ปึก!
ร่างเล็กถูกผลักเข้าชิดฝาผนังอย่างรุนแรง แขนทั้งสองข้างถูกจับไพล่มาด้านหลังด้วยมือข้างเดียวของดนัย
“หึ หึ พี่ไม่ชอบเลยนะคะ ที่น้องลัลน์ทำกับพี่แบบนี้”
เสียงแหบพร่ากลั้วขำประหนึ่งโรคจิตของดนัยกระซิบบอกข้างใบหูเล็ก ลิ้นหนาตวัดเลียลงติ่งหูไล่ขบเม้มบนคอเรียวระหงพร้อมเสียงฮึ่มฮำน่าขนลุก ลัลน์ลลิตพยายามหดคอหนีแสดงออกด้วยท่าทางรังเกียจ ร่างกายสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เมื่อดนัยไม่หยุดแต่เลื่อนจมูกกดลงสูดดมไปตามหลังคอของเธอ โดยที่มือข้างหนึ่งของเขายังรวบแขนเล็กไพล่หลัง มืออีกข้างปิดปากของหญิงสาวเอาไว้
“อื้อ...”
น้ำตาสีใสไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยของเธอ ทั้งตกใจ หวาดกลัว ขยะแขยงกับความบ้าคลั่งของดนัย ที่ผ่านมาเธอไม่เคยให้ความหวังกับเขาเลย ทุกอย่างจบลงแค่ครั้งเดียวคืนเดียวเท่านั้น
“หืม...น้องลัลน์ร้องไห้เหรอครับ หืม”
“ฮึก! ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า ปล่อย”
ความหวาดกลัวเข้าเกาะกุมทุกพื้นที่หัวใจ ร่างเล็กออกแรงดีดดิ้นอีกครั้งเมื่อปากของเธอถูกเปิดให้เป็นอิสระ ดนัยถอดเข็มขัดหนังราคาแพงที่อยู่บนหัวกางเกงออก และใช้มันมาพันธนาการที่ข้อมือเธอ แต่เพราะลัลน์ลลิตเริ่มออกแรงดิ้นหนักขึ้นจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ตุ้บ!
“อั๊ก!”
หมัดหนักๆ ต่อยเสยเข้าท้องน้อยของฝ่ายหญิงเต็มแรง ทำให้ร่างเล็กทรุดลงไปกองกับพื้นใบหน้าเหยเกอันเนื่องมาจากเจ็บและจุก ...จนลมหายใจขาดห้วง
“ฤทธิ์มากนักนะ มานี่”
“โอ๊ย!”
ผมยาวที่ปล่อยสลวยหลังถูกฉุดกระชากอย่างรุนแรงรั้งร่างเล็กที่ยังเจ็บท้องน้อยอยู่ให้ลุกขึ้น ลัลน์ลลิตพยายามขัดขืนแต่เรี่ยวแรงของผู้หญิงตัวเล็กๆ มีหรือจะสู้คนตัวใหญ่อย่างดนัยได้ ในที่สุดข้อมือที่ไพล่หลังอยู่ก็ถูกเข็มขัดพันธนาการสำเร็จ
“มาทบทวนกันดูอีกสักครั้งนะคะ ว่าน้องลัลน์จะจำรสรักของพี่เจมส์ได้มั้ย มา!”
“อย่า!! กรี๊ดดด!!” ดนัยจัดการปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของหญิงสาวออกอย่างรวดเร็ว จนเหลือเพียงอันเดอร์แวร์ตัวจิ๋วปกปิดของสงวน เขาจับลัลน์ลลิตนั่งลงบนฝาชักโครกอย่างทุลักทุเล มือที่ถูกมัดไว้ทำให้ลัลน์ลลิตขัดขืนได้ไม่มาก แต่ก็พยายามดีดขาดิ้นหนีสุดชีวิต
แคว่ก!!
“ฮ่าๆๆๆ หยิ่งนักใช่มั้ย”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาระบายความสะใจ หลังจากฉีกเสื้อยืดของหญิงสาวจนขาดวิ่นเหลือเพียงบาร์เซียลายลูกไม้ที่ปกปิดหน้าอกอวบอิ่ม เศษเสื้อถูกฉีกเสียดสีขูดกับเนื้ออ่อนทำให้ผิวบางของเธอขึ้นปื้นแดงชัดเจน นั่นยิ่งเรียกความกระสันจากไอ้โรคจิตให้พลุ่งพล่านขึ้นก็เดิม
“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ! ช่วยด้วย! กรี๊ดดดดด”
ลัลน์ลลิตส่งเสียงร้องดังลั่นอีกทั้งดิ้นหนีสัมผัสของคนเลวอย่างเอาเป็นเอาตาย ดนัยไม่สนใจจัดการนั่งคร่อมเธอแล้วซุกไซ้จมูกลงบนซอกคอของเธออย่างหื่นกระหาย
ปัง!ปัง!ปัง!
“ลัลน์ แกอยู่ในนั้นใช่มั้ย ลัลน์!”
“มาได้ไงวะ”
ดนัยสบถอย่างหัวเสียแต่เขายังไม่ละความพยายามที่จะล่วงละเมิดลัลน์ลลิต เขาพยายามปลุกปล้ำเธอบนชักโครกไม่ได้สนใจว่านี่คือห้องน้ำสาธารณะ หรือใครจะมาเห็นเข้า
“ช่วยด้วย! ปลาดาว ช่วยฉันด้วย!”
ปัง! ปัง!
ไม่กี่อึดใจประตูห้องน้ำก็ถูกพังเข้ามาจากด้านนอกตามมาด้วยใครคนหนึ่งที่เข้ามากระชากตัวดนัยออกไปให้พ้นจากตัวลัลน์ลลิต
“ไอ้สารเลวแกทำอะไรเพื่อนฉัน”
“ไอ้หน้าตัวเมีย มึงอย่าอยู่เลย”
“เฮ้ยอีบ้าปล่อยกูนะ!”
หมับ!
ผลัก!
ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนลัลน์ลลิตประมวลผลไม่ถูกว่าใครเป็นใคร รู้เพียงแค่ดนัยลอยวืดออกจากตัวเธอ จากนั้นก็ถูกใครคนหนึ่งผลักลงไปนอนกองกับพื้น ดวงตาพร่างพรายไปด้วยน้ำตามองไม่ถนัด รู้เพียงแค่เขารัวหมัดใส่ดนัยไม่ยั้งจนเลือดสีสดกระเซ็นไปทั่วพื้นห้องน้ำ
“แกเป็นยังไงบ้างลัลน์ มันยังไม่ได้ทำอะไรแกใช่มั้ย”
ปานชีวารีบดึงเข็มออกจากข้อมือของลัลน์ลลิตอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถอดคาดิแกนที่สวมใส่ออกเปลี่ยนมาคลุมลงร่างเล็กที่นั่งร้องไห้อยู่บนชักโครก ระหว่างนั้นชุดรักษาความปลอดภัยของห้างก็เข้ามาจับกุมดนัยไว้พอดี
“ฮึก มะ...ไม่ ปลาดาว ฮื่ออออ ฉันกลัว”
“ไม่ต้องร้องนะ ฉันอยู่นี่แล้ว แกปลอดภัยแล้ว”
ทั้งสองกอดกันร้องไห้ตัวสั่น หัวใจของปานชีวาแทบแตกสลายตอนที่เปิดประตูเข้ามาเห็นสภาพเละเทะของเพื่อนสนิท ใครจะไปคิดว่าห้างหรูจะมีภัยอันตรายแฝงอยู่ โชคดีที่เฉลียวใจว่าทำไมลัลน์ลลิตเข้าห้องน้ำนานเลยตามเข้าไปดู แต่ไม่เจอเธอในห้องน้ำผู้หญิง ทว่าห้องน้ำชายกลับมีเสียงดังคล้ายคนตีกันทำให้ปานชีวากับลูกพี่ลูกน้องรีบพังประตูเข้ามาดู
“อ๊าก!! ปล่อยกูนะเว้ย อีนั่นมันร่านเองพวกมึงจะมาจับกูทำไม กูกำลังจะสนองตัณหาให้มัน ปล่อยกู!” ดนัยขัดขืนไม่ยอมให้จับตัวง่ายๆ เขาก่นด่าลัลน์ลลิตสารพัดไม่ต่างจากคนที่กำลังคลุ้มคลั่ง ควบคุมสติไม่ได้
“พี่คะจับมันไปเลยค่ะ เอามันไปตัดไข่เลย”
“ปล่อยกู!”
พัวะ!
“อัก!” หลังเท้าของชายตัวสูงเสยเข้าปลายคางของดนัยทำให้คนที่กำลังคลุ้มคลั่งหมดสติทรุดลงไปกองอยู่ที่พื้นทันตา
“จับมันไปส่งตำรวจ ผมจะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด”
เสียงเข้มประกาศกร้าวสลับกับเสียงหอบหายใจถี่ ก่อนจะหันไปทางน้องสาวและเพื่อนของเธอ ทันทีที่ทั้งสองสบตากันต่างฝ่ายต่างก็ตกใจที่เจอกันในสถานการณ์นี้
“คุณชาร์ค” ลัลลน์ลลิตเรียกชื่อคนเคยคุ้นเสียงเบาหวิว เธอซุกหน้าลงในอ้อมกอดของปานชีวาเพื่อหลบหนีความกระดากอาย
เขาคงเดาเรื่องราวทั้งหมดได้ไม่ยาก
แต่อย่าบอกนะว่าชรัญธรคือพี่ชายของปานชีวา ทำไมโลกมันช่างกลมอย่างนี้
“คุณโอเคมั้ย”
“ไม่โอเคค่ะ ดาวจะเอาเรื่องมันให้ถึงพี่สุด พี่ชาร์คช่วยพยุงยายลัลน์ไว้ทีเดี๋ยวดาวจะไปโทรหาคุณอาบิ๊กโจ๊กให้จับมันไปไว้แดนประหาร”
เป็นปานชีวาที่ตอบคำถามแทนเพื่อน ว่าจบก็ส่งตัวคนเจ็บเอาไว้ในอ้อมแขนพี่ชาย จากนั้นก็เดินอาดๆ ตามคนร้ายออกไปด้านนอก
“คุณเจ็บตรงบ้าง”
ชรัญธรสำรวจร่างกายหญิงสาวด้วยท่าทางร้อนใจ นอกจากเสื้อผ้าของเธอจะขาดหลุดลุ่ยแล้วเนื้อตัวยังเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำอีก
“ฮึก! เจ็บตรงหน้าท้องค่ะ มันต่อยท้องลัลน์แต่ยังไม่ได้ทำอย่างอื่น”
ลัลน์ลลิตก้มหน้าเอ่ยเสียงแผ่ว ยิ่งเธอสะอื้นไปพูดไปยิ่งเจ็บหน้าท้องที่โดนต่อยมากขึ้น เนื้อตัวก็สั่นสะท้านไปหมด
“ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตอุ้มคุณนะ ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล”
ร่างเล็กถูกช้อนตัวอุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาวแล้วเดินออกไป ลัลน์ลลิตไม่ขัดขืนเพราะเธอไม่มีเรี่ยวแรงจะปฏิเสธเขา
“คิดซะว่าย้อนกลับไปวันแรกที่เราเจอกันนะครับ ให้ผมพาคุณไปหาหมออีกครั้งก็แล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะ”
ลัลน์ลลิตทำได้เพียงเอ่ยขอบคุณเขาเบาๆ เรียวแขนของเธอกอดรอบคอหนาแล้วซบใบหน้าลงบนอกแกร่ง ภายในใจก็นึกอาย ได้เจอกันอีกทีนั่นคือวาสนา ทว่าเขาไม่ควรต้องมาเจอเธอในสภาพน่าเวทนาเช่นนี้เลย
@ โรงพยาบาล
“ตำรวจจะมาสอบปากคำที่นี่ คุณไหวมั้ย”
ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวแสดงออกทางสีหน้ายังดูกังวลและหวาดกลัว จึงนั่งลงเก้าอี้ข้างๆ เตียงคนไข้แล้วเอื้อมมือไปจับมือของเธอแล้วบีบเบาๆ หมายให้กำลังใจ
“ค่ะ ฉันไหว”
ลัลน์ลลิตตอบรับเสียงแผ่วเบา รู้สึกไม่สบายใจที่กลายเป็นภาระให้คนอื่นยุ่งยาก ตอนนี้ปานชีวาและชรัญธรต่างวิ่งวุ่นเอาผิดดนัยเพื่อเธอทั้งคู่
“ผมจ้างบอดี้การ์ดมาเฝ้าที่หน้าห้องพักฟื้นของคุณนะครับ ระหว่างนี้ผมรับรองว่าไม่มีใครเข้ามาทำอันตรายคุณได้แน่”
“ไม่เว่อร์ไปเหรอคะ เจมส์ก็ถูกจับไปแล้ว ไม่น่าจะมาทำอันตรายลัลน์ได้อีก”
“ไม่เว่อร์หรอกครับ ผมปรึกษากับปลาดาวแล้ว” ชรัญธรอ้างลูกพี่ลูกน้องสีหน้าจริงจัง ขนาดที่ห้างมันยังไม่กลัวแล้วนับประสาอะไรกับที่โรงพยาบาล
“ขอบคุณนะคะ ลัลน์ไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนคุณกับปลาดาวยังไงดี ทุกคนลำบากกันไปหมด”
ที่ผ่านมาเลือกความสัมพันธ์แบบไม่ผูกพันธ์เพราะไม่อยากมีปัญหาตามมา ไม่คิดว่าแท้จริงแล้วปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความสัมพันธ์แต่อยู่ที่สันดารของบุคคลต่างหาก
“ผมยินดีทำครับ ที่สำคัญไม่ได้ลำบากอะไรขนาดนั้นหรอก คุณลัลน์อย่าคิดมากเลย”
ในสายตาของชรัญ ลัลน์ลลิตเป็นเด็กน่าสงสารคนหนึ่ง เธอขาดพ่อไร้แม่เฉกเช่นเขา ชายหนุ่มเข้าใจความรู้สึกดีว่าการที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างโดดเดี่ยวมันรู้สึกยังไง
เคว้งคว้าง ว้าเหว่ ท้อแท้ ไร้ที่พึง ... เขาจึงอยากอยู่ข้างๆ เธอ
“เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะความสัมพันธ์ฉาบฉวยของลัลน์แท้ๆ” ความตึงเครียดในอีกผลักไสให้เธอปริปากเอ่ยออกมาในที่สุด ไม่รู้ทำไมถึงวางใจกล้าพูดเรื่องนี้ให้ชรัญธรได้ฟัง
“รสนิยมทางเพศเป็นความชอบของแต่ละบุคคล ผู้ชายคนนั้นเขาก็แค่จัดการกับตัวเองไม่ได้ต่างหาก เลยมาสร้างความเดือนร้อนให้คุณ”
“ขอบคุณที่พูดตรงๆ นะคะ และก็ขอบคุณที่เข้าใจ”
“คุณเองก็ไม่ได้คิดจะปกปิดผมด้วย เรื่องนี้แฟร์ทั้งสองฝ่าย ผมถึงบอกคุณไงว่าอย่าคิดมาก ผมเข้าใจดี”
ไม่ใช่แค่ปลอบใจแต่พูดตามความรู้สึกจริง เธอคงกลัวว่าเขาจะมองไม่ดีไปต่างๆ นานา ชรัญธรจึงแสดงออกให้เธอได้รู้ว่าผู้ชายอย่างเขายอมรับได้ ไม่ได้มีทัศนคติคับแคบ เคารพการจัดการชีวิตของแต่ละคน โดยเฉพาะเรื่องรสนิยมทางเพศที่ลัลน์ลลิตกล้าเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา