถตอบกลับเสียงเข้มพลางชะลอความเร็วของรถให้ช้าลงกว่าเดิมตามคำสั่งของเจ้านาย
“เมื่อยไหมที่รัก ลูกสาวเราเริ่มตัวโตขึ้นทุกวันๆ แล้วนะเนี่ย” พงศ์กฤตเอ่ยถามภรรยาด้วยความเป็นห่วงเป็นใยพร้อมกับยื่นมือสากไปลูบหัวลูกสาวที่พวกเขารักและหวงแหนสุดหัวใจ
“ไม่เลยค่ะ” เสียงหวานของกุลภรณ์ตอบกลับสามี
สาวน้อยตัวเล็กเมื่อได้ยินเสียงพ่อแม่พูดคุยกัน เธอจึงค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆ เด็กน้อยมองหน้าแม่ของเธอก่อนจะหันไปมองรอบๆ ก็พบว่าเธอยังอยู่บนรถตู้คันหรูเหมือนเดิม
“คุณแม่คะ” เสียงเด็กสาวเอ่ยเรียกมารดา
“ตื่นแล้วเหรอลูก” กุลภรณ์มองลูกสาวที่อยู่ในอ้อมแขนที่กำลังมองหน้าเธออยู่เช่นกัน
“ค่ะหนูตื่นแล้ว”
“นอนต่อเถอะลูกรัก เดี๋ยวถึงบ้านแล้วพ่อจะปลุกนะ” พงศ์กฤตลูบหัวเด็กสาวเบาๆ ทำให้เธอหันหลังไปมองหน้าพ่อด้วยใบหน้าที่งัวเงีย
เด็กน้อยไม่ได้ตอบกลับบิดาแต่เธอค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นมานั่ง มือจิ๋วยกขึ้นมาขยี้ตาไปมาพร้อมกับมองไปข้างหน้าที่มีสายฝนกำลังโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งอยู่ด้านนอกของรถ
ซ่า ซ่า ซ่า
“ไม่นอนต่อเหรอลูก” บิดาเอ่ยถาม
“ไม่นอนแล้วค่ะคุณพ่อ”
“คุณพ่อคุณแม่คะ หนูรักคุณพ่อคุณแม่ที่สุดในโลกเลยนะคะ” เด็กสาวเอื้อมมือเล็กๆ ไปจับมือของบิดาและมารดาเอาไว้
“ปากหวานจังเลยลูกสาวพ่อ..พ่อก็รักลูกนะนางฟ้าตัวน้อยของพ่อ”
“แม่ก็รักลูกเหมือนกันนะจ๊ะ”
บรรยากาศภายในรถตลบอบอวลไปด้วยความอบอุ่นระหว่างพ่อแม่ลูก พงศ์กฤตรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่มีภรรยาและครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้
เม็ดฝนยังคงกระหน่ำลงมาเรื่อยๆ คนขับรถมองไปที่กระจกมองหลังพลางอมยิ้มกับภาพครอบครัวของเจ้านายที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะมี
รถตู้ราคาหลายล้านขับเคลื่อนมาช้าๆ จนถึงทางโค้ง คนขับรถชะลอความเร็วลงอีกเล็กน้อยเพราะถนนมันค่อนข้างลื่น แต่ทว่าในจังหวะนั้นเองก็มีรถเก๋งคันสีดำเงาขับสวนมาด้วยความเร็วแรงพร้อมกับเปิดไฟสูงสว่างใส่รถตู้ของพวกเขาจนคนขับรถโดนไฟส่องสว่างใส่ดวงตา ทำให้มองไม่เห็นถนนข้างหน้าไปชั่วขณะ
ปี๊ดด! ปี๊ดด!
คนขับรถบีบแตรใส่รถเก๋งสีดำเงาเสียงดังลั่น สามคนที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังตกใจจึงมองไปที่หน้ารถทันที
“มีอะไรเข้ม!”
ชายหนุ่มชุดดำยังไม่ทันได้ตอบคำถามของเจ้านาย รถเก๋งสีดำเงาก็ส่องไฟสว่างจ้ามาใส่ดวงตาของทั้งสี่ชีวิตบนรถตู้ จากนั้นรถเก๋งก็พุ่งเข้ามาชนรถตู้เข้าอย่างจังด้วยความเร็วแรงเกินที่กฎหมายกำหนด
“เฮ้ยย!!”
“กรี๊ดดด!”
“กุล! มุก!”
“กรี๊ดดด!”
เสียงร้องของทั้งสี่ชีวิตดังขึ้นมาพร้อมเพรียงกันด้วยความตื่นตกใจสุดขีดที่อยู่ดีๆ รถคันนั้นก็พุ่งมาชนพวกเขาอย่างจัง จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงของรถที่กระแทกใส่กันอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
เอี๊ยดดด!! ตู้มมมม!! เพล้งงง!!
“กรี๊ดดดดดด”
พราวมุกสะดุ้งตื่นดีดเด้งลืมตาขึ้นมาช่วงเช้าตรู่ของวันเพราะฝันร้ายถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุในวัยเยาว์ที่เปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล ร่างบางในชุดนอนแขนยาวขายาวสีขาวผ้าซาตินบางเบานั่งหอบหายใจแรงอยู่บนเตียงกว้างกลางห้องนอนโทนสีขาวครีมสะอาดตา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงของคนแก่ชราเอ่ยขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงร้องกรีดอยู่ในห้องของหญิงสาว
“คุณหนูคะ..เป็นอะไรหรือเปล่าคะ คุณหนู”
“แฮ่กๆ ปะ..เปล่าค่ะ” พราวมุกน้ำเสียงสั่นเทายกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลรินอยู่ออกไปอย่างลวกๆ
“ป้าขอเข้าไปหน่อยนะคะ”
จันทรัศม์ หรือ ป้าจันทร์ สาวใช้แก่ชราที่ดูแลพราวมุกมาตั้งแต่เด็กๆ เอ่ย
“ค่ะ”
สิ้นเสียงของพราวมุก ป้าจันทร์ก็แง้มเปิดประตูเข้ามาช้าๆ สาวแก่ในชุดแม่บ้านสีดำก้าวเดินตรงมาหาร่างบางที่นั่งตัวสั่นเทาอยู่บนเตียง
“ฝันร้ายอีกแล้วเหรอคะคุณหนูของป้า”
พราวมุกมองหน้าสาวใช้แล้วพยักหน้าให้เธอ ป้าจันทร์เดินมานั่งย่อตัวลงบนเตียงข้างพราวมุก มือเหี่ยวย่นเอื้อมไปกอบกุมมือเรียวเล็กเอาไว้แน่น เพราะป้าจันทร์เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เธอเคารพรักมาก หญิงสาวจึงไม่ได้ถือตัวกับสาวแก่มากนัก
“ไปหาหมอไหมคะคุณหนู”
“ถ้าอีกสองสามวันมุกยังฝันอยู่เดี๋ยวมุกค่อยไปพบคุณอาค่ะ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอนอนสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้าย เธอเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้นจนทำให้เธอสูญเสียทุกคนที่เธอรักไป ภาพอุบัติเหตุในครั้งนั้นยังคงตามหลอกหลอนฉายวนอยู่ซ้ำๆ ในหัวของเธอจึงมันจะเลือนรางไปบ้างก็เถอะ เธอก็ไม่ได้มีอาการแบบนี้ตลอดมักจะมาเป็นช่วงๆ และหายไปสักพัก พออาการฝันร้ายของเธอกลับมาอีกเธอก็จะรีบไปพบอาหมอทันที
“คุณหนูรีบไปอาบน้ำเถอะนะคะ เดี๋ยวไปเรียนสาย ป้าจะรีบลงไปทำข้าวต้มให้กินค่ะ”
“ค่ะ”
สาวแก่ส่งยิ้มอบอุ่นให้พราวมุกหนึ่งครั้ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องนอนของหญิงสาวอย่างช้าๆ พราวมุกถอนหายใจออกยาวตั้งสติอยู่ชั่วครู่ จากนั้นร่างอวบอิ่มในวัยเจริญพันธุ์ก็รีบลงจากเตียงแล้วตรงไปห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายทันที