“อาคิดว่าพื้นที่ตรงนั้นเราน่าจะให้เสี่ยชัชเป็นคนเช่ามากกว่าให้มิสเตอร์หลินอะไรนั่น อีกอย่างเสี่ยชัชก็ให้ราคาเช่าที่สูงกว่ามาก ให้ต่างชาติถือกรรมสิทธิ์อาไม่เห็นด้วย”
“หากคุณอาเข้าใจคำว่าคอนเนกชั่นคุณอาจะไม่พูดออกมาแบบนี้หรอกครับอาภีระ”
คนที่ถูกกล่าวถึงกัดฟันกรอดแต่เพราะผ่านร้อนผ่านหนาวมามากสีหน้าของเขาจึงยังคงเรียบนิ่งแม้ในอกคุกรุ่นที่ถูกคนที่เขาคิดว่าเป็นเพียงแค่เด็กวานซืนอย่างบารเมษฐ์เอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า อย่างน้อยมันควรจะให้ความเกรงใจกันบ้างในฐานะที่เขาเป็นอาเขยของมัน
“อันที่จริงเรื่องนี้ผมเห็นด้วยกับคุณภีระนะครับ เสี่ยชัชให้ราคาที่สูงกว่าตั้งหลายเท่า ผมคิดว่าคุณบารเมษฐ์น่าจะลองพิจารณาดูอีกที”
เมื่อมีหนึ่งในผู้เข้าร่วมประชุมเห็นด้วยภีระก็ยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ แต่ฉับพลันรอยยิ้มพึงพอใจนั้นก็เลือนหายไปจากใบหน้าของเขาเมื่อบารเมษฐ์เอ่ยขึ้น แสนหวานที่นั่งอยู่ข้างกายบารเมษฐ์ถึงกับต้องลอบกลั้นหายใจ เพราะสถานการณ์ในตอนนี้เรียกว่าอยู่ในภาวะตึงเครียดก็ไม่น่าจะผิดอะไร
“ดูเหมือนว่าคุณทรงพลจะไม่ได้ยินในสิ่งที่ผมเพิ่งจะพูดออกไปเมื่อครู่ แต่ไม่เป็นไรครับ ผมจะพูดย้ำให้ฟังกันอีกที และคราวนี้ผมก็หวังว่าทุกคนจะเข้าใจมันอย่างชัดเจน”
แสนหวานเชื่อเหลือเกินว่ามาถึงตรงนี้ไม่ใช่เธอที่ต้องกลั้นหายใจเพียงคนเดียว จากที่เธอสังเกตุผู้เข้าร่วมประชุมหลายคนมีสีหน้าคล้ายกลืนยาขมไปหม้อใหญ่
“บริษัทต้องการคอนเนกชั่น ต้องการความเจริญเติบโต ไม่ใช่การย่ำอยู่กับที่ เสี่ยชัชจะเช่าพื้นที่เพื่อเปิดร้านหม้อไฟซึ่งในห้างเรามีร้านหม้อไฟเยอะแล้ว เยอะมากด้วย พวกคุณเคยลงไปดูกันบ้างหรือเปล่า การที่มิสเตอร์หลินเข้ามาลงทุนร้านจิวเวลรี่ผมถือว่านี่คือโอกาสที่เราจะเจริญเติบโต หวังว่าทุกคนจะได้ยินในสิ่งที่ผมพูดอย่างชัดเจน แต่ถ้าใครยังได้ยินไม่ชัด ผมจะพูดให้ฟังอีกที มีใครยังไม่ได้ยินที่ผมพูดอีกไหมครับ”
ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่เพียงครึ่งคำ แม้แต่กระทั่งจะหายใจแรงยังไม่มีใครกล้าทำ น้ำเสียงที่เข้มงวดของบารเมษฐ์ กอปรกับแววตาที่สะท้อนออกมาอย่างชัดเจนว่าเจ้าตัวพร้อมจะพุ่งชนกับคนที่ฟังภาษาไทยไม่แตกฉาน และนั่นก็คือเหตุผลที่ไม่มีใครโต้แย้งในเรื่องนี้อีกแม้แต่ภีระก็ได้แต่ข่มความไม่พอใจเอาไว้ในอก
“ดีครับ ถ้าไม่มีใครติดใจอะไรแล้วเราจะได้ประชุมเรื่องอื่นต่อ เพราะเสียเวลากับเรื่องที่ควรจะเข้าใจง่ายมามากพอแล้ว”
เป็นอีกครั้งที่แสนหวานถึงกับต้องกลั้นหายใจ หญิงสาวกวาดสายตามองผู้เข้าร่วมประชุมแต่ละคนอย่างพิจารณา แน่นอนว่าการพูดของบารเมษฐ์ทำให้มีหลายคนมีสีหน้าไม่พอใจ โดยเฉพาะภีระ แต่ก็มีอีกหลายคนที่มีสีหน้าพึงพอใจเพราะเห็นด้วยกับคำพูดของบารเมษฐ์
การประชุมที่บรรยากาศอบอวลไปด้วยความเคร่งเครียดผ่านพ้นไปตอนราวๆ บ่ายโมงตรง แสนหวานถือแฟ้มเอกสารตามบารเมษฐ์ออกมาจากห้องประชุม ทั้งคู่เดินมาเงียบๆ จนกระทั่งถึงหน้าห้องทำงานของบารเมษฐ์ ที่วรุฬกำลังยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าห้อง
“คุณก็อยู่เคลียร์งานแล้วเจอกันตอนหกโมงเย็นที่ลานจอดรถผู้บริหาร”
“ค่ะคุณเมษฐ์”
บารเมษฐ์เดินหายเข้าไปในห้องทำงานแล้ว แสนหวานจึงรีบขยับเท้าเข้าไปใกล้วรุฬก่อนที่เจ้าตัวจะตามบารเมษฐ์เข้าไปในห้องเสียก่อน
“คุณวรุฬคะ วันนี้เดือดอีกแล้วค่ะ หวานหายใจไม่ทั่วท้องเลย”
“คุณภีระละสินะ”
วรุฬกลั้วหัวเราะ เดาได้ไม่ยากหรอกว่าคนที่ชอบทำตัวมีปัญหาจะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจากอาเขยของบารเมษฐ์อย่างภีระ ที่ไม่ว่าบารเมษฐ์จะทำอะไรก็ดูขัดหูขัดตาไปเสียหมด แถมยังชอบขัดขาบารเมษฐ์อยู่บ่อยครั้ง แต่ก็นั่นละ สุดท้ายภีระก็โดนบารเมษฐ์เตะตัดขาจนหน้าคว่ำเสียเอง คนอย่างบารเมษฐ์ไม่ใช่ว่าใครจะเอาลงได้ง่ายๆ
“ใช่ค่ะ คุณภีระคนดีคนเดิมเลยค่ะ”
“ปีกว่าแล้วคุณหวานยังไม่ชินอีกเหรอครับ”
“หวานก็อยากจะชินอยู่หรอกนะคะ แต่คุณเมษฐ์น่ะดุจะตาย กวาดสายตามองแต่ละทีคนถูกมองแทบจะกลายเป็นน้ำแข็งเลยนะคะ เยือกเย็นมาก”
“คุณอยากโดนแช่แข็งอีกคนไหมแสนหวาน”
เสียงทุ้มคุ้นหูที่ดังขึ้นทำเอาแสนหวานตาโต บารเมษฐ์ไม่ได้เดินออกมามีเพียงเสียงของเขาเท่านั้นที่ดังลอดผ่านบานประตูที่ปิดไม่สนิทให้ทั้งแสนหวานและวรุฬได้ยิน แสนหวานได้แต่ยิ้มแห้งตอนที่ตะโกนตอบกลับไป
“หวานยังไม่อยากถูกแช่แข็งค่ะคุณเมษฐ์ หวานรีบไปเตรียมตัวรอไปงานกับคุณเมษฐ์ก่อนนะคะ”
ว่าแล้วก็สาวเท้าฉับๆ ออกไปไม่คิดจะรอคำตอบรับของบารเมษฐ์ วรุฬกลั้วหัวเราะในลำคอก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหาบารเมษฐ์ในห้องทำงาน