13
[ลูกศร]
ไม่เหลือใคร
พี่ปริญหันกลับมามองหน้าฉันด้วยสายตาราบเรียบ ถึงแม้ใบหน้าเราจะใกล้กันแค่ไหน แต่สายตาของเขายังนิ่งสนิท
แต่เรื่องความหล่อเรื่องนี้ฉันปฏิเสธไม่ได้จริงๆ เขาหล่อมาก ตาของเขาสวยกว่าผู้ชายทุกคนที่ฉันเคยเห็น จมูกโด่งได้รูป และริมฝีปากก็สวยน่าจูบ...
ฉันเคลื่อนไปจ้องริมฝีปากคู่นั้น ใช้สมองอันหนักอึ้งนึกถึงสัมผัสที่เคยผ่านมา เคยจูบ เคยงับริมฝีปากล่าง และริมฝีปากคู่นั้นก็เคยมอบความสุขมหาศาลกลางหว่างขาของฉันจนเสียวสะบั้น
แต่แล้วริมฝีปากคู่นั้นก็เอ่ยบางสิ่งออกมา...
"คำพูดของเธอ น่าเกลียดกว่าอ้วกของเธออีกนะ..."
"นี่!"
ฉันชี้หน้าเขาทันทีอีกนิดก็เฉียดปลายจมูก แต่ทว่าสายตาเย็นชาคู่นั้นไม่สะทกสะท้านใดๆ เขาแค่เคลื่อนสายตาไปมองปลายนิ้ว และเคลื่อนกลับมามองหน้าฉันโดยไร้ความรู้สึก
'ติ๊ง~'
เมื่อประตูลิฟต์เปิดร่างสูงก็หันหลังเดินออกไป แต่ฉันรีบกดปุ่มไว้ยื้อเวลาอีกนิด เพื่อทำเรื่องที่โง่ที่สุดในชีวิตที่เคยทำ
ใช่ ฉันกำลังแกล้งเป็นลม...
เท้าเริ่มเซไปข้างๆมือทาบผนังลิฟต์ดังปึง! ที่ทำเสียงดังเพื่อให้เขาได้ยิน และเมื่อพี่ปริญยอมหันกลับมาก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง ฉันก็ค่อยๆทรุดนั่งลงกับพื้นที่น่าขยะแขยงนั่น และหลับคอพับลง
'ตึก ตึก ตึก'
มีเสียงรองเท้าก้าวเข้ามาในลิฟต์ กลิ่นหอมอ่อนๆเฉพาะตัวเริ่มชัดขึ้น... รวมถึงเสียงลมหายใจที่ถอนออกมาบางเบา มันใกล้จนฉันเดาได้ว่าเขานั่งยองๆลงตรงหน้า และเริ่มโน้มมาหา
"จิ้งจก..."
"O_O"
"กรี๊ดดดดดดดด"
ฉันไม่สนสี่สนแปดโผไปหาเขาอย่างรวดเร็วแล้วรีบชักขากลับ นั่งพับเพียบอยู่กลางลิฟต์สวมกอดเขาหน้าแนบอกพลางกวาดตามองรอบๆทั้งกลัวทั้งขนลุก จิ้งจกมันเป็นสิ่งที่ฉันรังเกียจที่สุดในโลก มันอยู่ไหน? คอนโดราคาขนาดนี้ปล่อยให้มีจิ้งจกได้ไง!
"มันอยู่ไหน อยู่ไหน บอกมานะ! มันไปไหนแล้ว!"
เขาไม่ตอบ มีแค่ฉันคนเดียวที่ทั้งกอดทั้งมองรอบๆไม่วางตา จนสุดท้ายรู้ว่าตัวเองโดนหลอก จึงหันไปมองหน้าพี่ปริญขวับจนสบตากับเขา
สองแขนยังกอดอยู่แบบนั้น...
ผู้ชายคนเดิมที่คุ้นเคยกัน แต่ทำไมตอนนี้รู้สึกแปลกๆขึ้นมา...
"นี่หลอกฉันเหรอ?"
"อย่าทำแบบนี้อีก กลับไปซะ"
ว่าจบเขาก็แกะมือฉันออกแล้วลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งฉันนั่งโง่งมอับอายอยู่บนพื้นลิฟต์สกปรกคนเดียวจนประตูลิฟต์ค่อยๆปิดลงอีกครั้ง
สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายฉันก็โมโหฟึดฟัดจำใจลุกขึ้นยืนโซเซ และลากเท้าที่สวมรองเท้าส้นเข็มไปกดลิฟต์ลงไปที่ชั้นหนึ่งซึ่งเป็นชั้นล็อบบี้
'ติ๊ง~'
"คุณลูกศรใช่ไหมครับ"
ฉันก้าวออกมาจากลิฟต์เจอกับพนักงานใส่สูทเซ็ตผมเรียบมายืนดักรอ อะไรกัน... นี่ถึงขั้นแบล็กลิสต์กันเลยเหรอ
"ใช่ฉันเอง มีอะไร?"
"คุณหมอปริญเรียกบริการคนขับรถให้คุณครับ คุณดื่มมาคงขับรถไม่ไหวใช่ไหมครับ..."
ฉันลอบหัวเราะเหอะ ก็ไม่ได้ใจด้านใจดำนี่
"ไม่เป็นไรฉันขับได้ ฉันสร่างเมาแล้ว"
"เอ่อ... คือ"
ความอ้ำอึ้งของพนักงานและสภาพฉันตอนนี้ทำให้ฉันเริ่มหงุดหงิด
"นี่ ยืนบื้ออยู่ทำไม? ฉันใช้บริการฝากจอดรถ และรถฉันทะเบียนxxxx ไปขับรถมาฉันจะกลับบ้าน!"
"ครับๆ"
พนักงานรีบหันกลับและเดินเร็วๆกลับไปที่ล็อบบี้ ก่อนที่จะยกหูโทรศัพท์ประสานงานอย่างร้อนรน ส่วนฉันเดินไปนั่งไขว่ห้างรอที่โซฟา
จนสักพักมีคนเอากุญแจรถมาให้ฉัน รถถูกขับมาจอดที่หน้าประตูแล้ว โชคดีที่ยังเช้ามากไม่มีคนพลุกพล่าน ฉันจึงใช้โอกาสนี้รีบสับรองเท้าส้นเข็มที่สมบุกสมบันของตัวเองเดินไปขึ้นรถฝั่งคนขับ และรีบขับกลับบ้านทันที
แต่...
ไม่ถึงบ้าน...
•••♡•••
โรงพัก
"คุณเมาแล้วขับนะครับ รู้ไหมว่ามันอันตราย ดีนะที่ชนตู้ไปรษณีย์ถ้าชนคนขึ้นมา..."
"ก็ไม่ชนคนไง ฉันแค่วูบหลับไปแป๊บเดียว จะปรับเท่าไหร่ ค่าเสียหายกี่บาทก็พูดมา"
"นอกจากปรับ ตามกฎหมายเราต้องฝากขังคุณหนึ่งวัน หรือไม่ก็จนกว่าคุณจะสร่างเมาครับ"
'ปึง!'
ฉันตบโต๊ะจนคนทั้งโรงพักหันขวับมามอง
"รู้ไหมว่าฉันลูกใคร"
"รู้ครับ รู้ดีเลยครับ คุณลูกศรทายาท ZER Group แต่คุณต้องเข้าใจว่าเราเป็นตำรวจ เกิดเหตุขึ้นแบบนี้เราต้องทำตามหน้าที่ครับ"
"จะให้ฉันไปนอนในห้องขังสกปรกๆนั่นฉันทำไม่ได้หรอกนะ! จะเอาเงินเท่าไหร่ว่ามา!"
ฉันปวดท้ายทอยเพราะหลับในหักพวงมาลัยไปชนกับตู้ไปรษณีย์ที่ตั้งโง่ๆอยู่ริมถนน ตัวมีแต่คราบไวน์ที่ย้อนออกมาจากคอตัวเอง ถ้าต้องถูกขังในสภาพนี้ฉันจะทำให้โรงพักนี้ฉิบหายวายป่วงเลยคอยดู
"แต่กฎหมาย..."
"ฉันถาม...ว่าจะเอาเท่าไหร่"
"ไม่ได้จริงๆครับ"
"งั้นคุยกับพ่อฉัน พ่อ..."
"ถ้าเป็นคุณเซอร์ ท่านบอกให้ผมทำตามกฎหมายครับ"
คุณพ่อ!!!
ฉันมีพ่อไปทำไมเนี่ย!!!
ความโมโหของฉันทำให้สร่างจากความเมาและความง่วง ฉันกัดฟันถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะคว้ามือถือออกมากดโทรหาคนที่เอ่ยถึงเมื่อกี้ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวพร้อมระเบิด
CALLING | DAD
(ว่าไงลูกศร)
"คุณพ่อทำแบบนี้ทำไม ช่วยหนูได้ทำไมไม่ช่วยคะ"
(เราไม่ใช่เด็กแล้วนะลูกศร)
"คุณพ่อ!"
(บอกกับพ่อมาตลอดไม่ใช่เหรอว่าโตแล้ว รับผิดชอบตัวเองได้ ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ลูกศรต้องรับผิดชอบตัวเอง ทำผิดก็ว่าไปตามผิด)
"แต่มันเป็นห้องขังนะ จะไม่ใจร้ายกับลูกสาวที่ทำขึ้นมาหน่อยเหรอ?!"
(พ่อต้องวางแล้ว สงบสติอารมณ์แล้วจะรู้ว่าเราทำอะไรผิด)
"คุณพ่อ!"
พอคุณพ่อตัดสายฉัน ฉันก็โทรไปหาคุณแม่ แต่ท่านไม่รับสายเลย ฉันเชื่อว่าคุณพ่อต้องเป็นคนบงการเมียไม่ให้รับสายอีกคน
ส่วนลูกโซ่ยัยนั่นโทรไม่ติดตามนิสัยของนาง ถ้านอนอยู่ยัยนั่นจะเปิดโหมดห้ามรบกวนหนีทุกสิ่งทุกอย่าง ใครตายก็รอตื่นก่อนเถอะถึงจะรับรู้ ส่วนเพื่อนฉันพวกนั้นไม่มีใครรับสายสักคน ที่ดื่มๆกันมาอาจจะเมาและนอนหมดสภาพกันอยู่
ใช่...
คุณหนูไฮโซอย่างฉันต้องไปนั่งอยู่ในห้องขังจนกว่าจะสร่างเมา และแอลกอฮอล์เป็นศูนย์...
"จะโทรหาใครอีกไหมครับ"
ฉันกลอกตามองบนเอนพิงพนักเก้าอี้ ตอนนี้ฉันไม่นึกถึงใครเลยนอกจากเขา ผู้ชายที่อยู่กับฉันทุกสภาพ ผู้ชายที่ไม่เคยว่าที่ฉันเมาเละเทะแต่คอยกวาดล้างเช็ดถู คอยเป็นราชรถขับรถให้ คอยอุ้มฉันขึ้นเตียง เช็ดตัว เช็ดอ้วก ปลุกไปเรียน ไปรับไปส่ง ทำทุกอย่างให้ฉัน...
ฉันจึงเข้าไลน์อีกครั้ง มือสั่นใจชาเล็กน้อย ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าไลน์ถูกบล็อกอยู่ แต่ก็อยากพิมพ์ทิ้งไว้...
LINE | P.RIN 911
Ls. : share location
Ls. : เพราะพี่ไม่ยอมให้ฉันเข้าไปล้างหน้า ฉันเลยหลับในขับรถชนและโดนตำรวจจับ รู้สึกผิดด้วยนะ พี่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้
•••♡•••
[Special Part]
ที่ลูกศรโทรหาน้องสาวไม่ติดเพราะเธอกำลังเร่งโทรหาใครบางคนต่างหาก ก่อนหน้านี้ลูกโซ่แอบฟังพ่อของเธอคุยโทรศัพท์ จนได้ยินบางอย่างเข้า
'เราไม่ใช่เด็กแล้วนะลูกศร'
'บอกกับพ่อมาตลอดไม่ใช่เหรอว่าโตแล้ว รับผิดชอบตัวเองได้ ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ลูกศรต้องรับผิดชอบตัวเอง ทำผิดก็ว่าไปตามผิด'
คนตัวเล็กเกาะขอบประตูชะเง้อเข้าไปในห้องทำงาน พ่อของเธอกำลังวางสายแล้วยกมือนวดหว่างคิ้วอย่างเคร่งเครียด คนเป็นพ่อลำบากใจที่ต้องทำแบบนี้ แต่ก็อยากให้ลูกสาวได้เรียนรู้ถึงผลลัพธ์ที่ทำอะไรตามอารมณ์ตัวเอง
"เกิดอะไรขึ้นคะ" คนเป็นแม่ถาม
"ลูกศรเมาแล้วขับ ขับรถชนตู้ไปรษณีย์ ตอนนี้โดนตำรวจจับที่ สน.xx" ลูกโซ่ยกมือปิดปาก พร้อมกับแม่ของเธอที่ยกมือทาบอกด้วยความตกใจ แต่ขณะนั้นมือถือที่วางอยู่ก็แผดเสียงดังขึ้นมาจนคนเป็นแม่หันไปมอง และตั้งท่าจะเดินไปรับ
แต่ถูกสามีคว้ามือไว้ก่อน
"อย่ารับ อยู่เฉยๆ"
"อะไรคะ? ลูกเราจะเป็นอะไรไหม ฉันจะไปหาลูกค่ะ ฉันเป็นหมอนะลูกเราเกิดอุบัติเหตุต้อง consult"
"ไม่ต้อง ฉันถามตำรวจแล้วลูกศรไม่ได้รับบาดเจ็บ บางอย่างลูกศรต้องเรียนรู้ ลูกเราไม่ใช่เด็กๆที่จะโอ๋ทุกอย่าง ฉันแค่ให้ตำรวจฝากขังไว้สองชั่วโมงเดี๋ยวไปรับ"
ฝาแฝดคนน้องรู้ดีว่าถ้าปล่อยให้เกิดขึ้นและถูกขังไว้สองชั่วโมง ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อของเธอกับลูกศรต้องย่อยยับแน่ๆ คนตัวเล็กรีบวิ่งขึ้นบันไดกลับห้อง กดโทรหาคนสำคัญที่อาจจะช่วยได้และทำให้ลูกศรอารมณ์ดีขึ้น ก่อนที่สงครามเย็นจะเกิด
(ครับ)
"พี่ปริญคะ ช่วยพี่ลูกศรด้วย พี่ลูกศรขับรถชนแถวๆคอนโดพี่ และโดนตำรวจจับด้วยค่ะ พี่ลูกศรต้องการพี่นะคะ"
(...) ปลายสายเงียบ
"พี่ปริญ ยังอยู่ไหมคะ"
(น้องลูกโซ่ รู้เรื่องพี่กับลูกศรด้วยเหรอครับ...)
ปริญถามกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ต่างจากอีกคนที่ร้อนรนยืนไม่ติดเพราะเป็นห่วงพี่สาว
"รู้ค่ะ คุณพ่อก็รู้ คุณพ่อกำลังดัดนิสัยพี่ลูกศร ลูกโซ่ไม่อยากให้พี่ลูกศรเข้าไปอยู่ในห้องขัง พี่ปริญช่วยไปดูพี่ลูกศรได้ไหมคะ ประกันออกมาหน่อยนะ ถ้าปล่อยให้ฝากขังแบบนั้นพี่ลูกศรกลับบ้านต้องทะเลาะกับคุณพ่อแน่ๆ พี่ลูกศรต้องหนีกลับอังกฤษอีก และไม่กลับมาอีกแน่ๆ"
(...)
"พี่ปริญ..."
(ขอโทษด้วยครับ พี่คงช่วยอะไรไม่ได้)