เจอหน้ากันทีไรก็ทะเลาะกันทุกที

1161 คำ
พิมพ์ดาวรีบออกจากห้องโดยไม่อาบน้ำเช่นเคย เธอโดยสารรถมอเตอร์ไซค์ไปยังตึกสำนักงานใหญ่ของบริษัท เมื่อไปถึงชั้นจุดหมาย เธอตรงไปยังห้องผู้บริหารทันที “อุ๊ยตาย! แถวยาวเหยียด คืออะไร...” เธอมาสายไปครึ่งชั่วโมง แต่ด้วยความที่เป็นเด็กเส้น คุณท่านฝากเข้ามา ก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง เธอคิดอย่างนั้น แต่พอมาถึงหน้าห้องซีอีโอ ซึ่งมีหญิงสาวแสนสวยและท่าทางมั่นใจอีกราวๆ สิบคนนั่งรอสัมภาษณ์อยู่ด้วย เธออึ้งไปหลายวินาทีทีเดียว “โอววว...นี่ฉันต้องแข่งกับ...” “มาแล้วเรอะ!” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากข้างหลัง เธอหันขวับไปมอง สบตากับเขาอย่างจัง...ไอ้คุณเล็กตัวแสบ!! “กล้ามาสายอีกนะ ที่โดนไล่ออกคราวก่อนยังไม่เข็ด หรือว่าไม่อยากทำงานจริงๆ” ทุกคนในที่แห่งนั้นหันมองเธอเป็นตาเดียว เธอชะงักไปหลายอึดใจ พยายามตั้งสติ นับตัวเลขในใจไม่ให้โกรธจนควันออกหู “คิดว่าฉัน...” อยากจะทำงานที่นี่มากนักเหรอ...ใจเย็นไว้ ท่องไว้ เพื่อคุณใหญ่ที่รัก อย่าผลีผลามไป อย่างน้อยต้องได้เจอหน้ารณภพตัวเป็นๆ สักครั้งก่อนตาย “ฉัน...ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ...” “อ้อ ไม่ตั้งใจจะมาทำงานที่นี่จริงๆ ไม่อย่างนั้นสภาพคงไม่...” แล้วเขาก็ใช้สายตารังเกียจเหยียดหยามมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า “ซกมก สกปรก กระเซอะกระเซิงขนาดนี้หรอก” อร๊ายยยย....เธอทนไม่ไหวแล้วนะ ทำไมต้องมาด่าเธอต่อหน้าคนอื่นขนาดนี้ด้วย เธอกำหมัดแน่น ถ้าเขาด่าเธออีกที เธอชกแน่ “แน่ใจนะว่ามาสัมภาษณ์ตำแหน่งเลขา” พอเขาพูดอย่างนั้น เหล่าบรรดาสาวๆ ที่มาสัมภาษณ์ในตำแหน่งเดียวกันกับเธอก็พากันหัวเราะฮิฮะ ดู ดัดจริต...นี่เธอกลายเป็นตัวตลกไปแล้วเหรอ เพราะหมอนี่คนเดียว “ตำแหน่งแม่บ้านยังว่างนะ ถ้าเธอสนใจ?” เขากระดกคิ้วยั่วเย้าคิดว่าเท่มากสินะ ที่ทำให้เธออับอายได้ เธอทนไม่ไหวแล้ว หมัดแน่นๆ ที่เธอกำไว้ต้องใช้งานสักทีล่ะวะ “คิดว่าฉันอยากทำงานที่นี่มากเหรอ ไอ้คนทุเรศ!!” เธอด่าพร้อมกับชกเข้าไปที่มุมปากชายหนุ่มเข้าอย่างจัง จนทำให้เขาเซไปโดนโต๊ะทำงานใกล้ๆ จนทำให้เอกสารบนโต๊ะ รวมทั้งข้าวของหล่นกระจาย เฮ้ย...ทุกคนอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...รวมทั้งรณภพที่ผลักประตูออกมาแล้วเห็นเข้าพอดี ตอนที่เธอชกน้องชายของเขาอย่างแรง ต่อหน้าพนักงานทั้งบริษัท โดยไม่เกรงกลัวใครเลย “เธอ!” คิมหันต์ชี้หน้าหญิงสาวอย่างตกใจปนอึ้ง “เธอกล้า...” “นี่ยังน้อยไปค่ะ สำหรับคนปากเสียและชอบดูถูกคนอื่นอย่างคุณ ฉันต่อยคุณแค่นี้เพื่อเป็นการสั่งสอนเท่านั้น ขอเตือนว่าอย่าทำให้ฉันโมโหอีก ไม่อย่างนั้น...” “ไม่อย่างนั้นอะไร???” “ฉันจะเปิดโปง เรื่องที่คุณเคยแอบมองคนใช้อาบน้ำ...” เธอพูดได้เท่านั้น ฝ่ามือหนาของนายเล็กก็รวบปิดปากเธอไว้ ทุกคนมองด้วยความอึ้ง ก่อนจะซุบซิบกันเหมือนแมงหวี่ “หยุดนะ อย่าปรักปรำฉัน” เขากระซิบกระซาบที่ริมหูเธอ เธอจับฝ่ามือเขาแล้วผลักออก ก่อนจะหันมาชี้หน้าเขาอย่างถือดี แล้วก็ต้องลดมือลง เพราะสายตาคมกริบของรณภพที่จ้องเธออยู่ “คุณใหญ่...อุ๊ย! คุณรณภพ” “มาแล้วเหรอตาเล็ก” เขาเรียกน้องชายด้วยน้ำเสียงขรึมเข้ม “เข้าห้องได้แล้ว แล้วก็เริ่มสัมภาษณ์ซะที คุณอัจฉราจัดการด้วยครับ” รณภพหันไปสั่งหญิงวัยกลางคน ซึ่งน่าจะเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคล ก่อนจะหันมาทางน้องชายอีกครั้ง “ใครที่อยากสมัครชกมวย ให้ไปหาค่ายชกที่อื่น แต่ถ้าอยากเป็นเลขาก็หยุดสร้างเรื่องได้แล้ว” เขาไม่ได้ปลายตามามองเธอเลย แม้คำพูดจะหมายถึงเธอเต็มๆ “แล้วเตรียมเข้าสัมภาษณ์ด้วย ทุกคน” “คนแรก...คุณอ่อนกมลเตรียมตัวเข้าสัมภาษณ์ค่ะ” คนแรก...เพิ่งจะเข้าสัมภาษณ์ ซึ่งไม่ใช่เธอแน่นอน หญิงสาวหันขวับไปมองคุณเล็กตัวแสบที่ด่าเธอฉอดๆ เพราะมาสาย...แต่คนที่มาสายกว่าเธอ!!! “คุณ!” เขากลับทำหน้าระรื่น เช็ดมุมปากเบาๆ เดินผ่านเธอ แล้วแกล้งพูดหยามหยัน “ฉันเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสัมภาษณ์ครั้งนี้ คิดว่าคนที่ทำร้ายร่างกายฉันจะผ่านการสัมภาษณ์เหรอวะ????” แล้วเขาก็หัวเราะเบาๆ เดินเข้าห้องซีอีโอไป “ทำ...ทำไม...เป็นแบบนี้วะ” เธอเซ็งสุดขีด...มีเรื่องกับตัวปัญหายังไม่พอ แถมท่าทางคุณใหญ่ก็จำเธอไม่ได้ซะด้วย แล้วแบบนี้เธอจะได้เป็นเลขาของเขาเหรอ มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย...พ่อนะพ่อ “ฉันมาทำอะไรที่นี่เนี่ย” เธอไม่ควรเสียเวลาอยู่ที่นี่...เธอควรจะกลับเลยดีกว่า? “มองอะไร” เธอว่าใส่หน้าพวกดัดจริตทั้งหลายที่มาต่อแถวเพื่อจะได้เข้าไปยั่วซีอีโอหนุ่มสุดหล่อ ผู้หญิงพวกนี้ก็คงไม่ต่างจากเธอหรอก คงหวังจะจับเจ้านายล่ะสิไม่ว่า “พ่อนะพ่อ หาเรื่องให้ลูกอับอายอยู่เรื่อย” เธอเดินจ้ำออกไป แต่ไม่เกินสามก้าวก็ต้องหยุด เพราะเสียงของป้าอัจฉรา “พิมพ์ดาว กุลวงศ์ เชิญเข้าห้องสัมภาษณ์” เธอชะงักก่อนหันกลับไป เห็นผู้สัมภาษณ์งานคนแรกเดินร้องไห้ออกมา...คงหนัก “อ้าว มัวยืนทำอะไรอยู่ล่ะ รีบๆ เข้าสิ มีคนรอสัมภาษณ์อีกเยอะนะ” หญิงสาวลังเลอึดใจหนึ่ง ก่อนเดินกลับไปที่หน้าห้อง แล้วกระซิบถามป้าอัจฉราอย่างใคร่รู้ “ถามหน่อยค่ะ นี่เป็นการสัมภษณ์วันที่เท่าไหร่แล้วคะ” “วันที่สามจ๊ะ” “วันที่สาม!!!” แม่เจ้า...เธอไม่รู้จะอุทานเป็นภาษาอะไรดี รู้แต่ว่าทุกคำต้องหยาบคายมากแน่ๆ “สงสัยอยากได้นางฟ้ามาเป็นเลขานะคะ ท่าทางจะเรื่องมากมิใช่น้อย” “แล้วเธอจะเข้าสัมภาษณ์มั้ยจ๊ะ ถ้าไม่ ฉันจะได้เรียกคนอื่น” หญิงสาวเกือบจะบอกว่าไม่อยู่แล้วเชียว หากไม่ได้ยินพวกที่มารอสัมภาษณ์ด้วยกันวิจารณ์ว่าเธอเข้าไปก็ไม่มีทางผ่าน ไม่รู้จะสัมภาษณ์ไปทำไมให้เสียเวลา เธอเองก็คิดแบบเดียวกับพวกนั้นนะ แต่คิดไปคิดมา โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆ ซิ “เข้าสิคะ อุตส่าห์เสี่ยงตายซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์มาซะขนาดนี้” เรื่องอะไรจะปล่อยให้โอกาสในการพบคุณใหญ่หลุดลอยไปล่ะ แหม่...แค่ได้เห็นหน้าและคุยด้วยสักสามสี่นาทีก็พอใจแล้ว “แล้วจะกลับมือเปล่าได้ยังไงล่ะคะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม