ตอนที่ 3 ความทรงจำใครอีกคน

1191 คำ
ห้องผู้ป่วย SS-5092 (นางสาวศิรินันท์ วัลพิทักษ์วงศ์ษา) “อาต้องขอบคุณหลานมากนะที่หาหมอเก่ง ๆ มาช่วยน้อง” อัฐหรืออัฐธา วัลพิทักษ์วงศ์ษา ประธานบริษัทผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าพูดพร้อมกับมองลูกสาวที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความห่วงใย แต่เขาไม่รู้เลยว่าเสียงพูดของตัวเองทำให้ร่างบางของคนที่กำลังนอนหลับอยู่ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างรำคาญใจ [ใครมาพูดอะไรตรงนี้เนี่ย รำคาญคนจะนอน] “ไม่เป็นไรครับคุณอา มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วที่ต้องหาหมอเก่งมาช่วยผู้ป่วย” [หมอเหรอ...อะไร หมอผีอีกหรือเปล่า อย่าบอกนะว่ายายพาหมอผีมาที่บ้านอีกแล้ว ยายนะยาย...แต่ว่าทำไมเธอถึงไม่มีเสียงพูดออกมาเลยล่ะ แล้วทำไมตาของเธอถึงได้พร่ามัวแบบนี้] “แค่ก ๆ น้ำ ขอ...น้ำหน่อย” เสียงแหบแห้งของคนที่อยู่บนเตียงทำให้ชายต่างวัยสองคนที่คุยกันอยู่หันไปมอง “คุณอาอย่าเพิ่งครับ น้องยังดื่มตอนนี้ยังไม่ได้” ชายหนุ่มที่ความรู้ทางการแพทย์มาบ้างรีบห้าม ก่อนจะกดกริ่งเรียกหมอกับพยาบาลเมื่อเห็นว่าคนไข้ฟื้นขึ้นมา “ซอลเป็นยังไงบ้าง มันเกิดอะไรขึ้นเล่าให้พ่อฟังสิลูก?” คนที่ถูกเรียกก็ลืมตาขึ้นมองช้า ๆ ตอนนี้ตาของเธอพร่ามัวไปหมดจนไม่เห็นใคร ราวกับว่าไม่ได้ใช้สายตามาเป็นเวลานาน ซอล...ชายแก่คนนี้ทำไมถึงเรียกเธอว่าซอล? เธอชื่อรินต่างหากจะเรียกผิดก็เรียกชื่ออื่นไม่ได้เหรอ แล้วมาเรียกตัวเองว่าพ่อกับฉันอีก พ่อของเธอตายไปตั้งแต่ตอนที่อายุได้ 10 ปีแล้ว “พวกคุณเป็นใคร แล้วทำไมตาฉันถึงมองไม่เห็นอะไรแบบนี้?” คำถามของคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงทำให้คนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับงง รอยส์ลองเลือกที่จะโบกมือไปมาตรงหน้าหญิงสาว แต่เหมือนเธอจะมองไม่เห็นจริง ๆ “คุณอาเดี๋ยวผมรบกวนออกไปข้างนอกก่อนนะครับ ขอให้หมอตรวจคนไข้สักหน่อย” รอยส์เห็นหมอเดินเข้ามาก็รีบบอกญาติผู้ป่วยทันที “ฝากน้องด้วยนะรอยส์” อัฐพูดด้วยความเป็นห่วง หลังจากเห็นอาการแปลก ๆ ของลูกสาว ที่มองมาหาตัวเองอย่างว่างเปล่าราวกับว่าไม่รู้จัก ให้มองแบบแต่ก่อนที่เต็มไปด้วยความตัดพ้อยังดีซะกว่า “เอาล่ะครับ เรามาเริ่มตรวจกันเลยดีกว่า คนไข้จำชื่อตัวเองได้หรือเปล่าครับ” หมอเจ้าของคนไข้พยายามที่จะสังเกตความผิดปกติของคนตรงหน้า ส่วนรอยส์ที่ยืนกอดอกมองก็ได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย [เธอกำลังเล่นละครอะไรอีกหรือเปล่า?] “ริน…รินดา เวียงผาสุข เกิดวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2542 อายุ 25 ปี หมู่เลือด A อาชีพ นักแสดง พ่อกับแม่ตายตั้งแต่อายุ 10 ปีเลยอยู่กับยายมาตั้งแต่เด็ก แต่ว่าคุณหมอทำไมตาฉันถึงมองเห็นไม่ชัดคะ?” เพียงแค่ได้ยินสิ่งที่หญิงสาวเล่าก็เป็นอีกครั้งที่รอยส์ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย แต่ก็เงียบจนหมอตรวจอาการดวงตาเธอเสร็จ “เธอจำฉันได้ไหม ฉันรอยส์ไง?” “เรารู้จักกันด้วยเหรอ ตั้งแต่โตมาฉันไม่เคยรู้จักคนชื่อนี้” จู่ ๆ ก็เหมือนมีกระแสไฟดูดที่สมองทำให้คนไข้ที่เพิ่งฟื้นตัวได้ไม่นานถึงกับต้องกุมหัวตัวเองไว้กับความเจ็บปวดที่ได้รับ “ซอลเป็นยังไงบ้าง?” รอยส์รีบเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง “ฉันชื่อรินไม่ได้ชื่อซอล คุณอย่ามาเปลี่ยนชื่อของคนอื่นตามใจชอบ แล้วก็รบกวนช่วยติดต่อญาติของฉันให้ที” รอยส์ไม่ได้พูดอะไรต่อในเรื่องนี้ แต่เขายืนฟังหมอเจ้าของคนไข้ตรวจอาการต่อจนเสร็จ หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินออกจากห้องให้คนไข้พักรักษาตัวต่อ “คุณพยาบาลช่วยดูแลคนไข้ด้วยนะ เดี๋ยวผมกับคุณหมอจะไปคุยกับญาติคนไข้สักหน่อย” “ได้ค่ะคุณรอยส์” รอยส์หันกลับไปมองประตูห้องที่เพิ่งเดินออกมาอีกครั้ง พอเห็นอาการของคนที่อยู่ด้านในห้องเมื่อกี้ก็ถึงกับต้องถอนหายใจยาว [ความจำเสื่อมเหรอ!?] แต่ตามผลตรวจไม่ได้รับการกระทบกระเทือนทางด้านสมองและดูเหมือนว่าคนไข้จะจำเรื่องของคนอื่นได้ดีกว่าตัวเองด้วยซ้ำ ราวกับเป็นเรื่องราวของตัวเอง “หมอขอสรุปอาการคนไข้นะครับ ตอนนี้ดูเหมือนว่าตาจะได้รับการกระทบกระเทือนเลยทำให้พร่ามัว แต่ไม่ถึงกับตาบอด พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตามการดูแลของหมอผู้เชี่ยวชาญก็จะกลับมามองเห็นเป็นปกติเหมือนเดิม และอีกเรื่องที่อยากจะแจ้งคือ คนไข้กำลังเป็นโรคบุคลิกภาพหรือศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่าโรคฮิสทีเรีย ตอนนี้คนไข้น่าจะอยู่ในสภาวะที่สองคือ Histrionic Personality Disorder หรือเรียกสั้น ๆ ว่า HPD คนที่เป็นโรคนี้ส่วนมากจะเกิดจากสภาวะขาดความรักอย่างมาก อาจเป็นปมฝังใจตั้งแต่วัยเด็ก หรือพบเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ผิดหวังมากจนอยากจะเป็นคนอื่นที่มีบุคลิกภาพตามที่ตัวเองเคยวาดฝันไว้ว่าอยากเป็นแบบนั้นสักครั้งครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ เพียงแค่ครอบครัวให้ความรักอย่างเพียงพอ คนไข้อาจจะกลับไปเป็นปกติ เหมือนเดิม เรื่องนี้อาจจะต้องมีหมอทางจิตเวชเข้ามาทำการรักษาเพิ่มเติมนะครับ” หมอวิเคราะห์อาการก่อนจะแจ้งเรื่องให้พ่อของผู้ป่วยทราบถึงเรื่องผิดปกติและอาการของคนป่วยที่ห้องทำงาน ดูเหมือนว่าโรคของคนไข้ที่หมอกำลังเล่าให้พ่อของเธอฟังเหมือนจะทำให้ท่านกังวลไม่น้อยเลย “แล้วโรคนี้มันทำให้ลูกสาวผมความจำเสื่อมจนจำผมไม่ได้เหรอครับคุณหมอ?” คนเป็นพ่อถามด้วยอาการร้อนรนใจ “คือ...ผมต้องขอโทษด้วยนะครับถ้าคำพูดที่ออกมาอาจจะทำให้ญาติคนไข้เสียใจ แต่เรื่องนี้ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นเพราะตัวคนไข้เองอยากลืมเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมา ไม่อยากจำ ไม่อยากจดจำหรืออยากจะเป็นคนใหม่ไปเลยนะครับ” “รอยส์! น้องคงจะเกลียดอามากสินะ แต่ก็สมควรแล้ว พ่อที่ไม่ได้ความใครมันจะไปอยากมี” น้ำเสียงของชายวัยกลางคนบอกถึงความเสียใจและความเหนื่อยล้า นั่นทำให้รอยส์อดที่จะถอนหายใจยาว ๆ ออกมาไม่ได้ แม้ว่าครอบครัวพวกเขาจะสนิทสนมกันพอสมควร แต่ก็ใช่ว่าเขาจะรู้เรื่องในตระกูลวัลพิทักษ์วงศ์ษา เพราะอย่างนั้นคนเป็นหมออย่างเขาคงได้แต่รักษาโรคภายนอก ส่วนโรคที่เกิดจากปัญหาทางจิตใจคงต้องพึ่งจิตแพทย์และคนในครอบครัวช่วยกันอย่างที่หมอบอกเท่านั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม