“สิบโมงครึ่งคุณเมษฐ์มีประชุมบอร์ดบริหาร บ่ายสองโมงมีนัดกินข้าวกับมิสเตอร์หลินที่จะมาเช่าพื้นที่ในห้างเราเปิดร้านจิลเวลรี่ หนึ่งทุ่มตรงคุณเมษฐ์ต้องไปงานเลี้ยงวันเกิดของคุณสิรดาเจ้าของคลินิกสิรดาบิ้วตี้ที่มาใช้พื้นที่เราจัดงานอีเว้นท์บ่อยๆ ค่ะ”
“งั้นคุณช่วยเตรียมของขวัญให้ด้วย”
“ได้เลยค่ะ”
“แล้วคุณก็เตรียมตัวด้วย เพราะคืนนี้คุณต้องไปงานกับผม”
“อ้าว ไม่ใช่ให้คุณวรุฬไปหรอกหรือคะ”
คิ้วสวยที่พาดเหนือดวงตากลมโตขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจนัก ปกติหากไปงานเลี้ยงต่างๆ จะเป็นวรุฬที่คอยติดตามอีกฝ่าย ส่วนเธอนั้นมีหน้าที่ไปตามเก็บเขาตอนที่อีกฝ่ายเมามายจนกระทั่งขับรถเองไม่ไหว ตั้งแต่เข้ามาทำงานที่บีเอสมอลล์แสนหวานก็ยังไม่เคยไปงานเลี้ยงใดๆ กับบารเมษฐ์เลยสักครั้ง เพราะอย่างนั้นหญิงสาวจึงอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
“ผมจะให้คุณไปด้วย ทำไม คุณติดปัญหาอะไร”
“ไม่มีค่ะ สำหรับคุณเมษฐ์หวานพร้อมเสมอ”
“ดี” บารเมษฐ์เอ่ยเสียงเรียบ และท่าทางที่วางมาดแทบจะตลอดเวลาของท่านประธานทำให้แสนหวานอยากจะเบะปากใส่ แต่ก็นั่นละ เธอได้แค่คิดแต่ทำออกไปไม่ได้เพราะยังไม่อยากตกงาน แถมอาจจะเสียโอกาสมองใบหน้าหล่อๆ ของเจ้านายอีก เธอไม่ยอมเด็ดขาด
“งั้นหวานขอตัวก่อนนะคะ จะเตรียมเอกสารสำหรับการประชุม ว่าแต่ คุณเมษฐ์กับคุณวรุฬจะรับกาแฟไหมคะ หวานจะไปชงให้”
“ผมเรียบร้อยแล้ว”
“ผมก็เหมือนกันครับ ขอบคุณนะครับคุณหวาน”
แสนหวานมองใบหน้าที่กำลังยิ้มพรายของวรุฬก็ส่งยิ้มกลับไปให้ ทิ้งสายตาอยู่ที่บารเมษฐ์ที่เจ้าตัวเริ่มหยิบแฟ้มงานขึ้นมาเปิดอ่านอยู่ครู่หนึ่ง เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยอะไรเธอก็ถอยออกมา แสนหวานกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ยกไอแพดในมือขึ้นมา ค้นหาข้อมูลสำหรับของขวัญที่จะเตรียมให้ลูกค้าคนสำคัญของบีเอสมอลล์
“เข็มกลัดรูปผีเสื้อก็น่าจะดี”
รอยยิ้มหวานปรากฏบนดวงหน้าเรียวรูปไข่ แสนหวานผุดลุกขึ้นพร้อมกับวางไอแพดในมือลง สาวเท้าไปที่ห้องของบารเมษฐ์อีกครั้ง
ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…
“ขออนุญาตค่ะ”
“เข้ามา”
แสนหวานที่ใบหน้ายิ้มแย้มเดินมาหยุดเท้าตรงหน้าโต๊ะทำงานของบารเมษฐ์ที่ละสายตาจากแฟ้มเอกสารโดยที่มือของเขายังจับปากกาด้ามหรูเอาไว้
“มีอะไร”
“หวานจะลงไปซื้อของขวัญให้คุณสิรดาที่ชั้นสามสักครู่นะคะ”
“อืม”
บารเมษฐ์ครางรับในลำคอ แสนหวานยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าตอนที่ถอยออกมาแม้ว่าบารเมษฐ์จะหันไปสนใจแฟ้มงานตรงหน้าแล้ว ส่วนวรุฬนั่งง่วนกับเอกสารกองโตอยู่ตรงมุมโซฟารับแขก ทว่าก่อนที่แสนหวานจะเดินพ้นจากประตู เสียงทุ้มของบารเมษฐ์ก็รั้งหญิงสาวเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน”
“คุณเมษฐ์มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“งานคืนนี้ผมจะใส่สูทสีกรมท่า รบกวนให้คุณใส่ชุดที่เข้ากับผมด้วย จะได้ไม่ดูแปลก”
เธอน่ะไม่แปลกหรอกบารเมษฐ์ต่างหากที่แปลก แต่เพราะรู้นิสัยความเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลของบารเมษฐ์ดี แสนหวานจึงไม่รับคำอย่างไม่อิดออด
“ได้เลยค่ะคุณเมษฐ์ หวานจะแต่งตัวให้แมทช์กับคุณเมษฐ์ จะได้ไม่ดูแปลกแม้ว่าหวานจะต้องควักกระเป๋าซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่หวานก็ยินดีค่ะ”
“ลงบัญชีผม”
ได้ยินแบบนั้นตากลมโตก็ลุกวาว หญิงสาวกระแอมในลำคอก่อนจะหมุนตัวกลับมากล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่ซ่อนความดีใจเอาไว้ไม่มิด
“ขอบคุณคุณเมษฐ์ที่เมตตานะคะ”
“ลงบัญชีคุณบารเมษฐ์นะคะ”
“ได้เลยค่ะ”
พนักงานร้านเครื่องประดับที่ตั้งอยู่ชั้นสามของบีเอสมอลล์รับคำด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินหายไปจากเคาน์เตอร์เพื่อจัดการบรรจุเข็มกลัดที่แสนหวานเลือกใส่กล่องพร้อมลงรายการค่าใช้จ่ายในชื่อของบารเมษฐ์
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณคุณแสนหวานมากๆ เลยนะคะ ว่าแต่…วันนี้คุณบารเมษฐ์จะลงมาตรวจงานไหมคะ”
พนักงานประจำร้านต่างๆ ในบีเอสมอลล์ต่างรู้ดีว่าบารเมษฐ์มักจะเดินลงมาเยี่ยมร้านต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง และทุกคนต่างก็รอช่วงเวลานั้นเพราะใครกันบ้างล่ะที่ไม่อยากจะเห็นความหล่อราวกับเทพบุตรลอยลงมาจากสวรรค์ของท่านประธานบีเอสมอลล์
“วันนี้คงไม่ได้ลงมา คุณเมษฐ์มีงานทั้งวันเลยค่ะ”
พนักงานสาวทำหน้าเสียดายแต่ก็พยักหน้าหงึกๆ อย่างเข้าใจ แสนหวานขยับยิ้มเอ็นดู เธอเข้าใจดีว่าพนักงานต่างก็รอช่วงเวลาที่บารเมษฐ์มาตรวจเยี่ยมงานด้วยกันทั้งนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาทำให้หัวใจของใครหลายๆ คนกระชุ่มกระชวย รวมถึงหัวใจดวงน้อยๆ ของเธอก็ด้วย แสนหวานคิดแล้วก็หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาฉับพลันเพราะภาพในความฝันดันผุดขึ้นมาในหัว
“คุณแสนหวานเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมจู่ๆ ก็หน้าแดง”
พนักงานสาวหรี่ตามองท่าทางมีพิรุธของแสนหวานด้วยความสงสัย เลขาฯ สาวรีบคว้าถุงเข็มกลัดขึ้นมาแล้วปฏิเสธเป็นพัลวันอย่างต้องการกลบเกลื่อน
“ไม่มีอะไรค่ะ หวานขอตัวก่อนนะคะ ใกล้เวลาเริ่มประชุมแล้วค่ะ”
คว้าถุงกระดาษที่ด้านในบรรจุของขวัญสำหรับคู่ค้าได้แสนหวานก็สับเท้าแบบตัวปลิว ระหว่างทางเดินก่อนจะทันได้เข้าไปในลิฟต์ แสนหวานก็ต้องเสียหลักเมื่อชนกำแพงมีชีวิตเข้าอย่างจัง
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
สำเนียงแปร่งๆ ทำให้คิ้วได้รูปที่พาดเหนือดวงตากลมโตขมวดมุ่นเล็กน้อย แต่พอเห็นชัดเต็มตาว่าเป็นใคร สีหน้าของหญิงสาวก็เต็มไปด้วยความยินดี
“มิสเตอร์หลินใช่ไหมคะ”
“คุณรู้จักผมด้วยเหรอ”
สีหน้าของชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาเต็มไปด้วยความสงสัย เขาเป็นนักธุรกิจชาวไต้หวัน คิ้วดกหนาที่พาดเหนือดวงตาเรียวรีสีดำขลับขยับเข้าหากันจนเกือบชิดยามที่มอแสนหวานอย่างพิจารณา
“ใช่ค่ะ” แสนหวานเผยยิ้มจริงใจ “ฉันชื่อแสนหวานเป็นเลขาฯ คุณบารเมษฐ์”
“อ๋อ คุณนี่เอง เลขาฯ แสนหวานของคุณบารเมษฐ์”
จริงๆ แล้วคำพูดที่มิสเตอร์หลินเอ่ยออกมาก็เป็นคำพูดปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือแสนหวานที่รู้สึกยุบยิบในหัวใจแบบแปลกๆ หากมิสเตอร์หลินบอกว่าเธอคือเลขาฯ ของบารเมษฐ์เธอก็คงไม่ได้คิดอะไร แต่นี่เขาดันบอกว่าเธอคือเลขาฯ แสนหวานของบารเมษฐ์ มันก็เลย…รู้สึกแปลกๆ อยู่นิดหน่อย
“ร้อนหรือครับ ทำไมคุณหน้าแดง”
แสนหวานถึงกับผงะเพราะจู่ๆ มิสเตอร์หลินก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เท้าเล็กขยับถอยห่างไปด้านหลังสองสามก้าว มิสเตอร์หลินหัวเราะชอบใจก่อนที่เขาจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูง หรี่ตามองหญิงสาวคล้ายกำลังหาพิรุธ
“แหม มิสเตอร์หลินก็รู้ว่าอากาศเมืองไทยร้อนจะตาย หวานก็แค่ร้อนเฉยๆ ค่ะ”
“ผมจะเชื่อเลขาฯ แสนหวานของคุณบารเมษฐ์ก็ได้”
“หวานขอตัวก่อนนะคะ ใกล้ได้เวลาที่คุณเมษฐ์ต้องเข้าประชุมแล้วค่ะ”
รอยยิ้มกึ่งล้อเลียนที่อีกฝ่ายส่งมา ไหนจะแววตาทีดูพริบพราวนั่นก็ด้วย แสนหวานหน้าร้อนจนทนไม่ไหว สุดท้ายก็ตัดสินใจบอกลาทั้งต้องการเอาตัวรอดและประจวบเหมาะกับใกล้ถึงเวลาที่เธอต้องเข้าประชุมกับบารเมษฐ์พอดี
“โอเค ไว้เจอกันนะครับ เลขาฯ แสนหวานของคุณบารเมษฐ์”
แสนหวานสาวเท้าฉับๆ เดินออกมาไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองมิสเตอร์หลินที่กำลังโบกไม้โบกมือลาด้วยสีหน้ากึ่งล้อเลียน