สองวันผ่านไป
ร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ ยังคงเปิดตามปกติ นลินพยายามทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม
เธอตื่นแต่เช้า อบขนม ดูแลลูกชาย และตัดขาดทุกความคิดที่เกี่ยวกับเขา
แต่ความสงบที่เธอเคยยึดถือ...ตอนนี้กลับเงียบเกินไป
เหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไปจากอากาศ
เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นในช่วงสาย
นลินเงยหน้าจากเครื่องตีแป้ง...แล้วทุกอย่างก็เหมือนหยุดลงอีกครั้ง
ลีออง เดล รอสโซ เดินเข้ามาเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าราบเรียบ
ไร้รอยยิ้ม ไร้คำทักทาย
แต่สายตาเขากลับจ้องลึกเหมือนจะดึงเธอเข้าไปทั้งตัว
“วันนี้มีอะไรแนะนำ?” เขาถามเสียงเรียบ
นลินวางพายแอปเปิ้ลที่เพิ่งอบเสร็จลงในถาด
ตอบโดยไม่สบตา “ถ้าไม่รีบ ก็ลองชิมพายอบสดใหม่ดูค่ะ”
เขาพยักหน้าเบา ๆ แล้วนั่งลงที่โต๊ะประจำริมกระจก
เธอเสิร์ฟพายให้เขาพร้อมโกโก้ร้อนโดยไม่พูดอะไร
ก่อนจะถอยกลับไปเงียบ ๆ และทำทีเป็นยุ่งกับงานหลังร้าน
แต่หูกลับเงี่ยฟังทุกเสียงของเขาอย่างลอบเร้น
เงียบ...
แต่เป็นความเงียบที่อัดแน่นไปด้วยบางอย่าง
ความเงียบที่ไม่ใช่ความว่างเปล่า
หากแต่เป็นความรู้สึกที่ก่อตัวอย่างช้า ๆ จนเธอเริ่มกลัว
ในที่สุด เธอก็เอ่ยขึ้น
“คุณมาทำไมอีกคะ?”
เธอไม่หันไปมองเขา ยังคงเช็ดแก้วบนชั้นอยู่
“ฉันบอกแล้วว่าอยากอยู่กับลูกอย่างสงบ ไม่ต้องการใคร ไม่ต้องการการปกป้อง”
ลีอองวางช้อนลงเบา ๆ
เสียงกระทบจานเซรามิกฟังดูหนักแน่นเกินจริงในความเงียบของร้าน
“ฉันไม่ได้มาที่นี่เพราะเธอต้องการ”
เสียงเขาราบเรียบแต่แน่นลึก
“ฉันมาที่นี่เพราะฉันอยากมา”
นลินหันมาสบตาเขาในที่สุด ในดวงตาเธอมีทั้งความเหนื่อย ความเจ็บ และความกลัวที่จะหวั่นไหว
“อย่าเป็นคนใจร้ายเลยค่ะ…” เธอเอ่ยแผ่วเบา
“ฉันกำลังพยายามใช้ชีวิตอยู่กับความจริง ว่าผู้ชายที่ฉันเคยรักตายไปแล้ว
ฉันกำลังพยายามลืมอดีตที่เต็มไปด้วยเงามืด...
แต่คุณกลับเดินเข้ามา พร้อมกับเงาที่ใหญ่กว่าเดิม”
“ฉันไม่อยากให้ลูกฉันโตมาในโลกที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว”
ลีอองลุกขึ้นช้า ๆ เดินมาหยุดตรงหน้าเคาน์เตอร์ เขาไม่ได้แตะต้องเธอ
เพียงแค่มอง...ด้วยสายตาที่เหมือนจะพูดทุกอย่างแทนคำพูด
“ฉันไม่มีลูก” เขาพูดเบา ๆ
“ฉันไม่รู้ว่าความเป็นพ่อมันคืออะไร”
“แต่ฉันรู้ว่า...เวลามีใครบางคนที่เธออยากปกป้องสุดหัวใจ เธอจะกล้าทำทุกอย่าง แม้แต่เอาตัวเองเข้าเสี่ยง”
เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดต่อช้า ๆ
“และตอนนี้...ฉันก็แค่อยากจะลองดูบ้าง ว่าฉันจะทำได้แบบนั้นหรือเปล่า”
“เริ่มจากปกป้องเธอ”
คำพูดนั้นทำให้นลินพูดไม่ออก
เธอไม่รู้ว่าทำไมผู้ชายที่เย็นชาและอันตรายขนาดนี้ ถึงมีแววตาแบบนั้น
แววตาที่อ่อนโยนเกินจะกลบด้วยอำนาจ
และเธอกลัวเหลือเกินว่า...จะอ่อนแอพอให้มันสั่นคลอนกำแพงในใจ
“ฉันยังไม่พร้อมจะมีใครค่ะ...” เธอกลั้นใจพูดออกไป
ลีอองยิ้มเพียงนิด
แล้วหันกลับ เดินออกจากร้านโดยไม่พูดอะไรอีก
แต่ก่อนจะปิดประตู เขาหันกลับมาเอ่ยเสียงนิ่ง
“ไม่เป็นไร...
ฉันไม่ได้จะขอเข้าไปในหัวใจเธอ
แค่จะอยู่ใกล้ ๆ เผื่อวันหนึ่งเธอล้ม…ฉันจะได้เป็นคนเดียวที่ยื่นมือไปรับ”
หลังจากลีอองพูดจบ
เขาไม่รอคำตอบ ไม่ขออนุญาต
แต่หมุนตัวกลับอย่างเงียบเชียบ ร่างสูงเดินจากไปอย่างมั่นคง ช้า ๆ...แต่เด็ดขาด
เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นอีกครั้งในวินาทีที่ประตูปิดลง
และสิ่งที่เหลืออยู่ คือความเงียบงันจนได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง
นลินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
เธอไม่รู้ว่าตัวเองยืนนานเท่าไร
แต่รู้เพียงว่า...ประโยคของเขา
“ฉันจะได้เป็นคนเดียวที่ยื่นมือไปรับ”
ยังดังก้องในหัวไม่หาย ความเงียบที่เขาทิ้งไว้ ไม่ใช่ความว่างเปล่า
มันเหมือนแรงสะเทือนเบา ๆ ที่กระตุกบางอย่างในอกเธอ
บางอย่างที่เธอเคยล็อกมันไว้แน่นหนานับตั้งแต่วันที่โลกของเธอพังลง
เธอกำลังหวั่นไหว
และนั่นต่างหาก...ที่น่ากลัวกว่าผู้ชายอันตรายที่เดินจากไปเมื่อครู่เสียอีก
มือของนลินแตะอกตัวเองโดยไม่รู้ตัว หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล
ราวกับว่าผู้ชายคนนั้น ไม่ได้จากไปจริง ๆ แต่ยังคงอยู่ในความคิดของเธอ ในความรู้สึก
และใน "บางพื้นที่ของหัวใจ" ที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอยู่จนกระทั่งเขาเดินเข้ามา
นลินรีบหลับตาแน่น
สูดลมหายใจเข้าลึก พยายามรวบรวมสติที่เริ่มหลุดลอยไปพร้อมรอยยิ้มของเขา
แล้วเธอก็ สะบัดหัวแรง ๆ หนึ่งครั้ง
เหมือนจะไล่ทุกความรู้สึกแปลกประหลาดนั้นออกไปให้หมด
ไล่ภาพแววตาเขา เสียงทุ้มต่ำที่ยังวนอยู่ในหู
รวมถึงคำพูดสุดท้ายที่ฝังเข้าไปในใจเธออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“มันไม่มีประโยชน์…”
เธอกระซิบกับตัวเอง
“ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่โลกของเรา ไม่ใช่คนที่ควรแม้แต่จะมองกลับไปอีกครั้ง”
แต่น่าเศร้าก็คือ…ถึงจะพูดแบบนั้น
เธอกลับรู้ดีว่า ในหัวของเธอ เขายังไม่ไปไหนเลย
รถ SUV สีดำเคลื่อนตัวช้า ๆ ออกจากตรอกเล็กที่มีร้านเบเกอรี่อบอุ่นแทรกตัวอยู่กลางความวุ่นวายของเมือง
ภายในรถเงียบสงัด บอดี้การ์ดคนสนิทนั่งเบาะหน้า ส่วนลีอองเอนหลังพิงเบาะเบา ๆ
ดวงตาจ้องมองผ่านกระจกหน้ารถโดยไม่พูดอะไร เงาของใบไม้สะท้อนบนกระจกรถ
ข้างทางเริ่มเต็มไปด้วยแสงไฟจากถนนยามค่ำ
แต่ในความเงียบนั้นเอง...รอยยิ้มบางเบาก็แตะมุมปากเขาโดยไม่รู้ตัว
เขานึกถึงแววตาของเธอ ใบหน้าแดงระเรื่อของนลิน ตอนที่เธอเบือนหน้าหนี
ตอนที่เธอเถียงเขาเสียงสั่น และตอนที่เธอยืนนิ่ง ไม่อาจตอบโต้อะไรเขาได้เลย
“เธอไม่รู้เลยว่าตัวเอง...น่ารักขนาดไหนเวลาทำหน้ากลั้นใจแบบนั้น”
ลีอองยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองเบา ๆ เหมือนจะเก็บรอยยิ้มเอาไว้คนเดียว ไม่ให้หลุดออกไปมากกว่านั้น
เขามองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง
เมืองเชียงใหม่ค่อย ๆ เคลื่อนผ่านเหมือนฉากภาพยนตร์
และทันใดนั้น เขาก็พึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แทบไม่ต่างจากลมหายใจ
“ระวังหัวใจเธอไว้ให้ดีนะ...นลิน”
“เพราะถ้ามันตกอยู่ในมือฉันเมื่อไหร่…ฉันจะไม่มีวันคืนมันกลับไปอีกเลย”
รถแล่นผ่านย่านไนต์คลับหรูหราที่เขาเป็นเจ้าของ
ไฟนีออนกระพริบไหว สะท้อนแสงเข้าดวงตาคมเข้มที่ยังคงคิดถึงผู้หญิงคนหนึ่ง...
ผู้หญิงที่ไม่เคยคิดจะเป็นของใครอีก
แต่กลับกำลังจะกลายเป็น “ของเขา” โดยที่เธอไม่รู้ตัว