ปัง!
เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นอย่างแรงหลังจากที่ซอลพูดจบ นอกจากจะมีคนโกรธอย่างพิ้งค์กับแม่เลี้ยง สีหน้าของพ่อกับคนใช้ที่ดูเหมือนจะไม่เชื่อหูของตัวเองก็ทำเอาเธออดขำไม่ได้จริง ๆ
“ซอลพูดอะไรนะลูก?”
อัฐที่ไม่อยากให้ลูกสาวมีปัญหารีบปราม ถึงเขาจะเป็นพ่อและเจ้าของบ้านหลังนี้แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ที่บ้านตลอดเวลา และนั่นก็เป็นเหตุผลให้ลูกสาวถูกกดขี่ข่มเหง เขารู้ดีแต่พอถามเพราะอยากจัดการให้เรียบร้อย ลูกสาวก็มักจะปฏิเสธบอกว่าไม่มีอะไร
“ซอลพูดผิดเหรอคะพ่อ? ก็เธอเป็นแค่ผู้อาศัยไม่ใช่สายเลือดเดียวกับซอลสักหน่อย จะมารู้ใจกันเหมือนสายเลือดเดียวกันได้ยังไง”
เป็นอีกครั้งที่คำพูดของซอลทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างอึ้ง ซึ่งต่างจากคนที่พูดกลับทำท่าทางไม่สนใจอะไรเลยสักนิด ยังคงกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย
“คุณคะ ฉันมีเรื่องจะพูดด้วย ช่วยไปที่ห้องทำงานกับฉันที” ริสารีบเรียกสามีของตัวเองเพราะตอนนี้เธอรู้สึกโกรธมาก
“แต่เรากินข้าวกันอยู่นะ” อัฐพูดโต้กลับไป
“นั่นสิคะแม่เลี้ยง ยังกินข้าวกันอยู่เลยจะรีบคุยอะไรขนาดนั้น”
“แต่ฉันอยากคุยตอนนี้!!”
“เหอะ! งั้นซอลว่าพ่อไปเถอะค่ะ ดูท่าทางแม่...เลี้ยง! คงจะมีเรื่องร้อนรนใจมากจริง ๆ” ซอลรู้ว่าอัฐกำลังห่วงเธอเลยบอกไปแบบนั้น หลังจากที่ผู้ใหญ่ทั้งสองคนออกไปก็เหลือเพียงหญิงสาวสามคนที่วัยใกล้เคียงกันนั่งร่วมโต๊ะด้วยกันอยู่
“อีซอลแกกล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับฉัน ถึงฉันจะเป็นแค่คนนอกแต่คุณพ่อก็ยังรักฉันมากกว่าแก” พิ้งค์โวยวายเสียงดังลั่น แต่คนที่กำลังถูกโวยวายดูเหมือนจะไม่สนใจอีกฝ่ายเลยสักนิด ส่วนพีชก็ได้แต่ถอนหายใจยาวแล้วลุกเดินออกจากตรงนั้นทันที ดูเหมือนว่าบ้านที่เคยสงบสุขกำลังจะกลายเป็นสนามรบแล้ว
“ฮะ ๆ ฮ่า ๆ ตายแล้วหน้าตาเธอก็ดูฉลาดนะ แต่ทำไมกลับโง่ได้ไง มันจะมีพ่อแม่คนไหนรักลูกคนอื่นมากกว่าตัวเองกัน...เลือดนะมันข้นกว่าน้ำเปล่าผสมน้ำแดงแบบเธอนะ” ซอลพูดหน้านิ่งพร้อมกับตักข้าวตรงหน้าเข้าปากตัวเองต่อแบบไม่สนใจอะไรมากนัก
“อี!”
“อย่ามาขึ้นไอ้ขึ้นอี แล้วก็อย่ามาทำเก่งกับฉันจนหมดความอดทน ไม่อย่างนั้นของที่เธอภูมิใจหนักหนาที่แย่งซอลไปฉันจะเอาคืนมาให้หมด จำใส่หัวไว้ฉันไม่ใช่คนที่คนแบบเธอจะมากดให้ต่ำกว่าได้”
“กะ...แก”
“เฮ้อ~ ฉันอิ่มแล้ว มื้ออาหารวันนี้ไม่อร่อยเลย พวกแมลงส่งเสียงจนน่ารำคาญ วันนี้คงต้องให้พ่อเรียกบริษัทจำกัดแมลงมาจัดการสักหน่อย” ซอลพูดพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้
“กรี๊ดดด!! อุ๊บ! อือออออ” พิ้งค์ที่กำลังจะกรี๊ดระบายความโกรธก็ต้องหุบปากทันที เมื่อคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอื้อมมือมาปิดปากเธอไว้
“อย่ากรี๊ดเสียงดังสิคนอื่นเขาจะเข้าใจผิดนะว่าเธอเป็นนางร้าย ไม่สินางร้ายแบบฉันยังไม่กรี๊ดเหมือนผีเปรตเข้าแบบนี้เลย...คีพลุคหน่อยสิเป็นดาราทั้งที”
“อีซอลคนที่อยู่ใต้ตีนฉันมาตลอดแบบแกมีสิทธิ์อะไรมาสั่ง คอยดูนะฉันจะทำให้แกไม่กล้าปากดีด้วยอีก”
“ใต้ตีนงั้นเหรอ คนแบบฉันนี่นะ หึ! ไว้ทำได้จริงฉันจะกราบตีนแกเลย แต่ก่อนหน้านั้นเรามาดูกันว่าใครกันแน่ที่จะต้องอยู่ใต้ตีนใคร”
พูดจบซอลก็ปล่อยมือของตัวเองออกจากปากพิ้งค์แล้วเดินออกไปอย่างไม่สนใจอะไรเลยสักนิด ทำเอาคนที่ถูกเตือนเมื่อกี้ถึงกับกำมือเข้าหากันแน่น
“อีซอลอีบ้า! คอยดูฉันจะทำให้แกไม่มีที่ยืนในสังคม”
หลังจากที่ซอลปลีกตัวออกมาเธอก็กลับมาที่ห้องนอนบ้านหลังเล็กแล้วกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่สักพักก็นึกได้ว่าซอลเป็นดาราและมีงานถ่ายหนังโฆษณาหรือพรีเซนเตอร์หลาย ๆ ชิ้นถ้าทำให้มีผลกระทบต่อสัญญาจ้างมีหวังค่าปรับบาน
“ยัยนี่ต้องทำงานหนิ โทรศัพท์ไปหาผู้จัดการยัยนี่ดีหรือเปล่านะ”
ครืด~~ครืด~~
แต่ยังไม่ทันได้ลุกออกจากเตียงโทรศัพท์ที่เธอเพิ่งได้รับมาเมื่อไม่นานก็มีสายโทรเข้าและก็คงไม่ใช่ใครคนอื่นที่โทรมา ก็คงเป็นคนที่ให้นั่นแหละ แล้วก็ใช่เมื่อเธอหยิบมาดูมันคือชื่อที่รอยส์บอกเธอไว้
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะคุณรอยส์หนึ่ง”
ทันทีที่รับสายซอลก็เลือกที่จะกวนประสาทปลายสายทันที ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับถอนหายใจเสียงดังออกมา
(เฮ้อ~ เป็นยังไงบ้าง?)
“เป็นยังไงบ้างหมายถึงเรื่องอะไรคะ?”
(อาการน่ะ มีอาการแทรกซ้อนอะไรหรือเปล่า?) รอยส์ได้แต่ทำหน้าเหนื่อยใจกับการกวนประสาทของหญิงสาวที่กำลังปั่นหัวเขา
“ไม่มีค่ะ นี่เป็นบริการสอบถามคนไข้หลังจากออกจากโรงพยาบาลของคุณหรือคะ รึว่า...แค่เป็นห่วงฉัน?”
(แค่ถาม...ถ้าไม่มีอะไรก็ดีแล้ว งั้นก็แค่นี้แหละ)
“ฮ่า ๆ ได้เลยค่ะ...อ่อ อย่าดื่มเยอะนะคะแอลกอฮอร์มันไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไหร่ แล้วก็ถ้าพาผู้หญิงไปต่อก็อย่าลืมสวมถุงยางนะ ป้องกันตัวเองไว้ก่อน เป็นห่วงนะคะบาย...จุ๊บ”
LoyKuB
“เฮ้อ~~”
เธอพูดจบก็วางสายไป เขาได้ถอนหายใจยาว ๆ มันแปลกมากถ้าจะบอกความจำเสื่อมก็ไม่น่าจะใช่ แต่ทำไมซอลถึงลืมหลาย ๆ เรื่องล่ะ บุคลิก คำพูดก็ดูต่างออกไป ที่สำคัญเด็กนั่นกล้าพูดมากขึ้นขนาดกล้าที่จะกวนเขาแบบเมื่อกี้
“เป็นอะไรหน้าเครียด ๆ?” เวย์มองเพื่อนด้วยความสงสัย
“กูถามอะไรมึงหน่อยสิ” รอยส์หยิบแก้วเหล้าของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะหมุนน้ำสีอำพันที่อยู่ในแก้วไปมาเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“ถามมาสิ”
“เฮ้อ~ ช่างมันเถอะ ว่าแต่คราวนี้มึงจะออกทะเลกี่วัน?”
รอยส์มองเพื่อน พันเรือเอก วราเทพ สินทร์บอดิน ชายชาติทหารที่อายุน้อยอนาคตไกล
“เกือบเดือน กูเลยมาดื่มที่ร้านมึงไง”
“นานเหมือนกันนะ จริงสิกูเจอคุณป้าไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล ท่านบ่นกับกูอยู่ว่าเมื่อไหร่มึงจะแต่งงาน ไม่ใช่ว่าจะไปคว้านางเงือกในทะเลมาเป็นเมียหรอกนะ”
“ฮ่า ๆ ถ้ามีนางเงือกจริง กูอาจจะเอามาเป็นเมียก็ได้นะ เผื่อจะให้ช่วยว่ายน้ำไปดูลาดเลาพวกก่อการร้าย”
“ไอ้เชี้ยเวย์ นางเงือกมึงก็ไม่เว้นเนาะ เมียนะเว้ยไม่ใช่ทหารในสังกัดที่มึงดูแล จะได้ใช้ให้ไปทำเรื่องเสี่ยงอันตรายขนาดนั้น”
“เมียทหารต้องอดทนโว้ย”
“ไอ้สัด”
“เฮ้ย!! พวกมึงโทษทีว่ะกูมาช้า”
ยังไม่ทันที่รอยส์จะได้ด่าต่อ เสียงบุคคลที่สามหรือก็คือเพื่อนสนิทอีกคนของพวกเขาดังขึ้น
“ช้านะมึง มีเคสเหรอ?” เวย์วางแก้วเหล้าของตัวเองลงก่อนจะหยิบขวดเหล้าเทให้เพื่อนที่มาใหม่
“ก็ไม่ใช่เคสหรอก แค่มีบริษัทซ้อมหนีไฟเลยขอให้พวกกูไปช่วยสอนวิธีหนีหรือป้องกันไฟไหม้ที่ถูกต้องให้...ขอบใจเพื่อน” ธามรับแก้วเหล้าที่เวย์รินให้ก่อนจะยกดื่มครั้งเดียวหมด เพียงแค่แอลกอฮอล์ไหลผ่านลำคอก็ทำเอาความเหนื่อยล้าที่มีหายไปแทบหมดสิ้น
“งานดับเพลิงหนักจะตายกูไม่คิดว่ามึงที่เป็นถึงลูกชายของรัฐมนตรีกระทรวงการคลังจะทำได้นานขนาดนี้”
“ไอ้เวย์ขนาดมึงยังเป็นทหารได้เลย อีกอย่างกูทำงานนะโว้ยเกี่ยวอะไรกับพ่อเป็นรัฐมนตรี” น้ำเสียงที่ฟังดูไม่สนโลกทำให้รอยส์กับเวย์มองหน้ากันแล้วส่ายหัวไปมา
หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันคุยเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับชีวิตการทำงานช่วงนี้ แม้ว่าระหว่างนั้นจะมีหญิงสาวแวะเวียนเข้าหาแต่พวกเขาก็เลือกที่จะปฏิเสธเพราะหลายเรื่องก็ให้คนนอกได้ยินไม่ได้
“เวย์ให้ลูกน้องนอกเครื่องแบบของพวกมึงช่วยหาประวัติใครบางคนให้หน่อยได้ไหม”
“ได้ แต่ว่าเรื่องอะไรบอกกูได้ไหม?”
“เรื่องข่าวที่เพิ่งออกไปไง ดาราสาวที่ป่วยเข้าโรงพยาบาลเพราะอุบัติเหตุ”
“ใคร? ใช่น้องซอลขวัญใจกูหรือเปล่า? แต่ไหนว่าในข่าวบอกว่าแค่ป่วยธรรมดา?” เวย์ที่ได้ยินข่าวคราวมาบ้างเลยถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้สิ แต่กูคิดว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น”
“ได้...เดี๋ยวกูช่วย”
เวย์เลือกที่จะตอบรับคำขอร้องของเพื่อน ส่วนคนที่ขอร้องอย่างรอยส์ไม่รู้ทำไมเขาถึงคิดว่าเรื่องนั้นมันไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดาแบบการปล้นชิงทรัพย์ที่ตำรวจสรุปคดีแก่คนภายนอก รู้เพียงแค่ว่าซอลป่วย แล้วเจ้าตัวคนที่โดนกระทำก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่บอกว่าเป็นการปล้นชิงทรัพย์ธรรมดาตามที่ตำรวจสรุปมา
อยากรู้จริง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่