“สรุปเมื่อคืนแกกับเขาเอากันทั้งคืน”
“ฉันพูดตอนไหนว่าเอากันทั้งคืน”
“จวบจนรุ่งสาง คืออะไร? อย่ามาแสร้งพูดเป็นกลอนสุนทรภู่ ฉันไม่เก็ทมุก”
ปานชีวาตกใจไม่น้อยเมื่อลัลน์ลลิตเล่าให้ฟังว่าเธอประสบอุบัติเหตุ แต่สิ่งที่ทำให้หญิงสาวตกอกตกใจมากกว่าอุบัติเหตุก็คือเรื่องบนเตียงระหว่างลัลน์ลลิตกับพ่อหนุ่มพลเมืองดีนั่น ที่ลากกันมากินตั้งแต่บ่ายยันตีสาม
“ฉันไล่แล้ว นายนั่นไม่ยอมกลับ จะเสียบจะเสียบท่าเดียว ก็เลยจัดให้ซะเลย”
ลัลน์ลลิตเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ แม้แท้จริงแล้วแอบนึกย้อนกลับไปหลายคำถามที่เขาถามเธอ
"อะไรกันที่ทำให้คุณคิดแค่นั้น หมายถึงต้องการแค่เซ็กซ์แต่ไม่อยากสานสัมพันธ์"
“เป็นความสัมพันธ์ที่แสนหวานแต่เคลือบด้วยยาพิษสินะครับ”
ไร้สาระสิ้นดีตรงที่เธอดันคิดตามคำถามเขาด้วย
“เหอะ เชื่อเธอเลย” ปานชีวาส่ายหน้าน้อยๆ แต่ลัลน์ลลิตไม่สนใจเธอเอาแต่ยิ้มอย่างมีความสุข
“แล้วนี่มีแรงออกไปไหนมั้ย ฉันจะชวนออกไปกินข้าว”
“บ้า ทำไมจะไม่มีแรงล่ะแกก็พูดไป แล้วดูสภาพห้องสิ ก็ต้องออกไปให้แม่บ้านมาทำความสะอาด”
ลัลน์ลลิตหยักหน้าไปทางข้าวของเครื่องใช้ที่กระจัดกระจาย จากการร่วมรักกับชรัญธรเมื่อคืน ที่นอนของเธอเละเทะไปด้วยน้ำรัก ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน วางกระจัดกระจาย เพราะหลังจากที่เขาออกไปซื้อยามาให้เธอ พอกลับมาก็ขอซ้ำเธออีก จะโทษเขาก็ไม่ได้ก็เธอเองที่ยอมปล่อยตามเลย ภาพที่ทั้งสองเมคเลิฟกันในห้องยังคงตราตรึงอยู่ในใจลัลน์ลลิตไม่จางหายไป
“เละขนาดนี้อย่าลืมให้ทิปแม่บ้านหนักๆล่ะ”
“ค่า...งั้นวันนี้ไปเดินซื้อของหน่อยมั้ย ฉันเพิ่งได้ปันผลหุ้นตัวที่ถืออยู่มาอยากได้อะไรเดี๋ยวฉันเลี้ยง”
“แม่พระมาก คุณเพื่อนเลิฟ” ปานชีวาบอกและเดินเข้ามาช่วยรวบผมยาวๆ ของลัลน์ลลิตขึ้นมัด แต่ก็ต้องปล่อยลงตามเดิม
“อะไรดาว ทำไมไม่มัดล่ะ”
“แกไปนอนกับแดร็กคูล่ามาหรือไง ฉันว่าปล่อยผมลงเถอะ”
“บ้าเอ๊ย! ฉันบอกแล้วนะว่าไม่ให้ทำรอยอ่ะ” ลัลน์ลลิตสบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าชรัญธรขบกัดเธอไปทั่วทั้งตัว ยิ่งเธอเก็บเสียงคราง เขายิ่งทำรุนแรงขึ้นราวกับต้องการลงโทษเธอ คิดว่าละมุนที่ไหนได้เขามันพวกซาดิสม์และเซ็กซ์จัดแบบสุดๆ
“แต่แกก็ยอมให้เขาทำนะ”
“แฮะ..ตอนนั้นมันมัวแต่เสียวอยู่ เลยไม่ได้คิด” ลัลน์ลลิตยักไหล่ ทำท่าทะเล้นแบบกวนๆ
“งั้นก็ยอมรับสภาพ ทำลอนแบบเกาหลีไปก็จบ”
“ค่า เพื่อน”
@ ห้างCT
“ลัลน์กระเป๋าใบนี้โอเคมั้ยแก” ปานชีวาสะพายกระเป๋าทรงชอปปิง โพสต์ท่าหน้ากระจกหันไปทางลัลน์ลลิตที่กำลังง่วงอยู่กับการเลือกกระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่ ช่วยกันตัดสินใจว่าจะเอาสีไหนดี
“แกจะไปเที่ยวทะเลเหรอ”
“ก็ใช่สิยะ หยุดยาวเดือนหน้าครอบครัวฉันจะไปบ้านพักตากอากาศที่หัวหิน แกไปด้วยกันสิ”
“ไม่ล่ะ ขี้เกียจ”
“อ้าว แม่ฉันให้ชวนแกด้วยนะ แต่เมื่อเช้ามัวแต่ตกใจเลยลืมชวน”
“งั้นเดี๋ยวค่อยว่ากัน เกรงใจ แม่อุตส่าห์ชวน”
“ดีมาก ว่าแต่กระเป๋านี้...”
“ถ้ามันต้องใช่ก็จัดประหยัดทำไม”
“เยี่ยมยอด” ปานชีวายกนิ้วโป้งให้ลัลน์ลลิตจากนั้นก็หันไปสั่งพนักงานขาย ว่าให้เตรียมกระเป๋าโดยที่เธอไม่ลืมที่จะซื้อเผื่อลัลน์ลลิตด้วย
สักพักต่อมา
“หิวแล้วอ่ะ กินโอมากาเสะกันมั้ย”
“ไม่อ่ะ ฉันขี้เกียจรอ” ลัลน์ลลิตบอกพลางลูบท้องป้อยๆ ดวงตาคู่สวยกวาดมองหาร้านอาหารที่เธออยากกิน
“กินอาหารญี่ปุ่นมั้ย”
“หืม...ร้านนั้นเหรอ”
“ใช่ มีโปรคู่รักด้วยนะ มาคู่มีส่วนลดด้วย ว้าว...” ลัลน์ลลิตชี้ไปทางป้ายโปรโมชั่นสีหวานแหววหน้าร้าน
“เดี๋ยวนะ แกจะตื่นเต้นทำไม ในเมื่อเราโสดทั้งคู่”
“อ้าว ก็ตื่นเต้นให้คนมีคู่อิจฉาไงยะ” ลัลน์ลลิตยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี จากนั้นก็กอดแขนปานชีวากึ่งดึงกึ่งลากเข้าไปภายในร้านอาหารที่ว่า
“พูดไม่เคลียร์อีกแล้ว”
“ปลาดาวแกก็สังเกตดูดิ มาเป็นคู่ก็จริงแต่ก็ไม่ได้เป็นคู่ที่มีความสุขเสมอไปนะ ดูคู่นั้นดิ กำลังเถียงกันว่าจะเอาโปรอะไร”
หญิงสาวพยักพเยิดหน้าไปทางโต๊ะริม ที่ผู้หญิงกำลังกอดอกหน้างอ ส่วนผู้ชายก็บ่นและชี้นิ้วลงบนเมนูยิกๆ ด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์
“ส่วนคู่นั้นผู้ชายน่าจะไม่ชอบอะไรสักอย่าง โวยวายใหญ่เลยว่าสั่งมาทำไม”
“เออ จริงด้วย ดูวุ่นวายมากกว่าจะเป็นคู่รักนะ”
“เพราะฉะนั้นอยู่โสดแบบฉันกับแกดีแล้ว”
“อย่าหนีฉันไปมีผัวก็แล้วกัน”
ปานชีวาเบะปากเล็กน้อยแต่ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มในเวลาต่อมา จากนั้นทั้งคู่ก็สั่งอาหารในเมนูที่แพงที่สุดในร้านกับพนักงานที่เดินเข้ามาบริการ
“ปลาดาวเข้าห้องน้ำกันมั้ย” ลัลน์ลลิตเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทานอาหารเสร็จ แต่ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของปานชีวาก็ดังขึ้นพอดี
“เดี๋ยวตามไปนะ ขอคุยโทรศัพท์กับแม่ก่อน แม่น่าจะให้พี่วาฬมาเอาของที่ฉัน”
“อืม”
เมื่อเห็นว่าห้องน้ำว่างไร้ผู้คนก็รีบเดินเข้าห้องน้ำ แต่ระหว่างที่ลัลน์ลลิตจะผลักประตูห้องน้ำเข้าไปก็มีเสียงหนึ่งเรียกเอาไว้จากทางด้านหลัง
“สวัสดีครับน้องลัลน์”
“เอ่อ สวัสดีค่ะ”
เธอหันตอบกลับเสียงเรียบ จำได้ดีว่าเขาคือผู้ชายที่เธอวันไนท์สแตนด์ด้วยเมื่อหลายเดือนก่อน แต่ตามสไตล์คือเธอไม่อยากสานต่อและเขาก็เพิ่งหมั้นไปด้วย
“มาชอปปิงเหรอคะ” ดนัยเดินเข้ามาซึ่งลัลน์ลลิตก็ก้าวถอยหลังรักษาระยะห่างไปสองก้าว
“ค่ะ” เธอตอบสั้นๆ นิ้วเรียวยกขึ้นเกลี่ยผมยาวๆ ให้สะบัดไปทางด้านหลังอย่างนึกรำคาญ
“ทำไมน้องลัลน์ไม่รับสาย ไม่ตอบไลน์พี่เลยคะ รู้มั้ยว่าพี่คิดถึง”
“ไม่ว่างค่ะ”
“ไม่ว่างแต่มีเวลามาชอปปิงนะคะ”
“ชอปปิงก็เป็นธุระค่ะ”
"น้องลัลน์คะ คืนนี้ไปค้างคืนกับพี่นะคะ" ดนัยยังไม่ละความพยายามและในที่สุดก็เข้าประเด็นสักที
"สำหรับพี่เจมส์แค่ครั้งเดียว ลัลน์ก็เอียนแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ”
ลัลน์ลลิตเดินหนีเพราะไม่อยากเสวนากับผู้ชายที่ตนไม่ถูกชะตาด้วย ทั้งเจ้าชู้ ชอบเบ่ง คุยโว คืนนั้นถ้าไม่เมาเธอคงไม่มีทางยอมขึ้นเตียงกับเขา นึกแล้วก็อดหงุดหงิดให้ตัวเองไม่ได้
“เดี๋ยวสิคะ พี่มีเรื่องจะคุยกับน้องนะ มานี่!”
ทว่าดนัยกลับไม่ยอมให้เธอจากไปง่ายๆ มือหนาก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็ก แล้วกระชากเธอให้เข้าไปในห้องน้ำผู้ชายจากนั้นก็กดล็อกประตู
หมับ!
“อ๊ะ! ปล่อยนะคะพี่เจมส์”
“พะ...พี่เจมส์จะทำอะไร หลบไปนะ”
ลัลน์ลลิตดันตัวชายหนุ่มออกแต่เขาไม่ปล่อยให้เธอหนีไปกลับดันให้ถอยหลังเข้าไปลึกถึงห้องน้ำชั้นใน
ไม่คิดว่ายามนี้ห้องน้ำในห้างหรูจะไร้ซึ่งผู้คน จนเปิดโอกาสให้ผู้ชายกักขฬะอย่างดนัยได้ล่วงเกินหญิงสาวโดยที่ไม่มีใครทันสังเกตเห็น
“กรี๊ดดดด ปล่อยนะ ช่วย อือ!”
ลัลน์ลลิตดีดดิ้นไปพร้อมๆ กับร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับถูกดนัยใช้มือสากปิดปากของเธอแน่นจนแทบไม่มีเสียงเล็ดลอด จากนั้นก็ลากเข้ามาภายในห้องน้ำใช้เท้าถีบประตูอย่างแรงจนมันปิดลง
ปัง!