หนึ่งมิตรชิดใกล้รัก 3 ตัวประกัน
สองสาวนั่งรถออกไปที่ร้านอาหารโดยมีเจ้าถิ่นอย่างแคลร์คอยบอกสถานที่กับแท็กซี่ เมื่อถึงที่หมายทั้งสองรีบลงรถไปยังโต๊ะที่แคลร์ได้จองไว้
"นี่มันร้านอาหารไทยนิ่"
"ใช่ๆ ฉันเห็นเธอจากเมืองไทยมาจะครบสามเดือนแล้ว น่าจะยังไม่ได้ทานอาหารบ้านเกิดตัวเองเลยพามาที่นี่"
"ขอบใจมากนะแคลร์ เธอดีกับฉันมากๆเลยโอกาสหน้าไว้ฉันเลี้ยงคืนนะ"
"ไม่เป็นไรแค่นี้เอง ไว้เธอทำงานมีเงินเดือนแล้วค่อยมาเลี้ยงฉันคืนละกัน ^ _ ^"
"ได้เลยจ้า"
ด้วยความเกรงใจเพื่อนญารินดาสั่งอาหารไม่กี่อย่างพร้อมกับข้าวคนละจาน และรอไม่นานอาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
สองสาวทานข้าวกันและคุยกันไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องงานในบริษัท แคลร์จะเป็นคนบอกกฎเกณฑ์และแนะนำงานต่างๆให้ญารินดาทราบ หลังจากทานข้าวกันเสร็จแคลร์จึงได้ทวงสัญญาก่อนหน้าที่จะมานี้กับญารินดา
"ทานข้าวเสร็จแล้วเราไปเที่ยวกันต่อนะญาดา"
"ฉันไม่ค่อยมีเงินเลย ไว้ให้ฉันทำงานก่อนนะเดี๋ยวไปแน่นอน"
"ไม่เป็นไร บอกแล้วไงว่าวันนี้ฉันเลี้ยงเอง"
"ไม่เอาๆ ข้าวเธอก็เลี้ยงฉันแล้วไหนจะมาเลี้ยงเครื่องดื่มฉันอีกไม่เอาดีกว่าแค่นี้เธอก็หมดเยอะแล้ว"
"ไม่เป็นไรเลยแค่นี้เองไปเถอะฉันเลี้ยงนะๆ ญาดาวันเดียวเองพรุ่งนี้ก็วันหยุดแล้วไม่ใช่หรอ"
"แต่ว่า......"
"ไม่ต้องแต่ ป่ะเราไปกันฉันสัญญาเราดื่มคนละสองดริ้งค์พอแล้วกลับเลย"
"อืม....ก็ได้" แล้วทั้งสองก็นั่งรถออกไปยังผับที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่จากร้านอาหารไทยที่พวกเธอนั่งทานกัน
ผับหรูใจกลางกรุงปารีส...
"แคลร์ ฉันว่าเรากลับกันดีกว่า" ญารินดาหันมองไปรอบๆโต๊ะ เธอสังเกตเห็นได้ว่าที่นี่มีแต่หนุ่มสาวที่ทาเป็นคู่และคนที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ทั้งหมดล้วนแต่งตัวดีเสื้อผ้ากระเป๋ามีแต่แบรนด์เนมทั้งนั้น ดูๆไปค่าเครื่องดื่มคงแพงหูฉี่แน่
"เราเพิ่งมานะญาดา ไปๆนั่งตรงโน้นกัน"
"ฉันว่าเครื่องดื่มที่นี่คงราคาแพงแน่ๆเลยแคลร์ เราไปร้านอื่นกันเถอะ"
" ฉันมีงานทำ มีเงินเดือน และที่บ้านฉันก็ไม่ได้ลำบากอะไรบอกแล้วไงว่าฉันเป็นคนเลี้ยงเธอเอง"
" ยิ่งเธอเลี้ยงฉันน่ะสิฉันยิ่งไม่กล้านั่ง"
" ฉันมีตังค์จ่ายก็แล้วกันหน่ะนั่งลงๆเธอไม่ต้องซีเรียส" และแคลร์ก็บังคับให้ญารินดานั่งดื่มที่ผับนี้จนได้ แคลร์สั่งเบียร์มาคนละแก้ว
หลังจากที่แอลกอฮอล์เข้าปากแล้วแคลร์เธอก็ได้ออกลีลาวาดลวดลายในการเต้น ทำให้ญารินดาที่นั่งมองเพื่อนเต้นอยู่นั้นอดยิ้มไปกับท่าทางเท้าไฟของเพื่อนสาวไม่ได้
"แคลร์ ฉันจะเข้าห้องน้ำสักเดี๋ยวนะ" ญารินดาเดินไปสะกิดบอกเพื่อน
"ได้ๆ เธอให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหม" แคลร์ชะโงกหน้าถามเพื่อน
"ไม่เป็นไรๆ"
"ว่าแต่เธอไปถูกนะ"
"ถูกจ้า ฉันนั่งดูโต๊ะอื่นเขาสักพักแล้ว ทางโน้นไงใช่ไหม"
"ใช่ๆ โอเคงั้นรีบไปรีบมาล่ะ"
"จ้า"
ญารินดาเดินตรงไปยังห้องน้ำตามทางที่เธอนั่งสังเกตุมาสักพัก ผับที่นี่คนเยอะก็จริงแต่ค่อนข้างจะเป็นระเบียบ แบ่งโซนกันอย่างชัดเจนจึงทำให้การเดินทางเข้าห้องน้ำจึงไม่เป็นอุปสรรคเลยว่าคนจะเยอะ
ปัง! ปัง! เสียงดังคล้ายใครจุดประทัดดังขึ้นมาแต่ทว่าที่นี่มันเป็นผับใจกลางเมืองมันเป็ไปไท่ได้ที่ใครจะมาจุดอะไรแบบนี้ เมื่อฟังดูดีๆกลับเป็นเสียงปืนที่ดังขึ้นมาจากข้างในผับ ทำให้ตอนนี้ผู้คนพากันวิ่งกรูหนีตายออกมาข้างนอกกัน
ผับที่มีผู้คนเป็นจำนวนมากที่ตอนแรกต่างคนต่างอยู่โซนของตนเองพอมีเสียงปืนดังขึ้นมาเท่านั้นทำให้ผู้คนไม่รอที่จะต่อแถวออกมาข้างนอกเพราะต่างคนต่างหนีตายเอาชีวิตรอดกันตามสัญชาตญาณ
คนส่วนใหญ่หนีออกมาข้านอกได้ มีบางส่วนหลบมาตามมุมต่างๆอาทิเช่นห้องเก็บของ ห้องครัว ห้องน้ำ และหนึ่งในนั้นก็มีญารินดาที่เธอออกมาข้างนองไม่ทันจึงจำต้องใช้ห้องน้ำเป็นสถานที่หลบภัยก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายและการ์ดของร้านจะวิ่งเข้ามาระงับเหตุ
ในขณะเดียวกันมีผู้ชายสองคนวิ่งหนีมาทางห้องน้ำหญิงและเข้าไปคว้าหญิงสองคนมาเป็นตัวประกัน มันเอามมีดจ่อที่ลำคอของสาวทั้งสองก่อนที่คู่อริของพวกมันจะวิ่งตามเข้ามา
"ว้าย! ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ"
"กรี๊ดดด! ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ" หญิงทั้งสองคนตะโกนออกมาด้วยความตกใจ และเนื่องจากมันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทันหันจึงทำให้ทั้งสองพูดออกมาเป็นภาษาไทยเหมือนกันและไล่ๆกัน ญารินดาและผู้หญิงอีกคนต่างหันหน้ามาสบตากันเมื่อทั้งสองร้องตะโกนขอความช่วยเหลือออกมาเป็นภาษาไทยพร้อมๆกัน
ไม่นานก็มีกลุ่มชายวัยรุ่นสี่คนวิ่งถือปืนเข้าตามเข้ามาในห้องน้ำหญิง และหนึ่งในนั้นญารินดาจำได้ดีเขาคือผู้ชายที่ย้อมผมสีชมพูที่เดินชนเธอเมื่อกลางวันและเป็นคนเตะกองเอกสารนั้นของเธอ
"หยุดนะ! อย่าเข้ามาไม่งั้นกูแทงตัวประกันแน่" หนึ่งในชายหนุ่มสองคนแรกที่วิ่งเข้ามาพูดขึ้น
"ยะ อย่านะ" ผู้หญิงคนไทยอีกคนที่โดนจับเป็นตัวประกันพูดขึ้นมาด้วยภาษาฝรั่งเศส
"ใช่ๆ อย่าทำอะไรพวกเราเลยค่ะ เอ่อพวกคุณก็เช่นกันอย่างยิงนะคะ" ญารินดาเกลี้ยกล่อมสองคนนั้นพร้อมกับหันไปบอกกลุ่มชายหนุ่มทั้งสี่คน
ในส่วนของดอมินิกเมื่อเขาเห็นตัวประกันโดนจับเขาจึงสั่งเพื่อน ของเขาทั้งสามคนให้เอาปืนลงในขณะเดียวกันการ์ดของร้านและตำรวจก็เข้ามาระงับเหตุการณ์พอดี
หลังจากตำรวจเข้ามาเคลียร์พื้นที่ตัวประกันผู้หญิง ทั้งสองคนอย่างญารินดาและสาวสวยอีกหนึ่งคนก็ถูกปล่อยตัว คู่กรณีทั้งหกคนที่มีเรื่องกันก็คือกลุ่มของดอมินิกสี่คนที่พกปืน และกลุ่มชายอีกสองคนที่จับตัวประกันก่อนหน้านั้นโดนรวบตัวไปที่สถานีตำรวจ ญารินดาและตัวประกันอีกหนึ่งคนก็ถูกเชิญไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจด้วยเช่นกัน
ตรวจสอบสวนญารินดาและสาวสวยอีกคนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และในกลุ่มของโดมินิกสี่คนถูกประกันตัวจากทางฝั่งของพ่อชายหนุ่มที่ส่งคนมาประกันให้ ส่วนกลุ่มของชายหนุ่มทั้งสองคนที่พกมีดจี้ตัวประกันนั้นถูกฝากขังไว้ก่อน
" ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ ส่วนฉันเมลานีหรือจะเรียกว่า มีนีนก็ได้ค่ะ"
"อ๋อค่ะคุณมีนีน ฉันชื่อ ญารินดาหรือเรียกว่า ญาดาได้ค่ะ"
" ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณญาดาดีใจที่ได้เจอกับคนไทยในต่างแดนแบบนี้ค่ะ"
" เช่นกันค่ะคุณมีนีนยินดีที่ได้รู้จักและก็ดีใจที่ได้เจอคนไทยที่นี่เหมือนกันค่ะ"
" คุณญาดามาเรียนต่อที่นี่หรอคะเพราะดูจากใบหน้าแล้วน่าจะเป็นนักศึกษาอยู่แสดงว่าที่บ้านต้องรวยแน่ๆเลย"
" ฉันมาฝึกงานค่ะ เรียนอยู่ที่ไทยเป็นนักเรียนทุนเลยได้มาฝึกงานที่บริษัทของคนที่ให้ทุนอ่ะค่ะ"
"อ๋อค่ะ"
" แล้วคุณมีนีนล่ะคะมาทำอะไรที่นี่"
" ฉันมาเรียนต่อที่นี่ค่ะย้ายมาตามคุณพ่อคุณพ่อของฉันเป็นเอกอัครราชทูตประจำกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส เพิ่งมารับตำแหน่งได้เดือนกว่าๆนี้เองค่ะ"
"อ๋อ ค่ะ" มันก็น่าจะใช่อยู่แล้วเพราะการแต่งตัวของเมลานีนั้นดูแตกต่างจากเธอมากหญิงสาวแต่งกายด้วยแบรนด์เนมทั้งตัว อีกทั้งผิวพรรณและหน้าตาเธอช่างดูดีเหลือเกินสมแล้วที่เป็นถึงลูกของเอกอัครราชทูต
"งั้นแสดงว่าพี่ญาดาก็เป็นพี่สิคะ มีนีนเรียนอยู่ปี 2 ค่ะ"
"อืม....น่าจะห่างกันสองหรือสามปีนี่แหละค่ะ เพราะฉันเรียนช้าไปหนึ่งปี ตอนนี้อายุยี่สิบสามค่ะ"
"อ่อค่ะ ห่างกันสามปีงั้นเรียกว่าพี่ญาดาเลยนะคะ"
"ได้ค่ะ คุณมีนีน"
"มีนีนจะขอเบอร์และไอดีไลน์พี่ญาดาได้หน่อยนะคะ เผื่อมีอะไรเราจะได้คุยกัน เพราะมีนีนไม่มีเพื่อนเป็นคนไทยเลยค่ะ"
"ได้ค่ะคุณมีนีน" จากนั้นหญิงสาวทั้งสองก็ได้แลกไลน์และเบอร์โทรกันไว้