2
[ลูกศร]
กลับสู่สภาพเดิม
อย่างลูกโซ่น่ะเหรอจะแต่งงาน?
นึกแล้วฉันก็อดหัวเราะไม่ได้ เพราะคนอย่างลูกโซ่เธอเหมือนอยู่คนละโลกกับฉัน น้องสาวฝาแฝดที่ไม่เคยอ้าปากเถียงใครสักคำ ทำตัวน่าหงุดหงิดไปวันๆ เชื่องช้าเรียบร้อย อยู่กับยัยนั่นทีไรต่อมความอดทนฉันต่ำทุกที
แต่แต่งงานก็ดี ขอให้เจอผู้ชายที่ดีและมีสมองแล้วกัน
"แกกลับบ้านไปเจอหน้าพ่อแม่รึยัง?" ฉันถอนหายใจใส่อลิน
"ไม่ค่อยอยากเจอเท่าไหร่"
"บ้าป่ะ ไปเรียนเมืองนอกเกือบสามปีไม่กลับมาเลยสักครั้ง ไม่คิดถึงเหรอ?"
"ไปเจอคุณพ่อ คุณพ่อก็ต้องพูดเรื่องธุรกิจ เรื่องงาน เรื่องอนาคตที่ฉันต้องวางแผนให้ท่านรู้ ส่วนคุณแม่ก็เออออตามคุณพ่ออยากให้ฉันอยู่กับร่องกับรอย และอยู่บ้านที่โคตรน่าเบื่อ"
"สมควร ตอนมหาลัยแกเหมือนจะใจแตก"
คำพูดของอลินทำให้ฉันชะงัก ฉันไม่ได้โกรธหรือตะขิดตะขวงใจกับคำพูดนั้นสักนิดเดียวเพราะมันคือความจริงแบบไม่หัก แต่มันทำให้ฉันนึกอะไรได้ต่างหาก ช่วงมหาลัยเป็นช่วงที่ฉันใช้ชีวิตได้สุดโต่งจริงๆ
แล้วที่ฉันยอมไปเรียนป.โทที่ลอนดอน เพราะอยากจะชุบตัวเองจากช่วงนั้นแหละ
"เฮ้ยโกรธรึเปล่าเนี่ย" พอเห็นฉันเงียบ อลินก็ถามกลับสีหน้าเป็นกังวล
"ไม่ ไร้สาระ เอาเป็นว่าฉันกลับก่อนดีกว่า" ฉันว่าจบก็ยกขาที่ไขว่ห้างลงแล้วยืนขึ้นคว้ากระเป๋าสะพาย
"แกจะกลับบ้าน?"
"เปิดโรงแรมนอน"
"ลูกศร~ แกจะขวางโลกไปถึงไหนเนี่ย ฉันว่าคนที่ควรถูกจับแต่งงานน่าจะเป็นแกมากกว่าลูกโซ่นะ มีผัวเผื่ออะไรจะดีขึ้น" ฉันกอดอกกลอกตามองบน ฉันไม่ได้ขวางโลก แต่ฉันเบื่อโลก และเบื่อทุกคนที่เอาแต่บงการชีวิตฉัน
"Stupid (โง่เง่าสิ้นดี)"
อลินอ้าปากเหวอ ฉันไม่สนใจหน้าตลกๆของยัยนั่น เมื่อไม่มีอะไรจะคุยก็หมุนตัวเดินออกมาจากห้องทำงานของประธานบริษัทเพิร์ลโมเดลลิ่งไปที่ลิฟต์ตัวเดิมที่ตัวเองขึ้นมา โดยไม่เสียเวลาชายตามองเลขาที่ยืนยกมือไหว้แม้แต่น้อย
ระหว่างที่ลิฟต์เคลื่อนลงชั้นหนึ่งอยู่ในกล่องแคบๆคนเดียว ฉันคิดแทบตายแต่ก็คิดไม่ออกว่าอะไรบ้างที่ฉันชอบ และทำให้ฉันอยากอยู่ที่นี่
เบื่ออากาศ เบื่อรัฐบาล เบื่อรถติดๆ แถมโดนเรียกตัวกลับมาแบบนี้คุณพ่อต้องใช้งานฉันให้ทำงานตามแผนที่ตัวเองวางไว้ อาทิ จับฉันไปฝึกงานกับพนักงานทั่วไปเหมือนที่ลูกโซ่เคยทำ จากนั้นทำงานจนท่านเห็นศักยภาพก็ขยับเลื่อนขั้นเหมือนพนักงานคนอื่นๆ
ซึ่งฉันไม่อยากเกลือกกลั้วกับคนพวกนั้น เพราะแค่หันหลังให้ ปากว่างๆก็ขยับซุบซิบคนอื่นอย่างสนุกปาก
เป้าหมายของฉันคือตั้งบริษัทของตัวเอง แต่ก็นั่นแหละ... พ่อฉันไม่อนุมัติเรื่องนี้ ถึงฉันจะจบตรงสายถึงขั้นได้ปริญญาใบที่สองจากอังกฤษมีประสบการณ์ฝึกงานบริษัทยักษ์ใหญ่ที่นั่นมาแล้วก็ตาม ความเหลวแหลกช่วงมหาวิทยาลัย บวกกับนิสัยไม่เอาไหนและไม่เอาใครของฉันก็ทำให้ท่านไม่เชื่อมั่นในตัวฉันเท่ากับลูกสาวสุดเรียบร้อยอย่างลูกโซ่
ไม่ได้อิจฉาใคร คำนี้ไม่เคยมีในหัว แต่รำคาญระบอบเผด็จการของคุณพ่อ
เมื่อลิฟต์เปิดที่ชั้นหนึ่งฉันก็ก้าวเท้าออกจากลิฟต์เดินไปขึ้นรถคันเดิม ตอนเหยียบคันเร่งออกมาไม่รู้หรอกว่าจุดหมายตัวเองจะไปที่ไหน จึงเลือกขับไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีอารมณ์อยากกลับบ้าน
แต่รู้ตัวอีกทีฉันก็มาถึงห้าแยกทำเลทองกลางกรุงแล้ว ซึ่งหัวมุมห้าแยกนี้มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่
มันคือห้าง ZER ห้างของครอบครัวฉัน สิบชั้นแรกเป็นห้าง สิบชั้นถัดมาเป็นสำนักงาน และอีกยี่สิบชั้นตลอดจนดาดฟ้าเป็นโรงแรมและมีรูฟท็อป แต่ธุรกิจตระกูลฉันหรือตระกูล 'อัครบดินทร์สกุล' ไม่ได้มีแค่นี้หรอก ยังมีโรงงานผลิตเหล้า ผ้าไหม ธุรกิจบ้าบออีกมากมายที่ฉันนับนิ้วสิบนิ้วก็ไม่หมด
"เหอะ สุดท้ายก็ต้องกลับมาเจอสินะ"
ฉันบ่นกับตัวเอง แล้วเคลื่อนสายตาไปมองสัญญาณไฟตรงหน้า และเมื่อตัวเลขที่นับถอยหลังสิ้นสุดที่เลขศูนย์แปรเปลี่ยนเป็นไฟเขียวเท่านั้นแหละ ฉันก็ออกรถเลี้ยวเข้าไปที่ตึกของครอบครัวเพื่อไปเปิดโรงแรมพักผ่อน
บริเวณชั้นหนึ่งนอกจากจะเป็นห้างสรรพสินค้าขายของแบรนด์เนม ส่วนด้านหน้ายังแบ่งเป็นล็อบบี้ของโรงแรมด้วย
"สวัสดีค่ะ ติดต่ออะไรคะ"
ฉันถอดแว่นกันแดดออกเพื่อมองหน้าพนักงานชัดๆ หรือไม่... ก็ให้หล่อนมองฉันให้ดีๆ
"คุณลูกค้าติดต่ออะไรคะ..."
"ไม่รู้จักฉันรึไง?"
พนักงานสาวที่สวมยูนิฟอร์มของโรงแรมยิ้มแห้ง ก่อนที่แขนเธอจะถูกกระตุกดึงให้หลบไปอีกฝั่งแทน และมีพนักงานอีกคนแทรกมายืนหลังตรงยกมือไหว้ฉัน
"สวัสดีค่ะคุณลูกศร ขอโทษแทนพนักงานใหม่ด้วยค่ะ มีอะไรให้ดิฉันรับใช้ไหมคะ"
"จัดห้องพักวีวีไอพีให้ฉัน และปิดทั้งชั้นด้วย"
เหมือนพนักงานจะอึ้งเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มตอบกลับมา
"ได้ค่ะ สักครู่นะคะ"
เธอยกหูโทรศัพท์ไร้สายโทรหาใครบางคน และยืนหันหลังพูดกับปลายสายเบาๆ ฉันกอดอกมองไปทางอื่น เริ่มหงุดหงิดที่ต้องรอและต้องขอทั้งที่เป็นโรงแรมของครอบครัวตัวเอง
จนพนักงานหันมาหน้าซีด
"เอ่อ ขอโทษด้วยนะคะคุณลูกศร ดิฉันไม่สามารถเปิดห้องให้คุณลูกศรพักได้จริงๆค่ะ"
ฉันจ้องหน้าพนักงานทันที
"พูดบ้าอะไร ฉันเป็นเจ้าของที่นี่"
"ดะ ดิฉันทราบค่ะ แต่คุณเซอร์ท่านไม่อนุญาตค่ะ ท่านฝากบอกอีกว่าให้คุณลูกศรกลับบ้าน ทุกคนรออยู่ค่ะ"
คุณพ่อ!
ฉันกลอกตามองบนอย่างเบื่อหน่าย ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าบ้าน คุณพ่อก็บงการฉันแล้ว และยิ่งกว่านั้นยามของโรงแรมทุกคนที่อยู่ที่นี่ยังพร้อมใจเดินตรงมาหาฉันอย่างมีจุดมุ่งหมาย
"ขอโทษครับคุณลูกศร รถมารอแล้วครับ เชิญครับ"
สุดท้ายฉันก็ต้องกลับบ้าน ที่ยอมง่ายๆคิดว่ากลับไปเจอครอบครัวให้จบๆค่อยออกมาค้างที่โรงแรมทีหลัง ไม่อย่างนั้นคุณพ่อไม่ปล่อยให้ฉันสงบสุขแน่ๆ
ฉันเดินสับรองเท้าส้นเข็มไปที่รถตู้เบนซ์ที่จอดอยู่หน้าประตูตึก เมื่อหย่อนกายนั่งบนเบาะนุ่มก็โยนกระเป๋าสะพายใบเฉียดล้านลงบนเบาะข้างๆอย่างไม่สบอารมณ์
นี่แหละฉัน... นี่แหละลูกศร ศรศิรินทร์ อัครบดินทร์สกุล ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีเท่าไหร่ เอาแต่ใจ ไม่สนหัวใครทั้งนั้น อารมณ์ของฉันเป็นที่ตั้งเสมอจนได้ฉายาคุณหนูขี้วีนประจำมหาลัย
แต่ฉันรู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไร... ถึงจะใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งแค่ไหน อย่างน้อยก็ไม่เคยฆ่าใครตายแล้วกัน มากสุดก็แค่หักอกผู้ชายแค่นั้น