ภายในออฟฟิศชายในชุดซาฟารีห้าคน ต่างเตรียมเอกสารรายงานค่าเช่าที่ดินของตระกูล “เกียรติขจรพงษ์” เอาไว้เพื่อรายงานผู้เป็นนาย
ปีนี้นับแสนอายุ 30 ปีเต็มเขามาจากตระกูลเก่าแก่ชนชั้นอีลิทของเกาะทางใต้แห่งนี้ ตระกูลของชายหนุ่มมีที่ดินมากมายริมชายหาด ทั้งให้เช่าระยะยาวและระยะสั้น รวมถึงการพัฒนาที่ดินเพื่อทำวิลล่าหรูหราให้ต่างชาติเช่าอาศัยระยะยาวด้วย
แต่ธุรกิจที่นับแสนสนใจและใส่ใจเป็นพิเศษคือพื้นที่ใจกลางเมืองเขาได้สร้างอาคารไว้หลายรูปแบบสำหรับปล่อยให้เช่าทำสถานบันเทิงยามค่ำคืน
“บาร์ยันเช้าค้างค่าเช่ามากี่เดือนแล้ว” เสียงเข้มเผด็จการของเขา ทำให้ชายร่างใหญ่ในชุดซาฟารีถึงกับหน้าซีด
“สามเดือนครับคุณแสน”
“ปล่อยให้ลูกค้าค้างค่าเช่ามาสามเดือน ทำไมไม่ทวง ต้องให้ผมขี่มอเตอร์ไซด์ใส่หมวกกันน็อค ไปไล่เก็บด้วยตัวเองทีละร้านๆเหรอ” นับแสนเอ่ยตำหนิลูกน้องก่อนที่จะใช้สายตาคมปราดมองพวกเขา
“ไม่ใช่ครับๆ เราไปไม่เคยเจอเจ้าของเลย แต่สืบมาได้คร่าวๆ ว่าเจ้าของติดพนันหนักเลยครับแล้วก็พยายามหนีมาตลอด”
“อืม...งั้นออกไปเยี่ยมลูกค้ากันหน่อย รู้ใช่มั้ยว่าบ่อนที่ไหนที่ลูกค้าเราไป”
“รู้ครับ”
“ดี งั้นโทรหาเจ้าของบ่อนแล้วบอกว่าผมขอยืมผีพนันตัวหนึ่ง ส่งคนไปรับแล้วพามาเจอผมที่บาร์ยันเช้า”
“ครับคุณแสน”
นับแสนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเขาปรายตามองลูกน้องที่ยืนก้มหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย ลูกน้องแต่ละคนร่างใหญ่ยักษ์แต่เวลาโดนดุแค่นิดหน่อยก็ก้มหน้าตาแดงกันหมด
ร่างสูงใหญ่รีบเดินไปขึ้นรถยุโรปสีขาวสุดหรูรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีคนขับรอพร้อมอยู่ก่อนแล้ว เพียงอึดใจรถคันหรูก็เคลื่อนตัวออกจากหน้าผับไปอย่างเชื่องช้าค่อยๆ ผ่านริมถนนหน้าหาด
นับแสนชื่นชอบบรรยากาศนี้ที่สุด เขาเปิดกระจกเพื่อรับลมเย็นยามค่ำคืน แต่พลันสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับอะไรที่คุ้นตา นั่นคนในชุดพนักงานเสิร์ฟของบาร์ CHA LA LA BEACH CLUB แล้วที่นั่งหลังสั่นอยู่นั่นคงกำลังร้องไห้สินะ
“จอด”
เสียงเข้มออกคำสั่งคนขับรีบจอดรถเข้าริมข้างทางก่อนที่เจ้านายหนุ่มจะก้าวลงจากรถแล้วเดินไปดูให้เห็นกับตาตัวเองทันที
“คุณเอาเวลางานมานั่งรับลมที่นี่แล้วปล่อยให้เพื่อนพนักงานทำงานแทนคุณเหรอ”
น้ำว้าที่นั่งเหม่อลอยสะดุ้งสุดตัว เพราะเธอจำเสียงนี้ได้ไม่มีวันลืม หญิงสาวอายุแค่เพียง 22 ปีที่เพิ่งผ่านคำพูดร้ายๆ ของเขามาเมื่อไม่นานตอนนี้ต้องมาเจอเขาอีกจนได้
“น้ำ..น้ำว้าก็ลาออกแล้วนี่คะ คุณไม่ใช่เจ้านายน้ำว้า น้ำว้าไม่ใช่พนักงานของคุณ”
แม้น้ำเสียงที่ตอบออกมาจะไม่ค่อยมั่นใจ แต่หญิงสาวรู้ดีว่าควรปกป้องตัวเองจากคำพูดร้ายๆ ที่เขาจะพ่นใส่เธออีก
นับแสนเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่หญิงสาวขี้แยในห้องครัวคนนั้น ตอนนี้กลับกล้าต่อปากต่อคำกับเขา ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแบบนี้
“ถ้าลาออกแล้วก็ควรคืนเสื้อพนักงานสิ ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าคุณจะไม่สวมเสื้อตัวนี้ไปขายตัว ไม่งั้นเดี๋ยวเกิดมีการเข้าใจผิดหาว่าคลับของผมเป็นซ่องอีก”
สมองของน้ำว้าอื้ออึงไปหมด เธอพยายามแล้วที่จะสงบสติอารมณ์เพื่อจะได้เอาเวลาไปคิด ว่าเธอควรจะเดินหน้ายังไงต่อไปให้ครอบครัวอยู่รอด แต่จนแล้วจนเล่าคำพูดร้ายๆ พวกนี้ก็ยังตามมาหลอกหลอนเธออยู่ดี นับ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า
“น้ำว้าจะเอามาคืนให้พรุ่งนี้นะคะ”
“นั่นเป็นปัญหาของคุณ”
“แล้วจะให้น้ำว้าทำยังไงคะ”
“ถอดสิ”
สองสายตาสบประสานกันนิ่ง ก่อนที่มือเรียวเล็กสองข้างจะจับชายเสื้อถลกขึ้นจนนับแสนต้องจับเอาไว้
“คุณนี่มันโง่เกินเยียวยาจริงๆ ผมจะเอาเสื้อที่เหม็นสาบขนาดนี้ไปทำไมกัน”
ร่างสูงใหญ่ส่ายหน้าอย่างนึกดูแคลนในความไร้สมองของอดีตพนักงานพาร์ทไทม์อย่างน้ำว้าก่อนที่จะเดินขึ้นรถออกไปโดยไม่แยแสเธอสักนิด
ซ้ำยังทิ้งคำพูดร้ายๆ ให้เธอเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า น้ำว้าทรุดลงนั่งกับพื้นร้องไห้ที่ริมหาดเพราะตอนนี้ปัญหาที่เธอเจอเธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี
ครอบครัวของเธอมีกันเพียงแค่สามคน แม่ที่ทำงานเป็นแม่บ้านรับจ้างทำความสะอาดวิลล่าเหนื่อยสายตัวแทบขาด ส่วนเธอที่เรียนปีสุดท้ายแล้วแต่การเรียนก็หนัก งานก็ต้องทำเพื่อแบ่งเบาภาระให้กับแม่ของเธอ
และยังมีน้องชายที่ป่วยด้วยโรคหัวใจตั้งแต่เกิด แม้จะรักษามาหลายครั้งแต่เป็นเพียงการทุเลาอาการเท่านั้น ยิ่งคำพูดที่เธอได้รับวันนี้มันยิ่งตอกย้ำสถานะชีวิตของเธอได้อย่างดี
น้ำว้าปล่อยโฮออกมาอย่างไม่นึกอายหญิงสาวสะอื้นให้กอดตัวเองเอาไว้แน่น วันนี้เกินที่จะทนรับไหวแล้วจริงๆ ถูกไล่ออกจากงานแถมยังถูกอดีตนายจ้างดูถูกเหยียดหยามซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ที่บาร์ยันเช้า ห้อง VIP ของบาร์
ร่างใหญ่จับแก้วเหล้าสีอำพันในมือขึ้นจรดกับริมฝีปากหยักก่อนที่จะค่อยๆ ลิ้มรสชาติของมันอย่างไม่รีบเร่ง แก้วสีใสใบเล็กในมือถูกวางลงบนโต๊ะ สักพักควันสีขาวก็ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณห้องนับแสนเงยศีรษะชนโซฟาพ่นควันบุหรี่ขึ้นเพดานอย่างอ้อยอิ่ง เขานั่งรอผู้เช่าบาร์ตัวดีมาร่วม 20 นาทีแล้วและเขาก็เกลียดการอคอยที่สุด
“ก๊อกๆ”
“เข้ามา”
“คุณแสนครับ ผมพาเจ้าของบาร์มาแล้วครับ”
“ผมขอคำอธิบายดีๆ หน่อยว่าทำไมคุณไม่จ่ายค่าเช่า”
นับแสนใช้ดวงตาสีนิลเข้มกวาดตามองร่างอวบอิ่มของลูกหนี้สาวที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า สายตาลึกลับคู่นั้นของเขาฉายแววเจ้าเล่ห์ดุดัน แววยิ้มในดวงตายิ่งชวนให้ขนลุกขนพอง
หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าเจ้าของบาร์ พ่วงด้วยตำแหน่งลูกหนี้ที่ค้างค่าเช่าเขามานานสามเดือน เธอมีอายุเพียง 30 ต้นๆเป็นอดีตเด็กเอ็นเบอร์ตอง แต่เพราะความทะเยอทะยานถีบตัวเองจนได้ดิบได้ดี กลายมาเป็นเมียแต่งของเสี่ยอายุคราวพ่อคนหนึ่ง
เสี่ยรักเธอมากจึงลงทุนทำบาร์นี้ให้แต่ไม่นานเขาก็เสียชีวิตด้วยโรคชรา ซึ่งนั่นเธอก็ไม่ได้ยี่หระอะไรมากนัก ชีวิตแต่ละวันจึงวนเวียนกับการเที่ยวและพนันจนในที่สุดวันนี้ก็มาถึงวันที่บาร์เจ๊งและเธอติดพนันอย่างหนัก
อดีตเด็กเอ็น ช้อนสายตาขึ้นมองร่างสูงใหญ่ของเจ้าหนี้หนุ่ม ดวงตาเจนโลกมากเล่ห์มองเขาไม่วางตา ภายในหัวสมองเริ่มคิดแผนการที่เธอจะได้ไม่ต้องจ่ายหนี้ก้อนโต
ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่เขาเพียงคนเดียว “คุณนับแสน” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผู้ที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงหน้าเธอคนนี้เท่านั้น ยิ่งเมื่อเธอใช้สายตามองสำรวจชายหนุ่มตรงหน้าหัวใจก็พลันเต้นระส่ำหวั่นไหว
ใบหน้าของเขาหล่อเหลาคมคร้าม ใครจะต้านทานเสน่ห์ดวงตาสีนิลดุคมของเขาได้
ทั้งฐานะก็เพียบพร้อมทุก หญิงสาวรู้สึกน้ำเดินตั้งแต่เห็นเขานั่งพ่นควันบุหรี่ขึ้นเพดานแล้ว
“คุณนับแสนคะ ขอเพลินเข้าไปคุยใกล้ๆ ได้มั้ยคะ” ร่างผอมเพรียวในชุดเดรสสีดำรัดรูปเว้าหลังสั้นเลยสะโพกมาเพียงคืบ คลานเข่าเข้าไปใกล้ๆ เขามากขึ้น
“อืมสามเดือนล้านห้านั่นคือค่าเช่า คุณจะมีปัญญาจ่ายมั้ย” นับแสนสัมผัสได้ถึงหน้าอกอวบตึงที่เสียดสีไปมากับท่อนขาของเขา
มองตั้งแต่ดาวอังคารก็รู้ว่าลูกหนี้สาวอย่างเธอกำลังคิดจะทำอะไรอยู่ และวันนี้เขาก็อยากที่จะปลอดปล่อยเหมือนกันอยากอยู่เฉยๆ ให้คนเล้าโลมทำให้เขาเสร็จคาปาก
“เพลินไม่มีปัญญาหรอกค่ะ เพลินเป็นแค่แม่ม่ายผัวตาย ทั้งโชคร้ายทั้งโชคไม่ดี”
นับแสนก้มลงมาสบตาวับวาวของเธอ ก่อนจะโบกมือให้การ์ดทั้งสามคนออกไป เพลินใจมองตามพร้อมกับลอบยิ้ม ที่วันนี้เธออาจจะได้พลิกดวงอีกครั้งได้เป็นเมียเศรษฐีของจริง