“เฮ้อ~ รอดตายไปอีกหนึ่งวัน” หลังจากที่ซอลกินข้าวเสร็จเธอก็เดินกลับขึ้นมาที่ห้องนอนเล็กอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มเดินดูนั่นดูนี่และไปเจอเข้ากับสมุดไดอารี่สีขาวเล่มหนา เธอหยิบมันเดินมาก่อนจะโน้มตัวลงนอนแล้วค่อยเปิดอ่านทีละหน้า
“ไหนขอดูสิว่ามีอะไรพอที่จะให้ฉันรู้เรื่องเกี่ยวกับเธอเพิ่มมากขึ้นหรือเปล่า”
8 เมษายน 2557
แม่คะทำไมแม่ถึงมาจากซอลไป ซอลไม่อยากอยู่กับคนพวกนี้เลย พวกเขาไม่เคยคิดว่าซอลเป็นคนในครอบครัวเลยสักครั้ง
ดูเหมือนว่าแม่ของซอลจะเสียไปแล้วก่อนที่พ่อจะแต่งงานใหม่กับแม่เลี้ยงสินะ
6 มี.ค. 2558
แม่คะวันนี้หนูได้ทาบทามเป็นนักแสดงจากแมวมองด้วย แต่ว่าดูเหมือนคุณน้าริสาจะไม่พอใจเลย แบบนี้หนูยังจะได้เป็นนักแสดงหรือเปล่าคะ
สายตาของรินในร่างซอลอ่านบันทึกไปทีละหน้าดูเหมือนว่าชีวิตนางเอกสาวที่เธอเคยรู้จักผ่านการแสดงและหน้าสื่อจะไม่ใช่แบบที่เห็นเลยสินะ
4 พ.ค. 2559
วันนี้หนูมีเพื่อนมาคุยด้วยนะคะแม่ เธอเข้ามาทักบอกว่าดูโฆษณาที่หนูเป็นพรีเซนเตอร์อยู่ด้วย แต่ว่าพอเธอไปคุยกับคุณพิ้งค์ก็ไม่กลับมาคุยกับหนูอีก หนูจะมีเพื่อนหรือเปล่าคะ?
ยิ่งอ่านเนื้อหาในนี้มันยิ่งทำให้เธอจมดิ่ง แต่เท่าที่อ่านมาแล้วจับใจความได้แม่ของซอลตายเพราะอุบัติเหตุ
ไม่นานย่าของเธอก็หาภรรยาใหม่ที่มีฐานะทัดเทียมกับพ่อมาให้ ซึ่งก็คือริสาที่มีลูกติดอีกคน
แม่ลูกสองคนนั้นพออยู่ต่อหน้าพ่อเธอก็ทำดีด้วย แต่พอลับหลังก็ต่างพากันกลั่นแกล้ง
คนพวกนั้นต่างคิดไปเองว่าซอลจะมาแย่งสมบัติแย่งบริษัทและทรัพย์สินเพราะริสามีลูกกับอัฐหนึ่งคน และคิดว่าทุกอย่างควรตกเป็นของลูกคนนี้
ริสาที่เกลียดแม่ที่คลอดซอลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เหตุผลเธอก็ไม่รู้แต่ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นจะเอาความเกลียดชังทุกอย่างมาลงที่ซอล ผลักลงน้ำบ้าง เอาของที่ซอลแพ้ผสมใส่ในอาหาร
ซอลที่ทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม เพื่อรอเวลาออกไปจากขุมนรกนี้ แต่ก่อนซอลคิดว่าหนทางที่เธอจะออกจากที่นี่ได้เร็วที่สุดคือการได้แต่งงานกับรอยส์ ซอลเลยพยายามเข้าหารอยส์ทุกวิถีทาง
ตอนนี้เธอไม่แปลกใจเลยทำไมรอยส์ถึงชอบบอกว่าเธอพยายามจะเข้าใกล้ ก็นั่นสินะเธอเป็นซอลอยู่หนิ แต่รอยส์ก็ไม่ได้แย่เหมือนคนพวกนั้น รอยส์แค่รำคาญเพราะซอลคนเก่าชอบตามตื้อ แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นรอยส์ก็ยังดูแลเธอที่อยู่ในร่างนี้เป็นอย่างดี
“ฉันควรทำยังไงกับครอบครัวเธอดี ต้องยอมก้มหน้ารับชะตากรรมแบบนางเอกผู้ถูกกระทำต่ออย่างเธอหรือว่าจะใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟันแบบตัวฉันดี”
ซอลบ่นพึมพำก่อนจะค่อย ๆ ผล็อยหลับไปในที่สุด กว่าเธอจะตื่นขึ้นอีกทีเวลาก็ปาไปเกือบห้าโมงเย็นแล้ว
“ให้ตายเถอะที่นอนมันนุ่มจนหลับลึกขนาดนี้เลยเหรอ...ว่าแต่ฉันขอยืมใช้โน้ตบุ๊กเธอหน่อยนะ ขออัปเดตข่าวตัวเองนิดหนึ่ง”
เสียงพำพึมกับเจ้าของห้องคนเก่าราวกับว่าอีกฝ่ายอยู่ที่นี่ด้วย เธอลุกเดินไปที่โต๊ะทำงานเล็กก่อนจะเปิดโน้ตบุ๊กขึ้น
ดีนะที่ไม่ใส่รหัสไว้ แต่ทำแบบนี้สะเพร่าจริง ๆ เผื่อมีข้อมูลสำคัญจะทำยังไง
ซอลก็อดไม่ได้ที่จะบ่นก่อนที่เธอจะกดเข้าเฟซบุ๊ก แล้วปลดล็อกรหัสเฟซบุ๊กของตัวเอง หน้าเพจของเธอถูกแท็กเต็มไปหมดด้วยข้อความไว้อาลัย
...ข้อความมากมายนี้ทำเอาเธออดยิ้มไม่ได้
ก็นะ...ตอนยังไม่ตายมีแต่คนสาปส่งทุกวัน จนเธอเคยคิดว่าตอนตายคงไม่มีใครมาไว้ทุกข์ให้ซะอีก
แต่ก็นะแฟนคลับที่รักเธอแบบที่เธอเป็นก็เยอะเพราะอย่างนั้นเธอถึงได้มีงานเข้ามาเยอะแยะเต็มไปหมดไง
ก๊อก ๆ
“ซอลอยู่ในห้องหรือเปล่าลูก?”
เสียงคุ้นหูที่เธอได้ยินทุกวันในระหว่างนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ทำให้เธอรู้ว่าผู้มาเยือนคือใครเลยปิดโน้ตบุ๊กลงแล้วเดินไปเปิดประตูให้
“มีอะไรหรือเปล่าคะ...พ่อ?”
ในไดอารี่ซอลเขียนแทนชายสูงวัยคนนี้ว่าคุณอัฐ ตอนนี้เธอตั้งใจว่าจะให้ซอลสนิทกับพ่อเพราะแบบนั้นจะไม่เอาคำว่าพ่อก็คงไม่ได้
“ซอลเรียกพ่อว่าพ่อเหรอ?”
อัฐดึงลูกสาวเข้ามากอดแน่น ไม่รู้อะไรดลใจให้ลูกสาวที่ทำตัวห่างเหินตั้งแต่เขาแต่งงานใหม่ยอมเรียกเขาว่าพ่อ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องคิดแล้ว แค่ลูกเรียกแบบนี้เขาก็ดีใจจะแย่แล้ว
แม่นางเอกเธอต้องขอบคุณฉันนะ
แต่ทุกครั้งในไดอารี่ซอลมักจะเขียนไว้ว่าอยากเรียกชายสูงวัยคนนี้ว่าพ่อสักครั้ง แต่เพราะกลัวว่าแม่เลี้ยงจะไม่พอใจเลยหลบเลี่ยง
“ใช่ค่ะพ่อ แล้วพ่อมีอะไรกับหนูหรือเปล่าคะ?”
“ไปกินข้าวกับพ่อไหมลูกหรือถ้าไม่สบายใจที่จะกินในบ้าน เราออกไปกินข้าวข้างนอกกันก็ได้ พ่ออยากกินข้าวกับลูก”
น้ำเสียงของอัฐในตอนท้ายบ่งบอกถึงความเศร้า
“เอาสิคะพ่อ แต่เรากินที่นี่ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องออกไปข้างนอกหรอก ซอลว่ามันจะลำบากเปล่า ๆ”
“ถ้าลูกพูดแบบนั้นเดี๋ยวพ่อบอกคนจัดอาหารเพิ่มให้ลูกอีกชุดนะ”
แม้อัฐจะแปลกใจกับการกระทำที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับลูกสาว แต่เขาก็พยายามคิดว่ามันเกิดจากอาการจะเป็นโรคฮิสทีเรียที่หมอเคยบอกเขาก็ได้
นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ซอลอยากทำมากตั้งแต่ก่อนถูกทำร้าย
ไม่นานบนโต๊ะอาหารก็มีทุกคนในครอบครัวนั่งรวมกันอยู่ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่คนใช้ของบ้านทุกคนได้เห็นภาพแบบนี้
จนทุกคนต่างพากันซุบซิบ ผู้หญิงที่ดูน่ารักคนนั้นคงจะเป็นน้องสาวของซอลที่ชื่อพีชสินะ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายแม้จะไม่ได้รังแกซอลเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ปกป้องเหมือนกัน
“พี่ซอล พีชขอโทษนะคะที่ไม่เคยไปเยี่ยมเลย ช่วงนี้พีชเรียนหนักมากเลย” พีชพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ไม่เป็นอะไรหรอกจ๊ะ! น้องสาว” ซอลพูดพร้อมกับยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย
คำว่าน้องสาวของคนที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาวันแรก ทำให้พิ้งค์ถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างผืนยิ้ม
“พิ้งค์ว่าซอลดูเปลี่ยนไปเยอะนะ จริงไหมพีช?”
“ใช่ค่ะ”
“งั้นเหรอ ก็ปกติดีนะไม่เห็นเปลี่ยนเลยอย่าคิดมากสิ...หรือว่าเพราะพิ้งค์เป็นคนนอกหรือเปล่าถึงไม่รู้สึกถึงความปกติของเรา”
ความจริงเธอก็ไม่อยากพูดแบบนี้หรอก แต่ไม่รู้ทำไมปากมันดันไปเอง อาจจะเพราะรู้สึกไม่ถูกชะตากับยัยนี่ด้วยล่ะมั้งหรือเพราะเธออ่านไดอารี่ของซอลก็ได้และอีกอย่างคือสายตาที่มองมาราวกับจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ด้วยตอนนี้คงต้องระวังตัวไว้หน่อยแล้ว คนรอบตัวเธออันตรายจริง ๆ ซอล แต่ก็นะ ฉันอันตรายกว่าแน่