EP.5 ใต้แสงไฟสีอุ่นและหัวใจที่ไม่กล้าปิดกั้น

1708 คำ
ฝนเริ่มซา รถคันหรูเลี้ยวเข้าซอยเล็กหน้าร้าน”อบเชย&นลิน“ แสงไฟจากหน้าร้านส่องลอดม่านลงมาเป็นแถบ นลินนิ่งเงียบอยู่ข้างคนขับ ราวกับยังไม่รู้จะวางใจไว้ที่ไหน ระหว่างความเปียกที่กายกับความสั่นไหวในใจ ลีอองดับเครื่อง แต่ยังไม่เปิดประตู เขาเพียงปรายตามองเธอที่ยังนั่งนิ่งไม่ขยับ ก่อนพูดเสียงเรียบ “คืนนี้...ไม่มีใครเห็นเธอเท่าที่ฉันเห็น” นลินชะงัก เธอไม่กล้ามองเขา แต่หัวใจกลับเต้นแรงในอกเหมือนคำพูดของเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่ในรถ ขณะนั้นเอง เสียงประตูรั้วเล็ก ๆ หน้าร้านเปิดออก หญิงสูงวัยร่างท้วมคนหนึ่งเดินจูงมือเด็กชายตัวน้อยออกมา “คุณน้าแป๋ว” เพื่อนบ้านที่เธอฝากปรีย์ไว้ก่อนออกไปซื้อของ และตอนนี้...เด็กชายตัวเล็กก็กำลังยืนอยู่ตรงหน้าร้าน พร้อมดวงตากลมโตที่เบิกกว้างเมื่อเห็นรถลีอองจอดอยู่ “คุณลุง!” เสียงปรีย์ร้องขึ้นอย่างดีใจ ก่อนจะสะบัดมือคุณน้าแล้ววิ่งเข้าไปใกล้รถอย่างรวดเร็ว นลินรีบเปิดประตูรถ “ปรีย์! อย่าวิ่งลูก พื้นมันลื่น!” แต่เด็กน้อยก็พุ่งถึงตัวลีอองเสียก่อน มือเล็กคว้าแขนเสื้อเขาไว้แน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และความไว้วางใจที่ไม่มีแม้แต่เงาของความกลัว “คุณลุงมาหาเราจริง ๆ ด้วย! แม่บอกว่าฝนตก แต่ผมรู้เลยว่าคุณลุงไม่กลัวหรอก!” ลีอองชะงัก เขาก้มมองเด็กชายตรงหน้า ดวงตาใส ๆ ที่มองเขาเหมือนเป็นฮีโร่ในจินตนาการ มือเขายื่นไปลูบศีรษะเด็กโดยไม่รู้ตัว หัวใจที่เคยแข็งราวหินกลับอ่อนลงอย่างประหลาด นลินเดินมาถึงทันที มองภาพตรงหน้าอย่างพูดไม่ออก ลูกของเธอ ที่ไม่เคยไว้ใจใครง่าย ๆ กลับกระโจนเข้าหาผู้ชายที่เธอเองยังไม่รู้ว่าจะวางเขาไว้ตรงไหนในชีวิต เธอยืนมองเงียบ ๆ ขณะลีอองย่อตัวลงข้างปรีย์ พูดกับเขาเบา ๆ เหมือนคำสัญญาระหว่างลูกผู้ชายสองคน “ถ้ามีใครรังแกเธอ...ให้บอกฉันก่อนแม่ของเธอนะ” “แต่ถ้าแม่ร้องไห้…เธอต้องเป็นคนแรกที่ปลอบเธอ เข้าใจไหม?” ปรีย์พยักหน้าแรง รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าที่ไร้เดียงสา และนั่น ทำให้นลินต้องกลืนน้ำลายเงียบ ๆ เพื่อกลั้นความรู้สึกบางอย่างไว้ในอก ลีอองลูบหัวเด็กชายเบา ๆ อีกครั้ง ก่อนจะหันมามองนลิน เตรียมจะเอ่ยลาและเดินกลับขึ้นรถ แต่ทันใดนั้นเองเสียงเล็ก ๆ ก็ดังขึ้นอย่างตื่นเต้น “คุณลุง! ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนได้ไหมครับ?” "ลีอองชะงักเท้า" เขาหันกลับมาอีกครั้ง เจอแววตาใส ๆ ของปรีย์ที่จ้องเขาอย่างคาดหวัง มือเล็ก ๆ คว้าแขนเสื้อเขาไว้เหมือนกลัวว่าเขาจะหายไป “แม่เพิ่งบอกว่าวันนี้จะทำไข่พะโล้กับหมูทอดน้ำปลา! แม่ทำอร่อยที่สุดในโลกเลยนะครับ ผมชอบมาก!” เด็กชายพูดพลางยกนิ้วโป้งขึ้นด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า นลินที่ยืนอยู่ด้านหลัง ถึงกับสะอึกเล็กน้อย เธอรีบพูดขัด “ปรีย์ ลูก…อย่ากวนคุณ…” แต่ไม่ทันที่นลินได้พูดจบ ลีอองก็พูดแทรกด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ที่น่าตกใจกว่าสิ่งใด “ตกลง” นลินเงยหน้าขึ้นมองเขาทันที “คุณไม่ต้องก็ได้นะคะ ” “ฉันไม่กินข้าวกับใครง่าย ๆ” เขาพูดขณะจ้องเธอ “แต่ถ้าเป็นฝีมือเธอ...ฉันคิดว่ามื้อนี้ควรจะลองดูสักครั้ง” ปรีย์ตบมือด้วยความดีใจ เด็กน้อยวิ่งเข้าไปที่ประตูร้านแล้วหันมาพูดอย่างภูมิใจ “เย่! แม่! คุณลุงจะได้รู้แล้วว่าแม่ทำกับข้าวอร่อยแค่ไหน!” ลีอองยังไม่ขยับ เขายืนอยู่ตรงจุดเดิม สบตากับนลินในระยะใกล้ สายตาของเขาไม่ได้มีแค่ความนิ่งเฉียบ แต่มันเริ่มมีบางอย่างอ่อนลง เหมือนกำแพงที่เคยป้องกันหัวใจเขากำลังค่อยๆละลาย เพราะเด็กชายตัวเล็กและผู้หญิงที่ไม่เคยรู้ว่าตัวเองมีอิทธิพลต่อเขาแค่ไหน “ฉันหิวแล้ว” เขาพูดเสียงเบา “และคืนนี้อยากกินอะไรที่ทำด้วยมือเธอ” นลินใจเต้นแรง เธอพยักหน้าช้า ๆ แล้วเปิดประตูร้านให้เขาเดินเข้าไปในโลกของเธออย่างเป็นทางการ กลิ่นกระเทียมเจียวลอยฟุ้งไปทั่วร้าน เสียงน้ำมันเดือดเบา ๆ ดังจากครัวเปิดหลังร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ ที่เพิ่งปิดไฟป้ายไปเมื่อไม่นาน นลินยืนอยู่หน้าเตา มัดผมรวบลวก ๆ ด้วยหนังยางเส้นเล็ก เสื้อเปลี่ยนจากผ้าเปียกฝน เป็นเสื้อยืดสีขาวสะอาดคู่กับผ้ากันเปื้อนลายจุด มือของเธอกำลังหั่นหมูอย่างคล่องแคล่ว ขณะที่อีกมือพลิกไข่พะโล้ที่เคี่ยวจนเปื่อยนุ่มในหม้อดิน ในโซนหน้าร้าน ลีอองนั่งบนเบาะไม้ตัวเล็กหน้ามุมเล่นของเด็ก ตรงข้ามกับเขา คือนักเล่าเรื่องตัวจิ๋ววัยห้าขวบที่กำลังวาดรูป “บ้านในฝัน” ด้วยดินสอสี “นี่ไงครับ บ้านที่มีสนามหญ้าใหญ่ ๆ แล้วก็มีหมา 2 ตัว” ปรีย์ยื่นกระดาษให้ลีอองดูด้วยสีหน้าภูมิใจ “แล้วก็มีแม่ มีผม...แล้วก็คุณลุงอยู่ในบ้านนี้ด้วย!” ลีอองนิ่งไปเล็กน้อย ดวงตาเขาจับจ้องภาพวาดเด็กน้อยอย่างเงียบ ๆ ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีคำชม แต่รอยยิ้มบาง ๆ ที่ปรากฏบนใบหน้าเขาในตอนนั้นมีความหมายมากกว่าคำพูดใด ๆ ระหว่างที่เด็กน้อยวุ่นวายกับการระบายสี สายตาของลีอองก็เผลอลอบมองไปทางครัวหลายครั้ง เขามองเสี้ยวหน้าของเธอ ผู้หญิงที่ดูธรรมดาในสายตาใครหลายคน แต่ในสายตาเขา กลับสวยที่สุดตอนยืนอยู่หน้าเตาในห้องครัวเล็ก ๆ แบบนี้ เธอไม่ได้แต่งหน้า มือก็เลอะซอสและน้ำปลา แต่กลับดูน่าจับจองมากกว่าผู้หญิงแต่งกายหรูในไนต์คลับของเขานับร้อย “ภาพแบบนี้ที่ลีอองไม่เคยเห็นในบ้านของตัวเอง” “แต่มันกลับรู้สึกเหมือนเป็นบ้านที่แท้จริง” ไม่นาน โต๊ะไม้เล็ก ๆ ถูกจัดไว้ตรงมุมร้าน กับข้าวเรียบง่าย วางเรียงอยู่ตรงกลาง ข้าวสวยร้อน ๆ ในหม้อเล็ก และกับข้าวแค่สามอย่าง ไข่พะโล้ หมูทอดน้ำปลา และผัดผักบุ้งไฟแดง “เชิญค่ะ” นลินวางจานใบสุดท้ายลง เสียงเธอนุ่มแต่ไม่อ่อนแอ เหมือนพยายามควบคุมหัวใจตัวเองไม่ให้ไหวไปกับบรรยากาศในคืนนี้ ลีอองนั่งลงข้างปรีย์ เขาตักไข่พะโล้ลงจาน ลองชิมคำแรก และแทบหยุดไม่ได้จนถึงคำที่สอง “ฝีมือเธอ” เขาเงยหน้าขึ้น “อร่อยกว่าร้านอาหารมิชลินในเซี่ยงไฮ้หลายร้านที่ฉันเคยไป” นลินเลิกคิ้วเล็กน้อย “คุณพูดเกินไปแล้วค่ะ” “ฉันไม่พูดเรื่องที่เกินจริง” เสียงเขานิ่ง แต่สายตาไม่ได้หลบ “เธอแค่ไม่เคยรู้ว่าตัวเองเก่งกว่าที่คิด” ปรีย์ยิ้มกว้างจนตาหยี “ผมบอกแล้ว! แม่ผมทำอร่อยที่สุด!” สามคนนั่งล้อมโต๊ะไม้เล็ก ๆ ภายใต้แสงไฟสีอุ่น ไม่มีบทสนทนาใหญ่โต ไม่มีเสียงหัวเราะดังสนั่น มีแค่ความเงียบสงบที่ไม่อึดอัด และหัวใจสามดวงที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังค่อย ๆ เรียนรู้คำว่า “บ้าน” อีกครั้ง ในค่ำคืนที่ฝนเพิ่งหยุดไป หัวใจบางดวงเพิ่งเริ่มเปียก และบางดวงเพิ่งเริ่มอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้งอย่างเงียบงัน หลังจากจานสุดท้ายถูกเก็บไปวางในอ่างล้างจาน และเสียงหัวเราะเล็ก ๆ ของปรีย์เงียบลงเพราะง่วงนอน ลีอองลุกขึ้นยืน พลางหยิบเสื้อคลุมที่พาดไว้ตรงพนักเก้าอี้ เขาหันไปพยักหน้าให้นลินเล็กน้อย “ฉันขอตัวก่อน” นลินผงกหัวรับ เธอไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่เดินตามเขาออกไปส่งถึงหน้าร้าน อากาศหลังฝนเย็นสบาย กลิ่นดินหลังฝนตกลอยแตะจมูก ทุกอย่างดูเงียบสงบ แต่หัวใจเธอกลับไม่สงบเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองยืนเงียบอยู่ใต้ไฟหน้าร้าน ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากนลิน จนกระทั่งลีอองหันกลับมามองเธออีกครั้ง สายตาคู่นั้นไม่ต่างจากเดิม ยังคม นิ่ง และอ่านยาก แต่ครั้งนี้ มีอะไรบางอย่างในแววตานั้นที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน “ขอบคุณสำหรับมื้อเย็น” เขาเอ่ยเบา ๆ “ฉันไม่รู้ว่าเธอรู้หรือเปล่า แต่วันนี้มันเป็น ‘มื้อแรก’ ที่ฉันรู้สึกว่าได้กินข้าวกับครอบครัวจริง ๆ” นลินชะงักไป จู่ ๆ เธอก็ไม่กล้ามองหน้าเขา เพราะกลัวว่าถ้าสบตา เธอจะละสายตาไม่ได้อีก ลีอองก้าวเข้าไปใกล้เล็กน้อย ไม่ได้แตะตัวเธอ ไม่ได้ล้ำเส้น แต่เสียงของเขาตอนพูดนั้นกลับสั่นสะเทือนใจเธออย่างรุนแรง “คืนนี้เธอไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่ฉันอยากปกป้อง” “แต่เธอกลายเป็นที่ที่ฉันแน่ใจว่า ตัวเองอยากกลับมาหาอีกกี่ครั้ง” นลินเงยหน้าขึ้นมองเขา แต่เขายิ้มบาง ๆ แล้วผละออกไปอย่างเงียบงัน ลีอองเดินขึ้นรถโดยไม่หันกลับมา รถคันหรูเคลื่อนออกไปท่ามกลางความเงียบและถนนเปียกชื้นหลังฝน และเธอ…ยืนอยู่ตรงนั้น กลางความเงียบที่ไม่ว่างเปล่า พร้อมคำพูดหนึ่งที่กำลังสะท้อนก้องในใจ “ไม่แน่ใจว่าตัวเองอยากกลับมาหาอีกกี่ครั้ง” เธอรู้คำว่า "อีกกี่ครั้ง" สำหรับเขา มันอาจหมายถึง "หลายครั้ง" และนั่นคือสิ่งที่เธอกลัวที่สุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม