ภัทรธิดา วงศ์วรโชติ หรือ พราวมุก อายุ 21 ปี กำลังศึกษาปริญญาตรีปี1 คณะนิเทศศาสตร์ หญิงสาวผู้มีใบหน้ารูปไข่สวยสดงดงามสมวัยและมีกิริยามารยาทเรียบร้อยอ่อนหวาน ร่างอรชรสวมชุดนักศึกษาสีขาว กระโปรงสั้นทรงเอกำลังก้าวเดินตรงไปยังห้องอาหารภายในคฤหาสน์วอล์กเกอร์ที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านบาท
“มาแล้วเหรอคะคุณหนู ป้าทำข้าวต้มปลาไว้ให้ทานตอนเช้านะคะ” ป้าจันทร์กำลังจัดโต๊ะอาหารเตรียมไว้สำหรับสี่คนและมีสาวใช้อีกสองคนค่อยช่วยป้าจันทร์อยู่ใกล้ๆ
“คุณแม่คุณพ่อกลับมาแล้วเหรอคะ”
พราวมุกเอ่ยถามอย่างสงสัย ปกติเธอจะทานข้าวอยู่คนเดียวตลอดเพราะพ่อแม่บุญธรรมของเธอนั้น พวกท่านจะบินไปต่างประเทศอยู่บ่อยๆ ทำให้เธอต้องอยู่คฤหาสน์หลังใหญ่โตแห่งนี้เพียงคนเดียวจนเธอรู้สึกชินไปแล้ว
“พวกท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะคุณหนู”
สิ้นเสียงของจันทรัศม์ นายท่านและนายหญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคฤหาสน์หลังนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นด้านของพราวมุกพอดิบพอดี
“ไปเรียนเหรอลูก”
ดารินทร์ วอล์กเกอร์ มาดามของคฤหาสน์หลังนี้และเป็นเพื่อนรักของแม่ที่แท้จริงของพราวมุกเอ่ยขึ้น
“คุณแม่คุณพ่อ..สวัสดีค่ะ วันนี้มุกมีเรียนเช้าค่ะ”
“สวัสดีจ้าลูก” ดารินทร์เอ่ย
“มุก..พ่อกับแม่ซื้อน้ำหอมที่ฝรั่งเศสมาฝากนะลูก”
มาร์คอส วอล์กเกอร์ นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในบ้านนี้เอ่ยเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน ดารินทร์จึงยื่นถุงน้ำหอมราคาแพงให้กับหญิงสาวร่างอวบอิ่มที่อยู่ในชุดนักศึกษา
ถึงพราวมุกจะเป็นเพียงลูกสาวบุญธรรมที่เพื่อนรักของพวกเขาฝากฝังไว้ในพินัยกรรมระบุไว้ว่าให้มาร์คอสและดารินทร์เลี้ยงดูพราวมุกต่อหากพวกเขาถึงแก่กรรมไปก่อนวัยอันควร แต่ถึงกระนั้นมาร์คอสและดารินทร์ก็รักพราวมุกเหมือนลูกสาวแท้ๆ คนหนึ่ง เพราะหญิงสาวทั้งน่ารัก นิสัยดี มีสัมมาคารวะต่อผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็กๆ
“คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องซื้ออะไรมาให้หนูก็ได้นะคะ หนูไม่ค่อยได้ใช้ของพวกนี้เท่าไหร่หรอกค่ะ” พราวมุกรู้สึกเกรงใจพวกท่านยิ่งนัก
“เก็บไว้เพื่อมีงานค่อยใช้ก็ได้ลูก”
ดารินทร์ส่งยิ้มอบอุ่นให้ลูกสาวบุญธรรม ยังไงพราวมุกต้องไปออกงานกับตระกูลวอล์กเกอร์บ่อยๆ ในฐานะของลูกสาวของพวกเขา การที่เธอใช้ของแพงๆ ก็เพื่อให้เธอไม่ต้องอายใครในแวดวงสังคมชั้นสูง
พราวมุกมักจะเป็นแบบนี้เสมอมาเวลาที่พวกเขาซื้อของขวัญราคาแพงมาฝากเธอ หญิงสาวไม่เคยอยากจะมีอยากได้จะได้อะไรแบบที่วัยรุ่นส่วนใหญ่อยากจะได้ไปโอ้อวดเพื่อนๆ กันเลยสักอย่าง
“งั้นก็ได้ค่ะคุณแม่ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ” พราวมุกยื่นมือเรียวเล็กไปรับถุงน้ำหอมสีดำสนิทจากมาดามมาถือไว้
“เดี๋ยวป้าเอาขึ้นไปเก็บให้ค่ะคุณหนู” สาวใช้เอื้อมมือไปหยิบถุงในมือของพราวมุกมา
“ขอบคุณค่ะป้าจันทร์”
นักศึกษาสาวไม่ลืมที่จะพูดขอบคุณผู้อาวุโสกว่า ป้าจันทร์ช่วยเลี้ยงดูพราวมุกมาตั้งแต่คลอดออกมา จวบจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นทำให้พ่อแม่ของพราวมุกเสียไปทั้งสองท่าน รวมถึงสามีเธอที่เป็นคนขับรถก็เสียชีวิตลงไปในอุบัติเหตุครั้งนั้นอีกด้วย ป้าจันทร์จึงขอตามมาดูแลพราวมุกต่อเพราะความรักและห่วงใยที่มีต่อคุณหนูของเธอ
“กินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวลูกไปเรียนสาย” มาร์คอสเอ่ย
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็นั่งลงประจำที่ของตัวเอง โดยมีมาร์คอสนั่งอยู่หัวโต๊ะและดารินทร์นั่งอยู่ฝั่งซ้าย พราวมุกนั่งอยู่ฝั่งขวา
“มาร์วินล่ะค่ะ” ดารินทร์มองซ้ายมองขวายังไม่เห็นแม้แต่เงาของลูกชายตัวเอง
“น่าจะยังไม่ตื่นนะคุณ”
“ไปตามคุณมาร์วินที่คฤหาสน์ส่วนตัวของเขามาหน่อย” ดารินทร์เอ่ยกับสาวใช้ที่ยืนประจำตำแหน่งของตัวเองอยู่เป็นจุดๆ
เนื่องจากลูกชายของเธอค่อนข้างจะเจ้าอารมณ์และไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับตัวเองมากมายนัก เขาจึงสร้างคฤหาสน์ส่วนตัวขึ้นมาอีกหนึ่งหลังอยู่ติดๆ กันแต่เป็นในบริเวณรั้วเดียวกัน
“คือ..นายท่านยังไม่ได้กลับบ้านค่ะ” สาวใช้คนหนึ่งเดินมาใกล้ๆ พลางตอบกลับมาดามด้วยน้ำเสียงที่ดูลำบากใจ แต่จะให้เธอโกหกเธอก็คงทำไม่ได้
“ก็ตั้งแต่ที่มาดามกับนายท่านมาร์คอสไปฝรั่งเศสค่ะ”
“อะไรนะ! นี่ไม่กลับบ้านกลับช่องมาเป็นเดือนแล้วเหรอเนี่ย”
“เอ่ออ..ค่ะมาดาม”
“คุณโทรตามลูกเดี๋ยวนี้เลยนะคะ มัวแต่ไปนอนกกพวกผู้หญิงในฮาเร็มของตัวเองอยู่ละสิ คุณก็ไม่ได้เจ้าชู้นะคะแต่ทำไมลูกชายคุณถึงได้เจ้าชู้ขนาดนี้”
ดารินทร์เอ่ยขึ้นเสียงดังใส่สามี เพราะลูกชายตัวดีของเขาไม่เคยทำให้ผู้เป็นแม่สบายใจเลยตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นจนถึงตอนนี้
พราวมุกไม่ได้ออกเสียงใดๆ เธอก้มหน้าก้มหน้าตักข้าวต้มกุ้งเข้าปากช้าๆ
ส่วนพราวมุกเองก็ชินกับเหตุการณ์แบบนี้แล้วละ สองสามเดือนเธอถึงจะเห็นหน้าพี่ชายบุญธรรมของเธอสักครั้งหนึ่ง แต่ก็เห็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีหรือแค่เวลาเดินสวนกันเท่านั้นเพราะชายหนุ่มไม่ค่อยชอบหน้าเธอสักเท่าไหร่และส่วนใหญ่เขามักจะอยู่แต่ที่คฤหาสน์ส่วนตัวของตัวเอง
“ใจเย็นๆ ที่รัก มันน่าจะยังไม่ตื่น ตอนเที่ยงผมจะเรียกมันเข้ามาอบรมเองนะ”
“ดีค่ะ! คุณก็อย่าให้ท้ายลูกชายมากนักสิคะ”
“ครับๆ รีบกินข้าวเถอะ ข้าวต้มเย็นหมดแล้ว”
สิ้นเสียงของมาร์คอส ดารินทร์ก็ถอนหายใจออกยาวพลางกลอกตาด้วยความหงุดหงิด แต่ก็ตักข้าวต้มกุ้งที่กลิ่นหอมยั่วยวนใจในถ้วยกิน
มื้อเช้าผ่านพ้นไปอย่างเร่งรีบ ใช้เวลาไม่นานพราวมุกก็กินข้าวเสร็จ เธอยกมือขึ้นมาไหว้สวัสดีพ่อแม่บุญธรรมของเธอก่อนจะรีบก้าวยาวๆ ไปที่ลานจอดรถทันที
“ลุงจักรไปส่งมุกที่มหาลัยหน่อยจ๊ะ” พราวมุกเอ่ยกับคนขับรถด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ครับคุณหนู ขึ้นรถเลยครับ” ชายแก่ที่กำลังเช็ดรถอยู่ก็เปิดประตูเลื่อนให้หญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ”
พราวมุกไม่ลืมที่จะขอบคุณคนขับรถ หญิงสาวไม่เคยถือตัวหรือถือยศทาบรรดาศักดิ์ใดๆ ทั้งนั้นและนั้นก็ทำให้คนทั้งคฤหาสน์แห่งนี้รักและเอ็นดูหญิงสาวเอามากๆ
“เลิกกี่โมงครับคุณหนูวันนี้ ผมจะได้มารอรับครับ” คนขับรถเอ่ยถามทันทีที่ขึ้นมาประจำตำแหน่งคนขับ
“วันนี้ไม่ต้องมารับมุกนะคะ เลิกเรียนแล้วมุกน่าจะไปกับเพื่อนต่อค่ะ เสร็จธุระแล้วเดี๋ยวมุกนั่งแท็กซี่กลับเองค่ะ”
“ครับคุณหนู”