แสงไฟสีส้มอ่อนจากโคมข้างเตียงยังคงส่องลอดผ่านม่านบาง ๆ เมื่อเสียงหายใจสม่ำเสมอของหญิงสาวที่หลับพิงอยู่บนอกเขาแผ่วเบาลง ลีอองไล้นิ้วบนผมนุ่มของเธออย่างเงียบงัน ริมฝีปากของเขายังอุ่นจากจูบเมื่อครู่ แต่ภายในใจกลับแน่นหนาไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
ไม่นาน ลีอองมาส่งนลินที่ห้องนอนอย่างเงียบเชียบ เพราะกลัวว่าปรีย์จะดึกแล้วไม่เจอแม่
“ขอบคุณนะคะ...สำหรับทุกอย่าง” เสียงของนลินเบาและนุ่ม ราวกับกลัวว่าความจริงจะถูกพูดออกมามากเกินไป
และเขาก็ไม่ลืมที่จะหันกลับมาหาเธอ ลีอองจูบลงที่หน้าผากนลินอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะปิดประตูลง
เขาหันหลังเดินกลับไปช้า ๆ นลินยืนอยู่ภายในห้อง ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่น ความอ่อนไหว ความอบอุ่น ความสับสน และบางสิ่งบางอย่างที่เริ่มเติบโตอย่างเงียบงันในใจ และรู้สึกว่าระหว่างหัวใจทั้งสองนั้นยิ่งใกล้กว่าที่เคยเป็นมา
เธอเดินตรงไปยังเตียงเล็กที่ปรีย์นอนหลับอยู่ ใบหน้าเล็ก ๆ ของลูกชายยังคงสงบ ปราศจากรอยยิ้มใด ๆ
แต่เพียงแค่ได้เห็นลูกหลับอย่างปลอดภัย หัวใจเธอก็รู้สึกอิ่มเอมอย่างประหลาด
นลินทรุดตัวลงข้างเตียง ค่อย ๆ กอดปรีย์ไว้แนบอก น้ำตาที่หลั่งออกมาช้า ๆ ไม่ได้มาจากความเศร้า
แต่มาจากความรู้สึกล้นเกินในหัวใจ เธอกลัวเหลือเกินว่าความอบอุ่นที่ได้รับจากลีอองจะเป็นเพียงชั่วข้ามคืน
เธอไม่ใช่ผู้หญิงไร้เดียงสาอีกต่อไป เธอเคยมีสามี เคยมีความรัก เคยสูญเสีย และรู้ดีว่าไม่มีอะไรแน่นอน
แต่สิ่งที่ทำให้เธอหวั่นไหวไม่ใช่เพียงร่างกายของเขา ไม่ใช่เพียงสัมผัสเร่าร้อนในค่ำคืนที่ผ่านมา
มันคือสายตาของเขา ดวงตาที่มองเธอราวกับเธอเป็นของล้ำค่า เป็นคนที่ควรได้รับการปกป้อง
คืนทั้งคืนผ่านไปอย่างเงียบงัน เสียงฝนจากเมื่อคืนกลายเป็นเพียงความชื้นบนขอบหน้าต่าง
เธอกอดปรีย์จนถึงรุ่งเช้า กลิ่นของลูกชายช่วยปลอบประโลมหัวใจเธอให้สงบลง
ท่ามกลางความเงียบของห้อง นลินรู้ดีว่าหัวใจเธอเริ่มเปิดออกอีกครั้ง
แม้จะยังกลัว... แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกนั้นได้อีกต่อไป
รุ่งเช้า ปรีย์ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ ดวงตากลมใสกะพริบสองสามครั้ง
ขณะมองไปรอบห้องอย่างสงสัย เขาลุกขึ้นนั่ง หันซ้ายหันขวา ก่อนจะกระซิบเบา ๆ ว่า
“ที่นี่...ไม่ใช่บ้านเรา”
เขาเห็นแม่ยังหลับสนิทอยู่ข้างเตียง เด็กน้อยไม่อยากรบกวนจึงค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียงอย่างระมัดระวัง
แล้วเดินไปเปิดประตูออกมาอย่างเงียบที่สุด
ทันทีที่ปรีย์เดินลงบันไดมายังชั้นล่าง ดวงตากลมก็เบิกโตด้วยความตื่นตาตื่นใจ
สนามหน้าบ้านที่มองผ่านผนังกระจกใสขนาดใหญ่ตรงหน้าคือภาพที่เหมือนหลุดมาจากความฝันของเขา
“ว้าวววว...” เขาอุทานเสียงเบา
สนามหญ้ากว้างเขียวขจี รายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่เรียงรายกันเป็นแนวสวยงาม น้ำพุเล็ก ๆ
กลางสวนพ่นน้ำเบา ๆ เป็นจังหวะ แสงแดดอ่อนของยามเช้าสะท้อนเป็นประกายวิบวับ
เขาวิ่งไปจนถึงประตูกระจก ยืนแนบหน้ากับบานประตูด้วยความตื่นเต้น ปากพึมพำกับตัวเอง
“เหมือนในหนังเลยอ่ะ...นี่บ้านเจ้าชายหรือเปล่า?”
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นจากอีกฝั่งของบ้าน ปรีย์หันกลับไปมองทันที
แล้วก็ต้องยิ้มออกเมื่อเห็นชายคนหนึ่งในชุดลำลองเดินมาทางเขา
“อ้าว...หนุ่มน้อยตื่นแต่เช้าเลยนะ” เสียงลีอองเอ่ยขึ้นอย่างใจดี
ปรีย์รีบวิ่งเข้าไปหาเขาทันที พร้อมยกมือจับชายเสื้อเขาแล้วถามด้วยความอยากรู้
“คุณลุง ลุงอยู่ที่นี่เหรอครับ? นี่บ้านลุงจริง ๆ เหรอ?”
ลีอองหัวเราะเบา ๆ ขณะย่อตัวลงนั่งให้ได้ระดับสายตาเด็กน้อย “ใช่ครับ บ้านลุงเอง”
“ว้าววว...บ้านลุงเหมือนปราสาทเลย ผมอยากอยู่ที่นี่จัง”
ลีอองยิ้มอย่างอ่อนโยน ยกมือขยี้ผมนุ่มเบา ๆ “งั้นถ้าแม่ของปรีย์ยอมอยู่...ลุงจะให้ห้องส่วนตัวของปรีย์เลย เอาไหม?”
เด็กชายพยักหน้าแรงอย่างตื่นเต้น ท่าทางไร้เดียงสาและแววตาใสซื่อนั้น
ทำให้หัวใจของชายผู้เคยอยู่ท่ามกลางอำนาจและอันตรายสั่นสะเทือนอย่างเงียบงัน
ความผูกพัน...มันเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย รวดเร็ว และไม่มีเงื่อนไขเลยจริง ๆ
ลีอองยืนมองใบหน้าของปรีย์ที่สดใสด้วยรอยยิ้ม เขาหลุบตาลงช้า ๆ
พลางรู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังเปลี่ยนแปลงในใจตัวเอง ความรู้สึกที่เคยเย็นชาต่อโลก
เริ่มละลายลงอย่างเงียบงันทีละน้อย แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
"จะเป็นไปได้ไหม... ถ้าเขาจะขอให้สองแม่ลูกมาอยู่ที่นี่ด้วยกันจริง ๆ?"
มันไม่ใช่แค่เพราะความรู้สึกในค่ำคืนที่ผ่านมา แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อวานที่ยังคงตามหลอกหลอนเขาอยู่
ร้านเบเกอรี่ของนลินถูกซุ่มโจมตี ไร้คำเตือน ไม่มีความปราณี จากเงาของแก๊งหมิงเฉิงที่เคลื่อนไหวอย่างเงียบงันแต่ร้ายกาจ
แม้เธอจะรอดมาได้เพราะเขา แต่เหตุการณ์นั้นก็ไม่อาจถูกมองข้ามได้อีกต่อไป
เขาไม่อาจให้เธอกลับไปใช้ชีวิตที่ร้านตามลำพัง ไม่ใช่ในสถานการณ์ที่ศัตรูพร้อมจะเล่นงานเมื่อใดก็ได้
และที่สำคัญ...เขาไม่สามารถรับความเสี่ยงที่จะเสียเธอหรือปรีย์ไปได้อีกแม้แต่น้อย
ลีอองหลุบตามองเด็กชายตรงหน้าอีกครั้ง ปรีย์กำลังยืนเอาหน้าติดกระจกอย่างตื่นตาตื่นใจ
รอยยิ้มนั้นเปรียบเสมือนแสงแดดยามเช้าที่ค่อย ๆ ทำให้หัวใจเขาอบอุ่นขึ้นอย่างเงียบงัน
เขาจะปกป้องรอยยิ้มนั้นให้ถึงที่สุด
และบางที...บางทีนี่อาจเป็นเวลาที่เขาควรเริ่มต้น "บ้าน" ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากบันไดด้านหลัง ลีอองหันกลับไปช้า ๆ และพบว่านลินกำลังเดินลงมาจากชั้นบน
ใบหน้าเธอยังดูอ่อนล้าเล็กน้อยจากค่ำคืนที่เหนื่อยล้า แต่ดวงตาของเธอยังคงอ่อนโยนเหมือนเคย
เธอสบตากับเขาแล้วเอ่ยเสียงเบา “ปรีย์ตื่นแล้วหรือคะ?”
“อืม...เขาอยู่ตรงนั้น” ลีอองมองออกไปทางสนามหญ้า เด็กชายกำลังกระโดดเล่นอยู่กับผีเสื้อตัวหนึ่งที่บินวนอยู่ใกล้ ๆ กระจก
นลินยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่ม เธอไม่พูดอะไร ลมหายใจของทั้งคู่เคล้าเคียงกันในบรรยากาศยามเช้าที่แสนสงบ
“ผมมีเรื่องอยากคุยด้วยหน่อย” ลีอองพูดขึ้นเบา ๆ
นลินหันมาสบตาเขา คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างสงสัย “เรื่องอะไรเหรอคะ?”
ลีอองสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เลือกจะพูดออกมา
“ผมอยากให้คุณกับปรีย์อยู่ที่นี่ต่อ...”
ดวงตาของนลินเบิกเล็กน้อยก่อนที่เธอจะส่ายหน้าช้า ๆ “คุณล้อเล่นใช่ไหมคะ?”
“ผมพูดจริง” น้ำเสียงของเขาเด็ดขาด “หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
ร้านของคุณถูกเล่นงานโดยตรงและนั่นไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่”
“แต่ที่นี่มันไม่ใช่บ้านของเรา” เธอพูดเสียงแผ่ว แววตาสั่นไหว
“มันจะเป็นได้ ถ้าคุณยอมให้มันเป็น”
นลินนิ่งงัน เธอไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร หัวใจของเธอกำลังเต้นแรง
ไม่ใช่เพียงเพราะข้อเสนอ แต่เพราะน้ำเสียงและสายตาที่ชายตรงหน้ามองมา จริงจัง จริงใจ
และเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เธอเองก็ไม่กล้าตีความ
ลีอองพูดต่อ “ที่นี่ปลอดภัย ผมจะจัดหาทุกอย่างที่คุณต้องการ ห้องครัว ห้องอบขนม ห้องให้ปรีย์ได้วิ่งเล่น
ผมแค่...” เขาหยุดชั่วขณะแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วลง “ผมแค่ไม่อยากให้คุณอยู่ห่างจากผมอีกแล้ว”
เธอหลุบตาลงช้า ๆ ใจเธออ่อนแรงลงทุกวินาที ความอบอุ่นที่เขามอบให้เมื่อคืน
ความจริงใจที่เขาแสดงออกในวันนี้ มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้กลับมาเป็นผู้หญิงคนหนึ่งอีกครั้ง
ไม่ใช่แค่แม่ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่แบกรับอดีต เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอีกครั้ง ดวงตาของเธอมีแววลังเลแต่ก็แฝงความไว้ใจ
“ขอฉันคิดดูก่อนนะคะ”
ลีอองพยักหน้าเบา ๆ และพูดเพียงคำเดียว คำที่มีความหมายมากกว่าคำอนุญาตใด ๆ
“ได้”