“คุณพยาบาลฉันอยากเข้าห้องน้ำ ช่วยพยุงหน่อยได้หรือเปล่าคะ?”
“ได้ค่ะ”
พยาบาลสาวรีบเข้าไปพยุงตัวหญิงสาวลงจากเตียง เธอแอบเผลอมองหน้าคนไข้อย่างไม่รู้ตัว และอดที่จะคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้สวยมาก สวยแบบที่ผู้หญิงด้วยกันเองแบบเธออดอิจฉาไม่ได้ แล้วไหนจะผมสีดำสนิทริมฝีปากสีชมพูอ่อน แม้ว่าตอนนี้ตาของเธอจะถูกผ้าพันไว้ก็ไม่ทำให้ความสวยลดน้อยลงเลยสักนิด
[ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้เป็นนางเอกดัง อิจฉาจริง ๆ เลยเกิดใหม่ฉันจะได้แบบนี้ไหม?]
“คุณพยาบาล...คุณพยาบาลคะ”
“คะ...มีอะไรหรือเปล่าคะ?” พยาบาลสาวรีบเรียกสติของตัวเองกลับคืนมา
“ถึงแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันเข้าไปข้างในเองก็ได้”
“อ่อ...มันจะดีเหรอคะ ตอนนี้สายตาของคุณซอลยังไม่ค่อยดีให้ฉันพาเข้าไปดีกว่านะคะ” พยาบาลสาวพูดด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะ”
คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิด เพราะมีคนเรียกเธอว่าซอลอีกแล้ว คนพวกนี้รู้จักแต่แม่นางเอกดังหรือไงเธอก็นางร้ายชื่อดังเหมือนกันนะ
แต่รินก็เลือกที่จะไม่สนใจแล้วใช้สายตาที่เลือนรางมองผ่านผ้าบางที่ถูกพันไว้รอบดวงตาแล้วค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องน้ำ
“กรี๊ดดดดดด!!!”
ภาพเลือนรางของคนที่สะท้อนอยู่อีกฝั่งของกระจกทำให้หญิงสาวที่เพิ่งเดินจากห้องน้ำแล้วบังเอิญมองไปที่กระจกถึงกับต้องกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ
ทันทีที่มองไปเจอใครบางคนที่กระจกที่ไม่ใช่ร่างของตัวเอง แล้วดูเหมือนว่าเธอจะยังรู้จักคนที่สะท้อนอยู่ในกระจกด้วย
“คุณซอลเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” พยาบาลที่อยู่ข้างนอกได้ยินเสียงตะโกนก็รีบเคาะประตูถาม
“ไม่ค่ะ...ไม่มีอะไร” แม้จะบอกว่าไม่มีอะไรแต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมาตอนนี้มันสั่นเครือจนรู้สึกได้ เพราะตอนนี้เธอไม่เข้าใจเลยสักนิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
ซอล!!!
แม้ว่าสายตาจะไม่ค่อยดีแต่เธอก็มองเห็นภาพที่สะท้อนอยู่อีกฝั่งของกระจกอย่างชัดเจนทำไมถึงเป็นยัยนี่ รินมองตัวเองที่อยู่ในกระจกมันคือเพื่อน ไม่สิคู่แค้นมากกว่า
ใบหน้าเล็กสวยรูปไข่ จมูกโด่ง ริมฝีปากกระจับ ผมสีดำเงา ผิวขาวอมชมพูขนาดที่ว่าแม้จะป่วยอยู่ก็ยังดูดี ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!ทำไมเธอถึงมาอยู่ในร่างของยัยนี่ได้ ตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนถึงเรียกเธอว่าซอล
“โอ๊ยยยย!!”
ร่างกายที่อ่อนแรงอยู่แล้วพอถูกกระตุ้นด้วยความเจ็บปวดก็ทำให้ขาของร่างกายทรุดลงกับพื้น ก่อนเหตุการณ์บางอย่างค่อย ๆ ปรากฏเข้ามาในหัว
17.00น.Haet Hotel
'น้องซอล งานวันนี้จบแล้วเดี๋ยวพี่ขับรถไปส่งนะจ๊ะ นี่ก็ดึกมากแล้วพี่ไม่อยากให้ขับรถกลับเอง’ ผู้จัดการสาวประเภทสองพูดขึ้นเมื่องานเลี้ยงที่ดาราสาวถูกเชิญมาจบงาน
‘ไม่เป็นไรค่ะพี่ดีดี้ พอดีซอลต้องใช้รถพรุ่งนี้เช้า ถ้าจอดไว้ที่นี่พรุ่งนี้คงจะเดินทางลำบาก’
‘ถ้าอย่างนั้นก็ได้ แต่ว่าถ้าเจออันตรายอะไรรีบโทรศัพท์หาพี่เลยเข้าใจไหม’
‘รับทราบค่ะ’
ซอลยิ้มกว้างให้กับผู้จัดการ แม้ว่ารอยยิ้มนี้ถ้าทุกคนภายนอกเห็นคงจะบอกว่าดูสดใสแต่ความจริงแล้วมันเต็มไปด้วยความเศร้าและความขื่นขม แต่ก็มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้
หลังจากแยกกันกับผู้จัดการเธอก็ขับรถกลับบ้านทางเดิมอย่างเช่นทุกวัน แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงรู้สึกว่าในใจมันโหวงเหวงแปลก ๆ จนกระทั่งขับมาถึงถนนเส้นทางเปลี่ยว
ความจริงเธอชินแล้วเพราะบ้านเธอต้องผ่านทางนี้เลยต้องสัญจรตั้งแต่เด็ก ระหว่างที่รถขับมาเรื่อย ๆ เธอก็สังเกตเห็นว่ามีมอเตอร์ไซค์ล้มอยู่ข้างทางและเห็นน้องผู้หญิงคนหนึ่งฟุบสลบอยู่ข้างรถ
‘น้องคะเป็นอะไรหรือเปล่า?’ ด้วยความตกใจซอลเลยลงจากรถอย่างไม่ระมัดระวังตัว เธอรีบปรี่เข้าไปหาหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง ‘อุ๊ย!! อืออออ’
แต่ยังไม่ทันทีจะได้ช่วยอะไร ก็มีผ้าสีขาวปิดเข้ามาที่จมูกเหตุการณ์แบบนี้มันเหมือนกับละครที่เธอเคยเล่นไม่มีผิดและไม่นานสติที่มีก็เลือนราง
‘สวยฉิบหายเลยว่ะ ถ้าฆ่าทิ้งคงเสียดายแย่’
เสียงที่ดังอยู่ข้างหูและมีมือที่สัมผัสร่างกายของตัวเองอยู่ทำให้ร่างบางที่สลบนอนอยู่บนพื้นค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมอง
'พวกแกเป็นใคร ใครส่งพวกแกมาปล่อยฉันไปเถอะนะ จะเอาเท่าไหร่ฉันมีเงินจ่าย’
หลังจากฟื้นคืนได้สติซอลก็มองชายร่างใหญ่ทั้งสองคนด้วยความหวาดกลัว ยิ่งมือหนาของหนึ่งในสองคนนั้นกำลังลูบไล้ต้นขาเธออย่างกักขฬะ ยิ่งทำให้เธอหวาดกลัวมากขึ้น
'เงินพวกพี่ก็อยากได้นะ แต่ว่าอยากลองมีความสุขกับนางฟ้าซะก่อน แล้วนางฟ้าคนสวยคนนี้อยากลองกลับขึ้นไปบนสวรรค์อีกสักครั้งไหม เดี๋ยวพี่จะพาขึ้นไปเอง'
ท้ายประโยคชายคนนั้นก้มลงกระซิบข้างหูของซอลทำให้เธอเบิกตากว้างขึ้นด้วยความกลัว ตอนนี้ในใจเธอได้แต่ภาวนาว่าขอให้มีคนมาช่วย
‘ไม่นะ! ขอร้องล่ะอย่ายุ่งกับฉันเลย’ สองมือเล็กประกบเข้าหากันอย่างสั่นเทา ดวงตากลมสวยมองชายทั้งสองคนอย่างวิงวอนเพื่อขอความสงสารและเห็นใจ
‘ฮ่า ๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับนางฟ้าของผม ผัวคนนี้ปวดใจนะครับที่เมียกลัว ทั้งที่ผัวจะทำให้มีความสุขแท้ ๆ’
ไม่เพียงแค่พูดแต่ชายคนนั้นยังจับมือของเธอตรึงไว้เหนือศีรษะ ส่วนชายอีกคนก็ดึงกางเกงยีนที่เธอสวมใส่ไว้กระชากอย่างแรงจนหลุดเหลือเพียงชั้นในตัวจิ๋ว หญิงสาวตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นท่อนไม้ที่วางอยู่ใกล้ ๆ
‘ดะ…เดี๋ยวก่อนสิคะ พวกพี่ใจเย็น ๆ กันหน่อย…ยังไงซอลก็เป็นดารานะคะ ถ้าเกิดรอยตามตัวคงไม่ดี เอาแบบนี้ไหมเดี๋ยวซอลจะปรนนิบัติพวกพี่เอง สัญญาเลยค่ะว่าจะไม่ขัดขืน”
ไม่เพียงแค่พูดแต่ซอลพยายามที่จะยกตัวให้สูงแล้วจูบลงคอโจรที่จับมาเบา ๆ แม้จะรู้สึกขยะแขยงแต่เพื่อหาทางรอดต้องทำให้คนพวกนี้ตายใจ
ส่วนโจรที่ถูกดาราสาวคนสวยที่ตัวเองเห็นผ่านทางโทรทัศน์บ่อย ๆ ทำแบบนี้ก็ถึงกับใจเต้นแรงและดีใจคิดว่าเธอพิศวาสตัวเอง เลยส่งสายตาให้เพื่อนปล่อยมือเธอ
ซอลพอเห็นแบบนั้นก็ยกมือขึ้นโอบรอบคออย่างมีจริต ด้วยที่เธอเป็นนักแสดงด้วยมันเลยดูยั่วยวนสมจริง ก่อนจะกระซิบข้างหูอีกฝ่ายเบา ๆ
‘พี่ช่วยพาซอลขึ้นสวรรค์หน่อยนะคะ’
‘ได้สิจ้ะคนสวย…มึงรอก่อนเดี๋ยวกูขอคนแรก’
ระหว่างที่ถูกลูบไล้ซอลก็ขยับตัวถอยหลังทีละนิดเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตจนกระทั่งมือไปแตะท่อนไม้หัก ๆ ก็จับแน่นก่อนจะแทงเข้าที่ท้องผู้ชายคนนั้นอย่างแรง ก่อนจะรีบลุกวิ่งหวังจะหนีผู้ชายอีกคนพ้น
จึก!!
‘อ๊ากกกกกก’
‘ไอ้สิงห์!! อีนี่ฤทธิ์เยอะนักนะงั้นก็ตายซะเถอะ’
ปัง!!!
ยังไม่ทันทีเธอจะหนีพ้น ผู้ชายอีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ดึงปืนที่เหน็บอยู่ด้านหลังยิงเข้าที่กลางหลังเธอ ทำให้ร่างของคนที่กำลังวิ่งอยู่ล้มตัวนอนลงที่พื้น ตอนนี้เธอไม่ได้กำลังแสดงหนังอยู่เพราะความเจ็บปวดที่ได้รับมันคือของจริง
ทำไมกันนะ…ทำไมชีวิตของเธอถึงเจอแต่เรื่องแบบนี้ แต่ก็ดีเหมือนกัน ถ้าตายไปเรื่องทุกอย่างก็จบเธอไม่อยากอยู่แล้วโลกที่โหดร้ายขนาดนี้
[ช่วยทำให้ฉันอยากหายไปจากโลกโหดร้ายนี่ที]
.........
“โอ๊ยยยยย ที่แท้แม่นางเอกคนนี้ก็ตายแบบนี้นี่เอง” ถึงแม้จะพูดแบบนั้นแต่เธอก็อดสงสารซอลไม่ได้ ใครจะไปคิดล่ะว่าชีวิตนางเอกผู้แสนดีจะมามีจุดจบแบบนี้ แต่ก็นะคงไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่ เพียงแค่ว่าเธอภาวนาให้มีชีวิตรอด แต่อีกฝ่ายขอหายไปจากโลกนี้
“แต่เดี๋ยวนะ! หรือว่าตอนนี้ซอลอยู่ในร่างของเราหรือเปล่า?”