“เฮ้อ~ อยู่ที่นี่มาสองวันนอกจากทะเลาะกับคนที่บ้านหลังนี้แล้วไม่มีอะไรสนุกให้ทำเลยหรือไง” เสียงบ่นพึมพำของคนที่กำลังนอนอยู่เปลไกวกับสมุดไดอารี่ 1 เล่มดังขึ้น “จริงสิ! หาคอนแท็กต์ผู้จัดการซอลหน่อยแล้วกัน ได้คุยครั้งสุดท้ายก็ตั้งแต่อยู่โรงพยาบาล”
เพราะพ่อของซอลบอกทางต้นสังกัดไว้ว่าเธอป่วยหนักสภาพร่างกายและจิตใจยังไม่คงที่งดคุยกับคนนอก งดรับงาน งดให้สัมภาษณ์แล้วขู่อะไรไปเธอก็ไม่รู้ เลยทำให้ไม่มีใครกล้าโทรหรือแม้กระทั่งนักข่าวโผล่มา เธอค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของผู้จัดการหน้าแอคเคาท์ไอจีของซอลที่เปิดไว้และก็เจอจริง ๆ
067444-×××× DeeDy
พอได้สิ่งที่ต้องการมาเธอก็รีบหยิบโทรศัพท์ของชายหนุ่มที่ให้ไว้คราวก่อนออกมากดโทร ไม่นานปลายสายก็รับ
(สวัสดีค่ะดีดี้บริษัทดาวิ้งพูดค่ะ)
“ซอลพูดนะคะ”
(กรี๊ดดดด น้องซอลคนดีของพี่ พี่คิดถึงหนูเหลือเกิน)
เสียงกรี๊ดอย่างดีใจจากปลายสายทำให้ซอลต้องรีบยกโทรศัพท์ออกจากหูตัวเอง ขืนเอาแนบหูมีหวังแก้วหูระเบิดพอดี
“ใจเย็นพี่”
(พี่ขอโทษจ๊ะ น้องซอลมีอะไรหรือเปล่าหายดีหรือยัง)
“หายแล้วค่ะ พี่ดีดี้งานของซอลพวกถ่ายละครหรือโฆษณาที่เคยรับไว้ตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ?”
(อ่อ เรื่องละครไม่มีปัญหาจ้ะ เพราะเขากำลังแคสต์นางร้ายคนใหม่อยู่พอดีเลยไม่มีปัญหาตอนที่น้องซอลรักษาตัว ส่วนเรื่องโฆษณากับพรีเซ็นเตอร์บางแบรนด์ก็ไม่มีปัญหา บางแบรนด์ก็ยกเลิกสัญญา แต่ว่าพ่อน้องซอลจ่ายค่าเสียหายให้หมดแล้วจ้ะ)
“งั้นเหรอคะ...พี่พอมีเวลาไหม? วันนี้คือซอลอยากดูตารางงาน ถ้าไม่สะดวกเจอก็ส่งเมลมาก็ได้”
(ได้สิจ้ะ สำหรับน้องซอลพี่ว่างเสมอ ให้พี่ไปหาที่บ้านดีไหม?) ดีดี้พูดอย่างดีใจเพราะถ้าได้เจออย่างน้อยเธอก็จะได้รู้ว่าดาราสาวที่ตัวเองดูแลอยู่อาการดีขึ้นหรือยัง เพราะเกือบเดือนมานี้พ่อของหญิงสาวไม่ให้ติดต่ออะไรเลย บอกว่าอีกฝ่ายต้องการพักผ่อน ถ้าได้เจอแบบนี้จะได้ตอบลูกค้าได้ แต่ความจริงลูกค้าทุกคนก็เข้าใจ เพราะครั้งสุดท้ายที่สื่อเจอคือตอนงานศพรินเพื่อนร่วมงานที่แสดงเป็นนางร้ายตายไป ตอนนั้นตาของอีกฝ่ายยังไม่ดีเลยไม่มีใครเร่งเร้าอะไรมากมาย
“งั้นไปเจอกันที่ร้าน BuHokCoffee นะคะ”
(อ่อ...ได้จ้ะ)
“ถ้าอย่างนั้นอีก 1 ชั่วโมงเจอกันที่ร้านนะคะ”
(โอเคจ้ะคนสวยของพี่ดีดี้)
หลังจากวางสายเสร็จซอลก็เดินตรงเข้าไปในห้องน้ำทันที
“เดี๋ยวพ่อจะให้คนสนิทของพ่อพาไปนะลูก”
“เฮ้อ~ ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ”
เสียงถอนหายใจอย่างแรงหลังจากที่เธอมาเจรจากับพ่อของซอลเกือบสิบนาทีได้ว่าจะไปเจอผู้จัดการข้างนอก ท่านก็ยื่นเงื่อนไขว่าต้องพาคนของท่านไปด้วย
แม้เธอจะหาเหตุผลร้อยแปดแต่ท่านก็ไม่ยอมฟังจนเธอต้องจำใจตอบรับเพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ไปสักที
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะลูก ดูแลตัวเองให้ดี ๆ ด้วยนะ”
“ค่ะ”
ร้าน BuHokCoffee
“น้องซอลทางนี้ลูก” ดีดี้สาวประเภทสองเห็นนางเอกสาวที่ตัวเองดูแลอยู่ก็รีบเรียกทันที ตอนเห็นซอลเดินเข้ามาเธอก็โล่งใจไม่น้อย เพราะดูเหมือนว่าซอลจะหายดีแล้ว
“พี่ดีดี้สวัสดีค่ะ”
ซอลยกมือไหว้อีกฝ่ายก่อนจะนั่งลงใกล้ ๆ ความจริงตอนที่เธอยังเป็นรินเคยเจอดีดี้บ่อย ๆ เพราะหลาย ๆ งานที่เธอต้องทำร่วมกับนักแสดงคนอื่นส่วนหนึ่งก็เป็นเด็กที่ดีดี้ดูแลอยู่
“มาลูก ๆ หายดีแล้วใช่ไหมหนู? ตอนนั้นที่พี่ไปเยี่ยมเห็นแล้วตกใจมาก”
“หายดีแล้วค่ะ”
“ขอโทษนะคะคุณลูกค้า เครื่องดื่มกับเค้กมาเสิร์ฟแล้วค่ะ” พนักงานของร้านถือถาดอาหารมาก่อนจะวางลงเรียบร้อยแล้ว แต่สายตาก็ยังจ้องหญิงสาวไม่วางตา เพราะเธอเป็นแฟนคลับตัวยงของคนตรงหน้า
“อยากถ่ายรูปเหรอคะ?”
“คะ? ใช่ค่ะ” คำถามของดาราสาวทำให้พนักงานก้มหน้าลงต่ำเพราะความกลัว ตอนนี้คนตรงหน้าคือลูกค้าและนี่ก็เป็นเวลาส่วนตัว ถ้าไม่พอใจแล้วเอาเรื่องไปแจ้งผู้จัดการมีหวังเธอถูกไล่ออกแน่ “ขอโทษจริง ๆ นะคะที่ดิฉันเสียมารยาท”
“ฉันไม่ได้จะกล่าวโทษอะไรค่ะ แต่ว่าไว้ถ่ายหลังจากที่จะออกจากร้านได้หรือเปล่า? พอดีฉันมีธุระต้องคุยกับผู้จัดการส่วนตัวตอนนี้ยังไม่สะดวก”
ซอลก็ไม่ได้โกรธอะไรพนักงานหรอกนะ แต่ตอนนี้มันคือเวลาส่วนตัว ถึงเธอจะเป็นบุคคลสาธารณะแต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะมาก้าวก่ายได้ ท่าทีที่เปลี่ยนไปของดาราสาวอยู่ในสายตาของดีดี้ผู้จัดการส่วนอยู่ตลอดเวลา
ตั้งแต่ที่เป็นผู้จัดการของคนตรงหน้ามาเกือบ 10 ปีเพราะซอลเข้าวงการมาตอนอายุ 17 ปี ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่อีกฝ่ายจะกล้าปฏิเสธคนอื่นแบบนี้ ทุกครั้งจะยิ้มตอบรับและทำตามคำขอจนหลายครั้งเธอต้องเป็นคนเตือนว่าเวลาส่วนตัวปฏิเสธได้ก็ทำ แต่เธอก็จะมักได้รับคำตอบกลับว่า ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็อยากทำ
ทำไมถึงดูเปลี่ยนไปกันนะ?
“เอาล่ะค่ะ พี่ดีดี้มาคุยเรื่องของเราดีกว่า” พอพนักงานเดินออกไปเธอก็หันกลับมาคุยกับผู้จัดการต่อ
“อ่อจ้ะ นี่เป็นตารางงานที่หนูอยากดู พี่ไม่ได้รับงานอะไรเพิ่มระหว่างที่หนูป่วยแต่ว่าก็จดลูกค้าที่ติดต่อเข้ามา อันนี้น่าสนใจมาก เป็นงานแฟชั่นโชว์ของแบรนด์กุชดี่เขาเชิญหนูไปร่วมงานที่ปารีสอยากรับหรือเปล่าน้องซอล?”
“เดี๋ยวขออ่านรายละเอียดก่อนนะคะ”
นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ทำให้ดีดี้งง ปกติแล้วซอลมักจะบอกว่า
พี่ดีดี้จัดการได้เลยนะคะซอลเชื่อใจพี่ ครั้งนี้กลับอยากศึกษารายละเอียดเองและสีหน้าจริงจังนั่นอีก
“น่าสนใจมากเลยค่ะ แต่ซอลขอไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมหน่อยนะคะ” ซอลเปิดดูตารางงานที่กำลังต้องดำเนินการต่อพร้อมพูดตอบกลับ ตอนที่เธอเป็นรินหลาย ๆ งานเธอก็เป็นคนตัดสินใจเองโดยไม่ผ่านเพื่อนอย่างน่านน้ำ เพราะว่ามันสะดวกต่อการจัดสรรชีวิตในเรื่องเวลามากกว่า
“ได้ แล้วนี่น้องซอลหายดีพอที่จะเริ่มงานได้เลยหรือเปล่าจ้ะ?”
“ขอเวลาอีกสัก 3 วันนะคะ...อ่อมีอีกเรื่อง คือซีรีส์เรื่องพิษรักร้ายยังไม่มีนางร้ายใช่ไหมคะ?”
“ใช่จ้ะเลยต้องเลื่อนออกไปก่อนเพราะทุกคนคิดว่ายังไม่มีใครเหมาะกับบทเท่าน้องรินคนที่เสียไป”
คำพูดของดีดี้ทำให้ซอลทำหน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะพอมีคนพูดถึงตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะเศร้า
“พี่ดีดี้พอจะเสนอชื่อให้ทางผู้กำกับได้ไหมคะ?”
“เอ๊ะ! น้องซอลอยากได้ใครเหรอจ้ะ?” ปกติแล้วซอลไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทในวงการหรืออยากดันเพื่อนเข้า ทำไมคราวนี้ถึงได้ออกปากแทนนะ
“ผู้หญิงคนนี้ค่ะ”
ซอลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเสิร์จหาข้อมูลของญาติที่เพิ่งรู้จักตอนมาอยู่ร่างนี้ ก่อนจะส่งให้คนตรงหน้า
“พี่รู้จักเธอนะ แต่ไม่อ่ะน้องซอล เล่นก็แข็ง ถ้าเราแนะนำไปแล้วทำให้เราเสียมันจะดีเหรอ?”
ถ้าจำไม่ผิดผู้หญิงคนนี้เคยมาแคสต์เข้าสังกัดของเธอ แล้วแม่ก็เอาเงินมายัดมากพอสมควร แต่ถึงจะยัดมากแค่ไหนก็ไม่ได้เพราะการแสดงห่วยเกิน
“อ่า~แบบนั้นยิ่งดี...ไม่สิช่วยหน่อยนะคะพี่ดีดี้ ถือว่าซอลขอร้อง”
“งั้นก็ได้จ้ะ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับคนตัดสินใจนะ”
“ค่ะ”
หลังจากนั้นซอลก็คุยกับดีดี้อีกสองสามเรื่องก่อนจะขอรหัสเข้าโซเซียลของซอล เธอแอบเอาแอคหลุมตอนตัวเองเป็นรินสมัครไว้ไปส่องหน้าโปรไฟล์ของคนที่อาศัยร่างอยู่ แทบจะไม่แอคทีฟอะไรเกือบครึ่งปี รูปเก่า ๆ ก็จืดชืดทั้งนั้น มันทำให้เธออยากเปลี่ยนแปลงยัยนางเอกสาวนุ่งขาวห่มขาวคนนี้มาก
คฤหาสน์ตระกูลวัลพิทักษ์วงศ์ษา
“คุณหนูกลับมาแล้วเหรอคะ? พอนมรู้ว่าคุณออกจากโรงพยาบาลก็รีบมาเยี่ยมเลย”
ทันทีที่ซอลก้าวขาลงจากรถก็มีหญิงสูงวัยที่นั่งคอยอยู่หน้าบ้านรีบวิ่งเข้ามาสวมกอดด้วยความห่วงใย ความจริงเธออยากจะไปดูแลหญิงสาวที่โรงพยาบาล แต่เพราะหลานของเธอที่บ้านนอกก็ป่วยเหมือนกัน ซอลทำหน้างงเล็กน้อยก่อนจะนึกถึงเรื่องราวของแม่นมที่อยู่ในไดอารี่ ที่ถูกไล่ออกเพียงเพราะไปบอกพ่อของซอลว่าซอลป่วย
“นมสา”
“คุณหนูของนม ไม่สบายเป็นยังไงบ้างคะ?”
“สบายดีแล้วค่ะ” เพราะเธอรับรู้ถึงความห่วงใยที่คนตรงหน้ามีให้เลยตอบกลับไปอย่างอ่อนโยน
“ดูเหมือนอาการของเธอจะหายดีแล้วสินะถึงจำแม่นมตัวเองได้”
เสียงของบุคคลที่สามที่แทรกเข้ามาทำให้ซอลกับแม่นมหันไปมอง
รอยส์!
จริงด้วยสินะวันนี้เขานัดเธอไว้ว่าจะพาไปวัดนี่นา มาเร็วกว่าที่บอกไว้อีกแฮะ
“เราไปคุยกันที่บ้านฉันดีกว่าไหมคะ? ที่นี่เหมือนจะมีคนสอดรู้สอดเห็นเยอะ...ไปกันเถอะค่ะนมสา”
สายตาของคนพูดตวัดไปมองคนรับใช้ที่กำลังยืนฟังอยู่ สงสัยจะเก็บไปรายงานเจ้านาย พอพูดจบเธอก็ประคองหญิงสูงวัยไปด้วย โดยมีชายหนุ่มที่มารอเดินตามมาติด ๆ