9
[ลูกศร]
ชนวนการแข่งขัน
ฉันออกมาจากห้องหนังสือแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะอาหารด้วยสีหน้าปกติ ทุกคนเผยยิ้มให้ฉันเว้นแต่พี่ปริญที่กินข้าวอยู่ และคุณพ่อที่กำลังคว่ำมือถือลงบนโต๊ะ
ฉันชำเลืองมอง แอบแปลกใจนิดหน่อย เพราะถ้ามีแขกมาร่วมโต๊ะหรือคุยธุระอะไรก็ตาม ปกติคุณพ่อจะเคร่งเรื่องมารยาทมาก ท่านไม่เคยใช้มือถือ ต่อให้สมาร์ตโฟนจะสั่นหรือแหกปากแค่ไหน ก็จะถูกเชิญออกจากบริเวณนั้นทันที แม้แต่ที่ฉันลุกขึ้นไปเมื่อกี้ก็อาจจะถูกเอ็ดตอนแขกกลับด้วย
เป็นไปได้สองอย่าง... อย่างแรกท่านไม่จริงจังอะไรกับเรื่องนี้ อย่างที่สองคงสนิทกับครอบครัวพี่ปริญมากระดับหนึ่ง
แต่แล้วแม่พี่ปริญก็หันมายิ้มหวานให้ฉัน
"หนูลูกศรจ๊ะ มีแฟนรึยังเอ่ย"
พอยัยลูกโซ่หายหัว ก็มีแค่ฉันนี่แหละที่ต้องตอบคำถามผู้ใหญ่ ฉันมองคนฝั่งตรงข้ามที่ยังก้มหน้าไม่สนใจใครครู่หนึ่ง แล้วเคลื่อนสายตาไปที่แม่ของเขา
"ไม่มีค่ะ คุณป้าพอจะมีลูกชายเหลือสักคนไหมคะ"
ปั่นประสาทฉันก่อน เรื่องอะไรฉันจะยอม
"เสียดายจังเลยลูก ป้ามีลูกชายคนเดียวน่ะสิ แต่มีหลานชายนะ รายนั้นก็โสดเป็นหมอเหมือนปริญเลย ลูกศรชอบหมอไหม?"
ฉันมองอดีตคู่นอนของตัวเองแล้วระบายยิ้มออกมา
"หมอก็ไม่เลวนะคะ ดูตื่นเต้นดี... ที่เห็นอาจจะนิ่งและสุภาพ แต่จริงๆแล้ว 'หมอ' น่าค้นหามากเลยค่ะ"
พูดจบฉันก็ยกน้ำดื่มและค่อยๆวางแก้วลง เป็นจังหวะเดียวที่ยัยลูกโซ่กลับมาพอดีแล้วเลื่อนเก้าอี้นั่ง จากที่ก้มหน้าอยู่พี่ปริญเงยขึ้นมาทันที ฉันเห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด เพราะเขาเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน ถ้าเรียงลำดับความสำคัญในโต๊ะอาหารนี้ ฉันคงรั้งท้าย
"เข้าเรื่องต่อเลยแล้วกันค่ะ เรื่องสินสอดเรียกมาได้เลยนะคะ ลูกสาวบ้านนี้น่ารัก อยากได้เป็นสะใภ้จริงๆ"
"สินสอดอะไรกันคะพี่ไพลิน ไม่คิดหรอกค่ะ แค่ให้ลูกโซ่เจอคู่ชีวิตที่ดีก็พอ อาจารย์ปริญทั้งอบอุ่นแสนดีและโปรไฟล์เลิศ ใครๆก็อยากได้เป็นลูกเขย"
ฉันเบ้ปากอัตโนมัติ แล้วแสร้งกินข้าวต่อ อยากแถมให้อีกข้อ 'เขาเซ็กซ์จัด'
"ต้องให้นะคะ ระดับอัครบดินทร์สกุลแล้ว เอาเป็นว่าทางพี่รับผิดชอบงานทั้งหมด เรือนหอ และสินสอดทองหมั้น สะใภ้คนเดียวพี่ขอเต็มที่หน่อย"
คราวนี้ฉันกลอกตามองบน เบื่อจะฟัง ทำไมพวกคนแก่ชอบจับลูกหลานแต่งงานเหมือนละครน้ำเน่าหลังข่าว เชยสะบัด
"คุณเซอร์ว่าไงคะ" คุณแม่ถามคุณพ่อที่เงียบอยู่นาน
"แล้วแต่ทางคุณไพลินสะดวกครับ แต่เรือนหอควรจะช่วยกันทั้งสองบ้าน ผมเองก็ได้ลูกเขยดีๆมาเหมือนกัน"
สายตาของฉันเบนไปมองคุณพ่ออัตโนมัติ และดันสบตากับท่านที่มองฉันอยู่พอดี ฉันจึงลูบต้นคอเล็กน้อยแสร้งเมินมองไปทางอื่น พร้อมกับเสียงหัวเราะหึในลำคอกลบพิรุธตัวเอง
"งั้นเอาตามนี้ค่ะ ตื่นเต้นดีนะคะสามเดือนเอง ไม่นานเลย"
ไม่ต้องตื่นเต้น ฉันจะพังมันเร็วๆนี้แหละ
"ครับ หวังว่างานจะออกมาราบรื่น"
"ราบรื่นแน่นอน เนอะปริญ"
"ครับ"
พกปากมาด้วยเหมือนกันนี่
นับไม่ได้เลยว่าปากฉันคว่ำไปกี่ครั้ง และคนที่อยู่ตรงข้ามห่างแค่เพียงเอื้อมมือก็ทำตัวเหมือนฉันเป็นมลพิษ PM2.5 ที่ควรหลีกเลี่ยง
เขาไม่มองมา ไม่สนใจ และเขาก็ไม่ออกความเห็นหรือแย้งอะไรด้วย ทั้งๆที่คนที่เคยมีเซ็กซ์ด้วยเช้าสายบ่ายเย็น และก่อนไปเรียนนั่งหัวโด่อยู่นี่ แถมเป็นพี่สาวเกิดก่อนว่าที่คู่หมั้นตัวเองแค่ห้านาที
ต้องเป็นคนจิตใจแบบไหน ถึงไม่ปฏิเสธการแต่งงาน
ฉันล่ะอยากรู้ และอยากแหวกอกดูจริงๆ
•••♡•••
"วันนี้อาหารอร่อยมาก ลูกสาวคุณเซอร์ก็น่ารักและสวยจนหยุดมองไม่ได้เลย ดีใจที่จะได้ดองกันนะคะ"
เมื่อแขกคนสำคัญจะเสด็จกลับเราทุกคนก็ออกมาส่งที่ประตูหน้าบ้าน ยัยลูกโซ่ยกมือไหว้ราวกับนางงามตามสไตล์หล่อน
"ขอบคุณคุณป้าไพลินที่เอ็นดูค่ะ"
"จ้ะ" ฉันยกมือไหว้อีกคน
"สวัสดีค่ะ"
"ไว้เจอกันนะจ๊ะหนูลูกศร หลานชายป้ายังว่างอยู่นะ"
พี่ปริญสอดมือล้วงกระเป๋ากางเกง แล้วหันมามองหน้าฉันด้วยสายตาราบเรียบ ฉันจึงมองเขากลับอย่างท้าทาย ขณะที่ปากตอบคุณป้าไพลินไปด้วย
"ค่ะ ไว้มีโอกาสหนูจะทำความรู้จัก"
เขาตีหน้านิ่งใส่ฉัน ไม่มีปฏิกิริยาใดๆกับคำตอบฉันเลย
ตอนนี้ผู้ใหญ่ร่ำลากัน คุณป้าพูดอะไรอีกก็ไม่เข้าหูฉัน ฉันกอดอกมองหน้าพี่ปริญต่อสู้กับสายตาเย็นชาแข็งทื่อของเขาจนวินาทีสุดท้าย จนในที่สุดแขนเขาถูกคุณป้าไพลินควง และดึงออกไป
"กลับกันเถอะลูก"
"ครับ"
ฉันกัดฟันมองตามหลังจนบ้านนั้นเดินไปถึงรถสองคันที่จอดอยู่ คุณป้าไพลินกับคุณลุงประเมศขึ้นรถตู้เบนซ์คันหน้า เมื่อพี่ปริญส่งพวกท่านขึ้นรถปิดประตูเสร็จ เขาก็เดินไปขึ้นรถปอร์เช่เก้าหนึ่งหนึ่งสีดำด้านที่จอดอยู่ด้านหลัง
พอเห็นว่าเขาแยกตัวออกไป ฉันจึงรีบหันกลับเข้าไปในบ้าน แต่ดันเจอแม่บ้านวัยรุ่นคนใหม่ยืนชะเง้อด้านหลังจนเกือบชนกัน
"ว้าย อะไรของเธอ!"
"ขอโทษค่ะๆ คุณลูกศร"
"น่ารำคาญ! จะมายืนทำบ้าอะไรตรงนี้ฮะ!"
"ฮือหนูขอโทษค่ะ"
"ไสหัวไป"
"ค่า ขอโทษค่า"
อารมณ์ที่สุมมาตลอดชั่วโมงทำให้ฉันระเบิดลงไม่สนหัวใคร ฉันเดินมุ่งไปคว้ามือถือที่คว่ำไว้ที่โต๊ะอาหาร และเดินไปคว้ากุญแจรถมาหนึ่งคัน เลือกคันที่แรงพอจะตามรถพี่ปริญได้ ก่อนจะรีบสาวเท้าเร็วๆไปคว้ารองเท้าส้นเข็มมาใส่ กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่โรงรถ
"พี่ลูกศรไปไหนคะ ค่ำแล้วขับรถได้ไหม ลูกโซ่ขับให้ไหม"
ลูกโซ่ตะโกนมาตามหลัง แต่ฉันไม่ตอบเธอ เมื่อขึ้นรถก็รีบขับออกจากบ้านโดยที่มือหนึ่งข้างคุมพวงมาลัยรถ อีกข้างถือโทรศัพท์
ฉันลบเบอร์เขาไปแล้วจึงเข้าไลน์กดปุ่มเฟืองตั้งค่า และปลดบล็อกไลน์ของเขา จากนั้นกดไมโครโฟนตรงแป้นพิมพ์ให้โทรศัพท์พิมพ์ให้
คอยขยับนิ้วโป้งกดส่งเป็นระยะ และเหลือบมองถนน
LINE | P.RIN 911
Ls. : เราต้องคุยกัน
Ls. : คิดจะทำอะไร แก้แค้นฉันเหรอ
Ls. : ไม่รู้สึกอะไรเลยงั้นสิ หรือเป็นโรคจิต ได้พี่จะเอาน้อง ทุเรศเกินไปไหม
ฉันเหลือบมองโทรศัพท์หลายครั้งเขาก็ไม่อ่านสักที จึงจิ้มไปที่รูปโปรไฟล์สีเทาที่เขาตั้ง บ้าเถอะ! ดูไทม์ไลน์ดูโน้ตไม่ได้ ฉันโดนเขาบล็อกไปเหมือนกัน
"โอ๊ย น่าเบื่อ!"
ฉันโยนมือถือไปที่เบาะอย่างอารมณ์เสีย และกดปลายเท้าเหยียบคันเร่งปาดรถทุกคันเพื่อหารถของเขา จนในที่สุดรถหรูสีดำด้านที่หาได้ยากตามท้องถนนก็สะดุดสายตาฉัน ฉันเม้มปากเล็กน้อยและรีบขับจ่อ จากนั้นตบไฟสูงรัวๆ และบีบแตรยาว
'ปริ้นนนนน' , 'ปริ้นนนน'
นอกจากเขาจะไม่จอดแล้ว ยังขับรถด้วยความเร็วคงที่ไม่หนีไม่สะทกสะท้าน กำลังฝึกความอดทนฉันอยู่รึไง เขาก็รู้ดีว่าฉันเป็นคนแบบไหนยังจะท้าทายกันอีกเหรอ?
รู้ตัวอีกทีฉันก็ขับรถตามมาจนถึงโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง รถปอร์เช่เก้าหนึ่งหนึ่งเลี้ยวเข้าไปที่ลานจอดรถและจอดที่เฉพาะแพทย์
ด้วยอารมณ์ที่ฉุนจัดฉันรีบขับตามไปจอดปิดท้ายแตะเบรกหัวทิ่ม ก่อนจะไม่รอช้าเปิดประตูลงจากรถก้าวฉับๆลงไปหาพี่ปริญที่ประตูฝั่งคนขับแล้วยืนกอดอก
เขาลงจากรถพร้อมกระเป๋าถือสีดำ ถึงแม้ฉันจะยืนอยู่ก่อนแต่ก็ไม่มองหน้าฉัน
"เราต้องคุยกัน!"
"มีอะไร?" น้ำเสียงที่ตอบมาทุ้มต่ำที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยิน มันยิ่งทำให้ฉันมีน้ำโห
"พี่สติแตกไปแล้วรึไง"
"ทำไม?"
"พี่จะแต่งงานกับลูกโซ่ไม่ได้! ลูกโซ่เป็นน้องสาวฉัน และเราเคย..." ที่ฉันต้องหยุดพูด เพราะสายตาที่หมางเมินค่อยๆเคลื่อนมามองหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า
"เรื่องนั้นฉันลืมหมดแล้ว และเราสองคนก็ไม่ได้สนิทกันถึงขั้นที่เธอจะเรียกฉันว่าพี่"