หนึ่งมิตรชิดใกล้รัก 2 ญารินดา
ชื่นชีวันเมื่อฉันและเธอชิดใกล้
แต่ไฉนเธอห่างฉันไปทุกที
ช่างไม่มีน้ำใจใยดีต่อไมตรีสัมพันธ์
เริ่มแต่วันที่เราคบกันคล้ายเพื่อน
แต่ดูเหมือนมีสิ่งเร้าใจไหวหวั่น
ปล่อยให้รุมสุมทรวงนานวันเปลี่ยนเป็นฉันรักเธอ
ไม่เคยเผยความในใจ
หากวันใดเผยใจกลัวเก้อ
เฝ้าคอยแต่หลงละเมอยามเมื่อเธอห่างไป
อยากให้เธอได้มองเห็นใจฉันหน่อย
แต่เพียงน้อยคือหนึ่งมิตรเคยชิดใกล้
จะคู่ควรเสมอเธอเพียงใด สุดแต่ใจของเธอ
ไม่เคยเผยความในใจ
หากวันใดเผยใจกลัวเก้อ
เฝ้าคอยแต่หลงละเมอยามเมื่อเธอห่างไป
อยากให้เธอได้มองเห็นใจฉันหน่อย
แต่เพียงน้อยคือหนึ่งมิตรเคยชิดใกล้
จะคู่ควรเสมอเธอเพียงใด สุดแต่ใจของเธอ
ญารินดาที่กำลังนั่งฟังเพลงโดยใช้บลูทูธหูฟังอยู่บนรถไฟฟ้า บทเพลงเก่าๆที่หญิงสาวชอบเปิดฟังในขณะนั่งรถกลับที่พักหลังจากวันนี้เธอฝึกงานเหนื่อยมาทั้งวัน หญิงสาวเรียนจบในปีสุดท้ายโดยคว้าปริญญามาได้สองใบในสาขาการออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอ ส่วนอีกใบคือบริหารธุรกิจมันเป็นสาขาที่เธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าผู้ที่มอบทุนให้เธอนั้นทำไมถึงให้เธอเรียนในสาขานี้ และเธอก็ไม่ปฏิเสธที่เรียนมันเพราะการเรียนมันเป็นสิ่งที่เด็กต่างจังหวัดอย่างเธอไขว่คว้าหามันมาตั้งแต่เด็กและเธอก็ทำมันออกมาได้ดีทั้งสองสาขาวิชา
ญารินดาฝึกงานที่นี่เข้าเดือนสุดท้ายแล้ว ผลคะแนน ของเธอออกมาเป็นที่น่าพอใจหญิงสาวได้รับแจ้งจากอาจารย์ประจำวิชาว่าคะแนนการฝึกงานของเธอได้เต็มทุกช่อง และที่สำคัญไปกว่านั้นคือบริษัทที่เธอฝึกงานนั้นเซ็นสัญญาให้เธอเป็นพนักงานประจำต่ออีกด้วย
มันจึงเป็นโอกาสที่ดีที่หญิงสาวต้องคว้าเอาไว้ เพราะ ฐานะทางบ้านเธอที่ประเทศไทยค่อนข้างที่จะยากจนถ้าหญิงสาวไม่ได้ทุนจากมิสเตอร์โจฮัน เธอก็ไม่มีทางที่จะได้เรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่ดีๆและคณะที่ดีๆแบบนี้เป็นแน่
ย้อนไปเมื่อญารินดายังเด็ก หญิงสาวตัวน้อยที่บ้านอยู่บนดอยทางภาคเหนือของประเทศไทยพ่อกับแม่ของเธอเสียชีวิตเมื่อสิบสามปีที่แล้วเนื่องจากทั้งคู่เข้าไปหาของป่ามาขายแต่ไปเจอพวกค้ายาที่กำลังขนยาข้ามชายแดนจึงทำให้ทั่งคู่โดนยิงเสียชีวิต ญารินดาเธอกับน้องชายที่อายุห่างกันห้าปีจึงได้อาศัยอยู่กับยายกันเพียงแค่สามคนเท่านั้น
คุณยายของญารินดาประกอบอาชีพเกษตรกรโดยการปลูกผักขาย คุณยายมีน้องชายของญารินดาเป็นหัวเรื่องหัวแรงในการทำงานครั้งนี้
น้องชายของญารินดาชื่อณวัช หรือเรียกสั้นๆว่าวัช ณวัชเป็นเด็กวัยรุ่นที่ขยันต่างจากวัยรุ่นทั่วๆไปในระแวกนั้นที่เอาแต่เล่นเกม ติดโทรศัพท์ หรือเอาแต่เที่ยว ณวัชช่วยเหลืองานยายไม่เคยเกี่ยงทำให้ยายและญารินดารักณวัชมาก อีกทั้งครอบครัวนี้เหลือกันแค่สามคนมันจึงทำให้ทั้งสามสู้ชีวิตมาด้วยกันตลอดจนกระทั่งญารินดามาเรียนต่อที่กรุงเทพและได้ฝึกงานที่ฝรั่งเศสจึงทำให้เริ่มห่างกันแต่ทว่าญารินดาก็ได้โทรหายายและณวัชทุกวัน
ญารินดาและณวัชสนิทกันมากเพราะขาดพ่อและแม่ตั้งแต่เด็กทั้งสองมีอะไรจึงได้ปรึกษากันตลอด คุยกันได้ทุกเรื่อง
ญารินดาฝึกงานที่บริษัทนี้ในตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการของท่านประธานบริษัทอย่างมิสเตอร์โจฮัน เดอกัสปาร์
มิสเตอร์โจฮันได้ให้เลขาของตัวเองสอนงานเอกสารต่างๆและหน้าที่ของเลขาทุกอย่างให้กับญารินดา และหญิงสาวเป็นคนหัวไวจึงเข้าใจในเนื้องานและรายละเอียดได้ดีและเร็วมาก
ญารินดา มาอยู่ที่ฝรั่งเศสเกือบสามเดือน เธอมีเพื่อนสนิทที่เป็นสาวผิวสีหนึ่งคน ที่มีนามว่าแคลร์
แคลร์เป็นคนพื้นเมือง อาศัยอยู่ในตึกเดียวกันและอยู่ห้องข้างๆกับญารินดา ที่ทั้งสองสนิทกันก็เพราะว่าแคลร์ทำงานในบริษัทที่ญารินดาฝึกงานอยู่ และอายุของทั้งสองก็ไล่เลี่ยกัน โดยแคลร์จะมีอายุมากกว่าญารินดาแค่ปีเดียวเท่านั้น
ครืด ครืด ครืด เสียงสมาร์ทโฟนของญารินดาดังขึ้น เมื่อมีเสียงเรียกเข้า หญิงสาวกดออกจากแอพพลิเคชั่นที่ฟังเพลง ก่อนจะกดรับสายเมื่ออ่านดูหน้าจอว่าใครเป็นคนโทรมาหาเธอ
ญาริรดา : ไฮ ว่าไงจ๊ะแคลร์
แคลร์ : ฉันโทรมาแสดงความยินดีกับพนักงานใหม่จ้า
ญารินดา : คริ คริ คริ แหม....แคลร์เธอก็ทราบข่าวเร็วจังเลยนะ
แคลร์ : ก็นี่ใครล่ะ แคลร์ผู้รู้เรื่องของชาวบ้านเป็นอย่างดี แต่ที่ฉันโทรมาหาเธอนี่ไม่ใช่เพราะแค่แสดงความยินดีเท่านั้นนะ ฉันจะชวนเธอไปฉลองด้วยรีบกลับเร็วๆเลย
ญารินดา : ฉลองที่ไหนอ่ะแคลร์
แคลร์ : อืม...ไม่ถึงกับฉลองหรอกแค่ไปทานข้าวกันไว้เธอกลับมาถึงห้องก่อนเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน
ญารินดา : โอเคจ้า...บายแล้วเจอกันที่ห้องจ๊ะ
ผ่านไปสักพัก...
"รอนานไหมแคลร์ พอดีฉันแวะซื้อของใช้ส่วนตัวก่อนเข้ามาหน่ะทำให้ช้าเลย ขอโทษนะจ๊ะที่ให้รอนาน" ญารินดากล่าวบอกเพื่อนเมื่อเห็นแคลร์ยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้อง
"ก็...นิดหน่อย แต่มันก็ทำให้ฉันปวดขาไม่น้อยเช่นกันเธอต้องไถ่โทษโดยการ ไปเที่ยวกับฉันหลังทานข้าวเสร็จนะ"
"หึ! เที่ยว?"
"ใช่ ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย โอเคนะ รีบเข้าห้องไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว" แคลร์รีบดันหลังเพื่อนเข้าไปข้างในเมื่อเห็นญารินดาเปิดประตูห้อง
ญารินดาใช้เวลาในการอาบน้ำแต่งตัวไม่นาน สักพักเธอก็เสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง
" เธอเป็นคนสวยมากนะญาดาเธอรู้ตัวหรือเปล่า ถ้าเธอไม่มีไอ้เจ้าแว่นนี้มันยิ่งทำให้เธอดูสวยเซ็กซี่มากเลย" แคลร์เดินมาหยิบแว่นของญารินดาออก ก่อนจะเพ่งพินิจที่ใบหน้ารูปไข่ของเพื่อนสาวที่มีเครื่องหน้าที่สวยมากคนหนึ่ง
"ไม่ล่ะแคลร์ ถ้าไม่ใส่ฉันไม่มั่นใจแถมมองไม่ค่อยชัดด้วย" ญารินดาหยิบแว่นจากแคลร์กลับมาสวมใส่คืน
"โอเค งั้นไปกัน" แคลร์ก็ไม่ได้ที่จะเซ้าซี้ที่จะให้เพื่อถอดแค่เป็นการแนะนำก็เท่านั้น