หลังจากคืนนั้น นลินก็ไม่เห็นชายแปลกหน้าคนนั้นอีกเลย
เขาเข้ามาในชีวิตเธออย่างรวดเร็ว และหายไปอย่างไม่มีร่องรอย
ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกบางอย่างที่ติดอยู่ในอก คล้ายกับควันจากไฟที่ยังไม่มอดดี
นลินไม่รู้ว่าเขามาด้วยจุดประสงค์อะไร เธอพยายามไม่คิดถึงเขา
แต่น่าแปลก...กลิ่นควันบุหรี่ผสมโคโลญกลิ่นมัสค์อ่อน ๆ ยังหลงเหลืออยู่ในความทรงจำ
รวมถึงดวงตาคู่นั้นที่มองเธอเหมือนมองของล้ำค่า
ทั้งที่เธอเป็นเพียงแม่หม้ายธรรมดาคนหนึ่งในเมืองเล็ก ๆ
เสียงลูกชายเรียกชื่อเธอเบา ๆ ปลุกให้เธอหลุดจากภวังค์
“แม่ครับ...คุณลุงเมื่อวันก่อน เขาเป็นใครเหรอ?”
นลินชะงัก หันมาหาลูกชายวัยห้าขวบที่มองเธอด้วยสายตาไร้เดียงสา
เธอไม่รู้จะตอบยังไงดี จึงเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ แล้วลูบหัวลูกเบา ๆ
“ลุงเขาหลงทาง...แต่เราคงไม่เจอกันอีกแล้วจ้ะ”
เธอคิดอย่างนั้นจริง ๆ
แต่โชคชะตา...กลับไม่ปล่อยให้เธอหลุดพ้นง่าย ๆ
สองวันต่อมา
หน้าร้านเบเกอรี่ที่เคยเงียบสงบ กลับมีรถ SUV สีดำเงาวาวมาจอดอยู่หน้าร้านตั้งแต่เช้า
ชายในชุดสูทดำสองคนยืนอยู่ข้างรถ ราวกับองค์รักษ์ส่วนตัว
นลินชะเง้อมองจากหลังเคาน์เตอร์ หัวใจเต้นแรงโดยไม่รู้สาเหตุ
และไม่นาน...ประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
ลีออง เดล รอสโซ เดินเข้ามาพร้อมสายตาคมกริบเช่นเคย
แต่ครั้งนี้...เขาไม่เปียกฝน และไม่โดดเดี่ยว
รอบตัวเขาเต็มไปด้วยอำนาจและความกดดันที่สัมผัสได้ชัดเจน
“มีเวลาว่างไหม?” เขาถามเธอเสียงเรียบ แต่แฝงคำสั่ง
นลินเงียบไปชั่วครู่
เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะถูกกดขี่ด้วยอำนาจ แต่ในตอนนั้น เธอกลับรู้สึกบางอย่างในน้ำเสียงนั้น
ไม่ใช่เพราะกลัว... แต่เพราะรู้ว่า ผู้ชายตรงหน้าไม่เคยพูดดีกับใคร
และลึกๆ เธอก็อยากรู้ว่าเขาต้องการอะไรจากเธอ
“ฉันต้องปิดร้านก่อน” นลินตอบกลับ
ลีอองยิ้มมุมปาก
“ฉันให้ลูกน้องช่วยดูให้ก็ได้ ถือว่าเป็นค่าตอบแทนสำหรับโกโก้คืนนั้น”
“ไม่จำเป็นค่ะ ฉันจัดการเองได้” นลินสวนทันที ก่อนเดินไปหยิบป้าย “CLOSED” มาแขวนหน้าประตู
ลูกชายของเธอถูกส่งไปที่บ้านของเพื่อนบ้านแล้วก่อนหน้านี้ นลินจึงไม่มีพันธะในตอนนี้นอกจากความกลัวเล็ก ๆ ในใจ ที่เริ่มแทรกเข้ามา
รถคันหรูแล่นออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ พาเธอไปยังบ้านพักหลังใหญ่ในเชิงดอย
ประตูเหล็กเปิดออกด้วยระบบอัตโนมัติ
บอดี้การ์ดมากกว่าสิบคนกระจายตัวอยู่เงียบ ๆ ตามจุดต่าง ๆ
บรรยากาศที่เธอไม่คุ้นเคยเลยสักนิด แต่สิ่งที่ทำให้นลินขนลุกคือ ความรู้สึกเหมือน “เคยมา” ที่นี่มาก่อน
เมื่อเข้าไปในตัวบ้าน เขาพาเธอไปที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง
ไม่มีใครอยู่ในห้อง มีเพียงเขา และเธอ
กลิ่นโคโลญเดิมลอยอ่อน ๆ ในอากาศ สร้างความรู้สึกวาบหวิวอย่างไม่รู้ตัว
“คุณพาฉันมาที่นี่เพื่ออะไรคะ?” เธอถามเรียบ ๆ พยายามไม่แสดงความรู้สึก
“ฉันอยากรู้ว่าเธอ...เคยได้ยินชื่อนี้ไหม”
ลีอองยื่นแฟ้มบาง ๆ ให้เธอ
แล้วเดินไปหยุดตรงริมหน้าต่าง เขามองออกไปยังแนวป่าสงบที่มีหมอกลอยล้อมเนินดอยอยู่ไกล ๆ
เมื่อเธอเปิดแฟ้มออก นลินก็พบกับภาพถ่ายของสามีผู้ล่วงลับของเธอ บันทึกธุรกรรมที่เธอไม่เข้าใจ และชื่อขององค์กรแปลก ๆ
พร้อมกับเอกสารหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายใต้ดินในฮ่องกง ที่ทำให้ใจเธอสั่นวูบ
เธอจำชื่อเหล่านี้ได้ เคยเห็นในโน้ตแปลก ๆ ที่สามีเธอเขียนไว้
แต่เธอไม่เคยคิดเลย ว่าเขาจะเกี่ยวข้องกับโลกมืดแบบนี้จริง ๆ
เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น สบตากับเขาเต็ม ๆ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มาถึงที่นี่
“คุณไปเอามาจากไหน?” เธอถามเสียงสั่น
ลีอองจ้องหน้าเธอ
แววตาเขาเย็นชาอย่างน่ากลัว แต่คำพูดกลับเบากว่าที่เธอคาด
“สามีของเธอไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุ เขาโดนเก็บ”
โลกทั้งใบของนลินเหมือนหยุดหมุน
มือของเธอเย็นเฉียบ หัวใจเต้นแรงแทบระเบิด
เธอไม่รู้ว่าอะไรเจ็บกว่ากัน ระหว่างการที่ได้รู้ความจริง หรือการที่ผู้ชายตรงหน้าเอ่ยมันออกมาอย่างไร้อารมณ์
“แล้วคุณต้องการอะไรจากฉัน” เธอถามเสียงเบา รู้ว่าเขาไม่ได้พาเธอมาที่นี่เพียงเพื่อให้รู้ความจริง
“เธออยู่ใกล้เขามากที่สุด” ลีอองกล่าวเสียงเข้ม
“และฉันเชื่อว่าเขาอาจซ่อนไฟล์บางอย่างไว้กับเธอ โดยที่เธอไม่รู้ตัว”
นลินนิ่งเงียบ ไม่รู้จะตอบอะไร
ขณะที่ลีอองเดินเข้ามาใกล้
หยุดตรงหน้าเธอจนระยะห่างมีเพียงลมหายใจ
เขาโน้มตัวลงกระซิบใกล้ข้างใบหูเธอ
“ฉันไม่ได้กลับมาที่นี่เพื่อหาใคร” เสียงของเขาราบเรียบ แต่น้ำหนักคำ กลับไม่อาจมองข้าม
“แต่ในวันที่ฝนตก ฉันเดินเข้าไปในร้านของเธอ และรู้ทันทีว่าฉันอาจจะยังไม่พร้อมจากไป”
“แล้วคุณคิดว่าฉันพร้อมหรือคะ?”
นลินถามเสียงสั่น มือเธอกำแน่นกับแฟ้มเอกสาร
“พร้อมจะให้คนที่ฉันไม่รู้จัก มาเปิดอดีตที่ฉันอยากลืม มาอยู่ในบ้านฉัน มาเข้าไปในชีวิตลูกฉัน”
“ฉันไม่ได้ขอให้คุณมาปกป้อง ไม่ได้ขอให้คุณรู้จักฉันด้วยซ้ำ!”
ลีอองนิ่ง
เขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธออีกครั้ง
แววตาเขาไม่ใช่ความโกรธ
แต่เป็นบางอย่างที่ลึกกว่า เงียบกว่า และจริงกว่า
“เพราะเธอไม่ได้ขอ…ไง”...“ถึงทำให้ฉันอยากอยู่”
"นลินนิ่ง" คำตอบของเขาทำให้เธอพูดไม่ออก
แต่ขณะเดียวกัน ก็ทำให้ความสับสนในใจปะทุขึ้นอีกครั้ง
เธอเงยหน้าขึ้น สบตาเขาอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง
“คุณพูดเหมือนรู้จักฉันดี ทั้งที่เราเพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง”
“คุณไม่รู้จักอดีตฉัน ไม่รู้ว่าฉันเคยเป็นใคร เคยสูญเสียอะไร”
“แล้วคุณจะมาปกป้องฉันไปเพื่ออะไร?”
เสียงเธอแผ่วลงเล็กน้อยตอนประโยคสุดท้าย
เต็มไปด้วยคำถามที่เธอไม่อยากได้คำตอบ แต่ก็หยุดตัวเองไม่ได้
“หรือว่าฉันไปคล้ายใครสักคนที่คุณเคยรัก?”
ลีอองเงียบ ดวงตาเขาสบกับเธออย่างไม่หลบเลี่ยง
ไม่มีแววรำคาญ ไม่มีแม้แต่ความโกรธ
มีเพียงแววอ่อนล้า...และบางอย่างที่คล้ายกับความจริงใจ
“ฉันเคยเห็นผู้หญิงนับร้อยที่สวยกว่าเธอ รวยกว่าเธอ ฉลาดกว่าเธอ
และเต็มใจจะตกอยู่ใต้อำนาจของฉันทุกคน”
“แต่ไม่มีใคร…เคยกล้าหันหลังให้ฉันแบบที่เธอทำในวันนั้น”
“ไม่มีใคร...กล้าตะโกนใส่หน้าฉันว่าอย่าเข้ามายุ่ง”
เขาหัวเราะเบา ๆ
ดวงตายังจ้องเธอไม่ละไปแม้แต่วินาทีเดียว
“เธอไม่ได้อ่อนแอเลยนลิน”
“เธอแค่พยายามเข้มแข็งจนลืมไปว่า คนเราไม่จำเป็นต้องอยู่คนเดียวเสมอไป”
นลินใจสั่น
เขาเอ่ยชื่อเธอ...โดยไม่มีคำว่า ‘คุณ’ นำหน้า
ไม่มีคำหยาบ ไม่มีเสียงแข็ง
แต่ทุกถ้อยคำกลับแทรกเข้ามาในใจเธออย่างนุ่มลึก
เธอหันหน้าหนีอีกครั้ง
หลบสายตาที่อันตรายยิ่งกว่าปืนในมือเขาเสียอีก
“ฉันไม่เข้าใจคุณเลย…”
เธอกระซิบเบา ๆ เหมือนพูดกับตัวเอง“และยิ่งคุณพูดแบบนี้ ฉันก็ยิ่งกลัว”
ลีอองเดินเข้ามาใกล้ หยุดอยู่ตรงหน้าเธอ ห่างเพียงไม่กี่ก้าว
เสียงของเขาทุ้มต่ำ แผ่ว แต่มั่นคง
“ไม่ต้องเข้าใจฉันหรอกนลิน”
“แค่รู้ไว้ว่า ถ้าโลกใบนี้จะมีใครสักคนที่พร้อมยืนอยู่ข้างเธอ...แม้เธอจะไล่เขาออกไปเป็นร้อยครั้ง”
“คนคนนั้น...อาจเป็นฉันก็ได้”
นลินยืนนิ่ง ไม่ตอบ ไม่โต้ แต่หัวใจของเธอกลับส่งเสียงดังเกินกว่าจะเมินเฉยได้อีกต่อไป