ตัวแม่ Come back

1238 คำ
1 ตัวแม่ Come back -สนามบินสุวรรณภูมิ- 'ตึก ตึก ตึก' รองเท้าส้นเข็มสีแดงก้าวสับๆแทรกผู้คนออกมาจากประตูทางออกหมายเลขหนึ่ง ก่อนที่ร่างบางของหญิงสาวที่สวมชุดเดรสสีแดงแรงฤทธิ์จะหยุดยืนพอยต์ขา และใช้นิ้วชี้ดันแว่นกันแดดแบรนด์เนมลงมาที่ปลายจมูกโด่ง ตาสวยเฉี่ยวของเธอกวาดมองหารถหรูของคนที่บอกจะมารับด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดแกมเหนื่อย ก่อนจะขึ้นเครื่องและบินมาจากลอนดอน เธอบอกจนปากจะฉีกไปถึงคอหอยว่าห้ามปล่อยให้รอเด็ดขาด ทำไมไม่รู้จักจำใส่สมองบ้าง รู้จัก 'ลูกศร' น้อยไปซะแล้ว "คุณลูกศรครับ ขะ ขอโทษที่มาช้าครับ รถติดขบวน..." "ขบวนบ้าอะไร!?" "ขบวนพาเหรดครับ ผมพยายามหาทางเลี่ยงแต่ทางไหนก็ติดครับ" ลูกศรถอดแว่นกันแดดจ้องหน้าคนขับรถจากเซอร์กรุปตาเขียวปั๊ด "ส่งกุญแจรถให้ฉัน และนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนี้จนกว่าฟ้าจะมืด ไม่อย่างนั้นกลับไปฉันจะไล่ออกให้หมด" คนขับรถสองคนมองหน้ากันทันที "คุณลูกศรครับ แต่ว่า..." "กุญแจ!" เธอสวมแว่นกันแดดอีกครั้งแล้วยื่นมือขอกุญแจรถ สุดท้ายคนขับรถตัวเล็กตัวน้อยที่ก้มหน้าสำนึกผิดก็ยอมวางกุญแจรถเบนซ์เอสคลาสที่จอดไฟกะพริบอยู่ไม่ไกลให้เธอ ลูกศรรีบกำไว้หมับแล้วเดินไปที่รถคันนั้นทันที ทิ้งรถเข็นกระเป๋าไว้กับคนขับรถที่นั่งคุกเข่าถูกทำโทษอย่างไม่แยแส รองเท้าส้นเข็มคู่นั้นพาเธอไปที่รถหรู เมื่อเปิดประตูขึ้นไปนั่งเธอก็รีบออกรถขับออกไปจากสนามบินโดยไม่สนใจเสียงเตือนรัดเข็มขัดนิรภัยที่ดังตลอดทาง "บ้าจริง หยุดแหกปากสักที" ถึงปากจะบ่นแต่มือคว้าดึงสายเข็มขัดนิรภัยมารัด เธอประคองพวงมาลัยรถด้วยมือเพียงข้างเดียวก่อนจะหมุนเลี้ยวอย่างชำนาญออกจากสนามบินสู่ถนนใหญ่ จากนั้นปลายเท้าที่ยังสวมรองเท้าส้นเข็มก็แตะคันเร่งทันที 'บรื้นนนน' เอสคลาสหลักสิบล้านขับปาดไปมาตามนิสัยขี้หงุดหงิดและเอาแต่ใจของลูกศร เป้าหมายเธอไม่ใช่บ้านหรอก ไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น แต่เป็นบริษัทโมเดลลิ่งของลูกพี่ลูกน้องดาราดังค้างฟ้าอย่าง อลิน ลินอลิน ต่างหาก แต่เมื่อมาถึงและจอดรถเอี๊ยดเปิดประตูก้าวขาลงจากรถ เหล่าพนักงานก็หันขวับจับตามองตาเป็นมัน คิดว่าคุณหนูไฮโซทายาทห้างดัง และโรงงานผลิตเหล้า คือดาราหรือนางแบบมาแคสงานโปรเจกต์ใหญ่ที่กำลังจะมาถึงเร็วๆนี้ เพราะรูปร่างของลูกศรใครเห็นก็ตาค้าง ขาเธอยาวสวย เอวคอดกิ่ว หน้าอกอวบพอเหมาะพอดี และจังหวะการเดินสับรองเท้าส้นเข็มเร็วๆ ก็สง่าผ่าเผยราวกับนางแบบมืออาชีพเดินอยู่บนแค็ตวอล์ก "สวัสดีค่ะ แคสงานวางโปรไฟล์ไว้ได้เลยค่ะ" ลูกศรกอดอก มองพนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ผ่านแว่นกันแดดด้วยสายตาราบเรียบ "ฉันมาพบอลิน" "นัดไว้ไหมคะ" "ไม่" "ให้ดิฉันแจ้งว่าใครมาพบคะ" "ไม่ต้องแจ้ง แค่บอกทางไปห้องทำงานยัยนั่นมาก็พอ" "เอ่อ ต้องรอ..." เมื่อพนักงานอ้ำอึ้งอารมณ์ของคุณหนูเอาแต่ใจก็สวิงขึ้นอย่างรวดเร็ว ลูกศรถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะหันปลายรองเท้าส้นเข็มของเธอเดินตรงไปที่ลิฟต์แทน นิ้วเรียวสวยจิ้มไปที่แผงตัวเลขชั้นบนสุด และหมุนตัวยืนกอดอกท่ามกลางสายตาของพนักงาน ที่เอาแต่มองเธอทั้งงงและตะลึงจนประตูลิฟต์สองข้างปิดเข้าหากัน 'ติ๊ง~' ชั้นยี่สิบห้า... ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกจากกัน ลูกศรก็ก้าวออกจากลิฟต์มองตามป้ายเดินไปที่ห้องประธานบริษัท เลขาหน้าห้องยืนขึ้นเตรียมออกมาต้อนรับตามหน้าที่ แต่สองปลายเท้าต้องเบรกทันทีเมื่อนิ้วชี้สวยของลูกศรชี้ออกคำสั่ง "กลับไปนั่งที่ของเธอซะ" ว่าจบมือนั้นก็ผลักประตูเข้าไปในห้องทำงาน คนนั่งอยู่หมุนเก้าอี้มาเห็นพร้อมตาที่เบิกกว้าง แต่ลูกศรไม่มีมารยาทพอ เธอเลื่อนเก้าอี้นั่งและโยนกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสาร 'ปึง' เจ้าของห้องสะดุ้ง "ว้าย! อะไรของแกเนี่ย มาตั้งแต่เมื่อไหร่" "เมื่อกี้ แล้วอยากกลับลอนดอนแล้วด้วย" อลินเอนพิงพนักเก้าอี้พร้อมมือที่ยกนวดหว่างคิ้ว เธอไม่ได้เจอลูกศรเกือบสามปีเต็ม เพราะเจ้าหล่อนไม่กลับมาเหยียบไทยเลย มีบางครั้งที่คุยในโซเชียลถามสารทุกข์สุขดิบ แต่ไม่คิดว่าสามปีที่หายหน้าหายตานิสัยไม่สนโลกของลูกศรจะไม่เปลี่ยนไป แบบไหนก็แบบนั้น ดูท่าจะมากขึ้นด้วย "พนักงานบริษัทแกไร้มารยาทชะมัด" "ทำไมอีกล่ะ" "ไม่รู้รึไงว่าฉันเป็นใครเอาแต่ถามอยู่ได้ว่านัดไว้ไหม และให้ฉันรอ" "โอ๊ยแกก็รอบ้างเถอะ ฉันงานยุ่งมากลูกก็ยังเล็ก พ่อแม่จะมาหาก็ต้องนัดเป็นทางการ" ลูกศรเบ้ปากแล้วยกขาไขว่ห้าง "ตลก แกได้สามีรวยไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องทำงานงกๆ อีกอย่างหุ้น ZER Group ก็ไม่ใช่น้อยๆ" "ฉันอยู่เฉยๆไม่ได้หรอก ไม่ชิน แล้วนี่กลับมารับช่วงต่อคุณลุงใช่ไหม?" คุณลุงที่อลินหมายถึงคือ เซอร์ อัครวิชญ์ อัครบดินทร์สกุล ผู้ดำรงตำแหน่งประธานบริหาร ZER Group ในตอนนี้ ที่สำคัญเป็นพี่ชายฝาแฝดของพ่อเธออย่าง อลัน อัครวัชร์ อัครบดินทร์สกุลด้วย "ไม่รับอะไรทั้งนั้น ให้ยัยลูกโซ่บริหารไป ยัยนั่นลูกรักอยู่แล้ว" อลินกอดอกจ้องหน้าคนหน้าบึ้ง "แกพูดเพราะน้อยใจ?" ลูกศรยิ้มแหยงๆ แล้วชี้หน้าตัวเอง "ฉัน? ฉันเนี่ยนะน้อยใจ ไม่มีทางหรอก ฉันแค่ไม่อยากเหนื่อย และไม่อยากอยู่ในกรอบของคุณพ่อแค่นั้น ไม่เหมือนยัยลูกโซ่ หึ ยัยนั่นยอมทุกอย่าง ทำตัวเป็นคนเก่งคนดีก็เลยได้ช่วยงานคุณพ่อ ตอนนี้ท่านวางตัวให้บริหาร ZER Group แล้วมั้ง" แค่มองตาก็รู้ไส้รู้พุง ว่าพูดออกมาทั้งหมดลูกศรแอบน้อยใจลึกๆ ด้วยนิสัยที่ไม่สนใคร ดื้อ เอาแต่ใจ ไม่อยากรับผิดชอบอะไรแม้แต่ชีวิตตัวเอง เธอจึงถูกทาบทามให้ไปเรียนเมืองนอกฝึกช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เด็ก แต่ก็หัวแข็งรอจนจบมหาวิทยาลัยถึงยอมไปต่อป.โท แตกต่างจากน้องสาวฝาแฝดที่เรียบร้อย พูดน้อย มีความรับผิดชอบสูง ตอนนี้จึงได้ทำงานที่ ZER Group ในตำแหน่งสูง พร้อมขึ้นบริหาร "ที่คุณลุงเรียกกลับมาต้องมีอะไรสักอย่างล่ะน่า ไม่ก็งานแต่งลูกโซ่" ขาที่ไขว่ห้างอยู่ยกลงทันที ลูกศรจ้องหน้าลูกพี่ลูกน้องที่นั่งหมุนเก้าอี้ด้วยสีหน้าอึ้งเล็กน้อย ขณะที่คนบอกเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับข่าวดีนี้ "ว่าไงนะ ยัยเด็กบ้านั่นจะแต่งงาน?" "อืม ฉันได้ข่าวมาแบบนั้น หงุดหงิดป่ะเนี่ยที่น้องสาวขายออกก่อนอ่ะ" เธอกระตุกยิ้มที่มุมปาก และยกขาเรียวสวยไขว่ห้างเช่นเดิม "หงุดหงิดทำไม แต่งก็แต่งไปสิ มดลูกไม่ผูกติดกันซะหน่อย"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม