12
[ลูกศร]
ความรู้สึกที่แทรกเข้ามา
ไม่รู้อะไรทำให้ฉันต้องพูดมัน ฉันยอมรับว่าตัวเองเป็นคนสับสน อารมณ์เปลี่ยนง่าย ความคิดเปลี่ยนเร็วเป็นทุนเดิม แต่ความรู้สึกแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับฉันมาก่อน
ความรู้สึกที่คาบเกี่ยวกับการอยากเอาชนะ และอยากครอบครอง ที่สำคัญอาการหน่วงหนึบจี๊ดนิดๆที่อกซ้ายมันเพิ่งมาโผล่เอาตอนนี้ได้ยังไง
บ้าจริง
หรือฉันแคร์เขาไปแล้ว
ฉันอยากจะกรี๊ดไล่ความรู้สึกพวกนี้ไปให้หมด เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกด้อยและอ่อนแอ
"พี่ว่ายากมากเลยครับ พี่คงช่วยอะไรไม่ได้"
"แค่คอยส่งข่าว ที่เหลือฉัน..."
'ปิ๊งป่อง~'
เสียงกริ่งหน้าห้องทำให้ฉันจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด ก่อนที่เนออนจะทำหน้านึกอะไรได้และยกนิ้วชี้ขึ้นมา
"อ๋า สงสัยพิตต้ากับได๋ได๋มาแล้ว ไปเปิดประตูให้ก่อนนะ" เนออนเดินไปเปิดประตู เหลือแค่ฉันกับพี่แทนที่ยืนอยู่ด้วยกัน พี่แทนยังยิ้มให้ฉันก่อนจะพูดต่อ
"น้องลูกศรไม่มีทางชนะหัวใจไอ้ปริญได้อีกแน่ๆครับอาจจะเหนื่อยและทะเลาะกันเปล่าๆ เชื่อพี่... ปล่อยมันไปเถอะ"
ไม่
ฉันไม่เชื่อ และไม่ปล่อย
แต่ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไป แค่ยิ้มที่มุมปากตอบพี่แทนเท่านั้น ก่อนจะเบนสายตาไปมองคนมาใหม่ทั้งสองคน ที่ถือถุงขนมถุงกระดาษจากร้านไวน์พะรุงพะรัง พอพวกนั้นโผล่หัวมาก็เสียงดังจนคอนโดของเนออนวุ่นวายไปหมด
แอบเบื่อ
เพราะจิตใจฉันมันไม่ได้อยู่ที่นี่ และมีอารมณ์อยากฉลอง
เวลาแค่สามเดือน กับหัวใจที่ปิดตายของพี่ปริญ ฉันชักไม่มั่นใจ
เรื่องที่คุยกันถูกกลบไปด้วยเสียงหัวเราะสนุกสนาน พิตต้านั่งร้องเพลง ได๋ได๋คอยชวนฉันดื่ม ฉันเลยไม่ได้พูดเรื่องพี่ปริญต่อ นั่งดื่มกับเพื่อนและอยู่ฉลองวันเกิดพี่แทนโดยที่สมองใช้ความคิดตลอดเวลา
เนออนดูมีความสุขมาก ยัยนั่นเป็นคนทำเค้กให้แฟน ทำกับข้าวเอง พอเริ่มเมาได้ที่ก็นึกสนุกไปหยิบโบมาผูกที่คอแล้วชวนแฟนเต้นรำ ซึ่งวันนี้ไม่ใช่วันเกิดแฟนนางซะทีเดียว เห็นว่าวันเกิดไม่ว่างต้องเข้าเวร ส่วนเนออนต้องบินไปต่างประเทศก็เลยชิงจัดกันก่อน
แต่ช่วงนี้คอฉันอ่อนชะมัด อาจจะดื่มเร็วไปหน่อยล่ะมั้ง ตอนนี้เลยนั่งสัปหงกอยู่มุมโซฟา
"ทุกคนๆ นอนที่นี่ไหม ดูเมากันมาก อย่าขับรถเลย"
เนออนหรี่เพลงและถามขึ้นมา ฉันประคองหัวหนักๆมองหน้าเธอ ก่อนจะโน้มไปวางแก้วที่โต๊ะกลางแล้วลุกขึ้นคนแรก
"ห้องนอนแกอยู่ไหน"
"อ้อ แกนอนห้องเล็กนะ วันนี้พี่แทนค้างด้วย มาๆฉันพาไป"
เนออนกวักมือเรียกและเดินไปจัดการห้องให้ก่อน พิตต้ากับได๋ได๋จึงมองหากระเป๋าสะพายตัวเองและลุกขึ้นยืนพร้อมกัน แต่พวกเธอหันมาบอกลาฉัน
"งั้นฉันกลับนะ แฟนมารับ"
"แฟนมารับเหมือนกัน" ไม่ทันไรมีแฟนกันหมดแล้ว
"อืม"
"หรือให้ฉันไปส่งไหมลูกศร"
"ไม่เป็นไร"
ฉันยกมือโบกเบาๆ ก่อนจะเดินไปห้องนอนเล็กที่เนออนเปิดประตูค้างไว้อย่างโซซัดโซเซ เข้ามาข้างในยัยนั่นกำลังดึงผ้าห่มออกมาจากตู้และปูผ้าให้ แต่ฉันไม่สนใจและไม่รอ โยนกระเป๋าทิ้งบนเตียงแล้วล้มตัวนอนมันทั้งอย่างนั้น
"ลูกศร ยังปูผ้าไม่เสร็จเลย อย่าเพิ่งนอนนน"
"ไม่เป็นไรฉันงีบแป๊บเดียว ไม่ต้องปูหรอก"
"ตีสามแล้วนอนให้สร่างเถอะ นอนอิ่มๆไปเลย แกขับรถกลางคืนไม่ค่อยได้นี่"
"..."
"ลูกศร"
"..."
ฉันไม่ตอบเมาและง่วงเต็มทน แต่ระหว่างที่ตาหลับอยู่กลับรู้สึกว่ามีผ้าห่มมาห่มตัวไว้ ก่อนจะได้ยินเสียงประตูเปิดออกไป และปิดลงเบาๆ
เมื่อคล้อยหลังเนออนและในห้องมีแค่ฉัน ฉันก็เปิดตาขึ้นอีกครั้งเอื้อมไปหยิบมือถือจากกระเป๋าสะพายออกมาดู ความง่วงหายไปไหนไม่รู้ แต่อยู่ๆรู้สึกติดใจจนต้องเช็กอีกที
คุณแม่ไลน์มาถามว่าอยู่ไหน
ลูกโซ่โทรมาสองสาย
แต่ฉันเลื่อนลงไปดูข้อความข้างล่างและกดเข้าไป ก่อนจะหัวเราะหึออกมาอย่างเย้ยหยันตัวเอง พี่ปริญยังไม่อ่านข้อความของฉัน และไม่ปลดบล็อกไลน์
ฉันจึงกดยกเลิกส่งข้อความ และทิ้งมือถือลงบนเตียงอย่างอารมณ์เสีย
ไม่ต้องถึงขั้นแต่งงานหรอก นี่ก็ถือว่าพี่เอาคืนฉันแล้ว
•••♡•••
'พี่แทน'
'พี่แทน อะ อื้อ'
'ตึก ตึก ตึก'
สิ่งที่ปลุกฉันให้ตื่นไม่ใช่อาการสร่างเมาหรือนอนไปแล้วเต็มอิ่ม ฉันวูบไปแป๊บเดียวก็ต้องเปิดตาขึ้นมาเพราะเสียงครวญครางสุดกระเส่าของยัยเนออน บ้าเถอะ ไม่เกรงใจคนแห้งขอดมาสามปีอย่างฉันรึไง เสียงดังรำคาญหูชะมัด
ฉันลุกขึ้นนั่งและหันไปมองผนังต้นเสียงที่ยังมีเสียงกระแทกของหัวเตียงด้วยจังหวะถี่รัว ก่อนจะยกมือนวดหัวคิ้วปรับสติที่หลุดลอยจากแอลกอฮอล์ของตัวเองกลับมาด้วย
'ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ!'
'พี่แทน อ๊าาาาา'
'พี่แทน!'
'พะ พอแล้ว จุก อ๊า!'
ตายแล้วไหมนั่น
ฉันหลับต่อไม่ลงเลยสะบัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วคว้ามือถือกับกระเป๋าก้าวลงจากเตียง แต่ไม่ขัดขวางทางขึ้นสวรรค์ของใคร ปิดประตูทุกบานเบาๆ แล้วออกไปกดลิฟต์ลงไปที่ชั้นล็อบบี้
ระหว่างที่ลิฟต์ดิ่งลงไปชั้นจี ฉันทั้งมึนหัวทั้งจะอ้วกจนต้องทาบมือกับผนังลิฟต์ไว้ ตอนนี้ตีห้าอีกไม่นานก็ฟ้าสว่าง คงขับรถได้ล่ะมั้ง...
'ติ๊ง...'
ฉันเงยขึ้นเตรียมเดินออกไปจากลิฟต์ แต่คนที่ยืนอยู่ทำให้สองปลายเท้าหยุดนิ่งทันที
พี่ปริญ...
จริงสิ... เนออนบอกว่าเขาอยู่คอนโดนี้เหมือนกันแต่ไม่ได้บอกว่าชั้นไหน ดูจากกระเป๋าที่ถือกาวน์ที่พาดอยู่บนแขน เขาเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลแน่ๆ
ทว่าสายตาของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปจากที่เห็นเมื่อตอนเย็น มองฉันแค่เสี้ยวหางตา และมองแผงวงจรด้านหน้าที่มีลูกศรชี้ขึ้น ก่อนจะก้าวเข้ามาในลิฟต์
"พี่... เอ่อ คุณจะไปชั้นไหน"
"..."
เขาไม่ตอบแต่หันไปกดลิฟต์ที่แผงอีกฝั่งเลขยี่สิบหก ฉันที่ไม่เคยมีความอดทนกับอะไรทั้งสิ้นจึงต้องทนขึ้นลิฟต์ไปกับเขาอีกครั้ง แต่พอลิฟต์เคลื่อนขึ้น ก็รู้สึกไม่ไหวแบบจริงจัง โลกทั้งใบเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนฉันเซไปพิงผนังลิฟต์ และทาบมือไว้ปึง!
คนตัวสูงยังยืนนิ่งมองตรง เขาไม่หันมา และไม่แม้แต่จะไถ่ถาม
ทั้งที่เมื่อก่อน...
ฉันจะเมา จะอ้วกแค่ไหน ก็...
"อุ๊บ อุแหวะ!"
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันอ้วกใส่พี่ปริญ ไวน์ที่กินไปทั้งหมดขย้อนออกมา และพุ่งราดที่แขนเสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกไปถึงเสื้อกาวน์ที่พาดอยู่บนแขน
เขาหันมามองหน้าฉันด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ แต่เมื่อฉันเหลือบมองไปที่แผงตัวเลขที่ไม่กี่ชั้นก็จะถึงชั้นยี่สิบหกก็นึกอะไรขึ้นได้
วิกฤตอาจจะเป็นโอกาส
"โทษที ฉันเมาไปหน่อย... ขอไปล้างหน้าห้องคุณได้ไหม"
"ฉันไม่สะดวกรับแขกตอนนี้" เขาตอบกลับมาทันที
"หรือซ่อนใครในห้อง?"
"ไม่ใช่เรื่องของเธอ..." ฉันหัวเราะเหอะออกมาแล้วกอดอกมองหน้าเขา
"ไหนๆก็จะเป็นครอบครัวเดียวกัน มีน้ำใจหน่อยไม่ได้รึไง คุณจะใจร้ายให้ฉันลงไปสภาพแบบนี้เหรอ"
พูดจบฉันก็จับคอเสื้อกระตุกเบาๆจนเห็นเนินอกที่อาบไปด้วยไวน์ อาจารย์หมอตรงหน้าเบนสายตาไปทางอื่นอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาใครบางคนพร้อมกับถอนหายใจออกมา
แต่ฉันรู้ว่าต้องเป็นเนออนไม่ก็พี่แทนที่อยู่ตึกนี้ จึงเผยยิ้มที่มุมปาก
"เพื่อนฉันกับเพื่อนคุณไม่ว่างรับสายหรอก..."
เขายกมือถือออกจากหูเล็กน้อยคล้ายจะหันมา แต่ฉันเขย่งขึ้นไปหา และกระซิบข้างหูก่อน
"กำลังทำเหมือนที่เราทำกันเมื่อก่อน..."
"..."
"เวลาที่เราทำกัน เราก็ไม่รับสายใครจนกว่าจะเสร็จไม่ใช่เหรอคะ..."