ในขณะที่เธอกำลังก้มหน้าก้มตานั่งทานข้าว เมื่อได้ยินคำสั่งจากสามีของเธอ จึงทำให้เธอถึงกับอ้าปากค้าง
รวมถึงพนักงานที่กำลังนั่งทานข้าวในนี้ทั้งหมด
เมื่อเขาออกคำสั่งกับเธอเรียบร้อยแล้วก็เดินจากไปจากห้องอาหารของพนักงานทันที โดยไม่รอคำตอบจากเธอ
ดวงใจที่มองดูเหตุการณ์ก็รู้สึกเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เพราะเขาก็ได้ยินข่าวมาแว่วๆ ว่าจะมีภรรยาของท่านประธานมาทำงานที่นี่ แต่เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นความลับมาก ทำให้เธอนั่นไม่สามารถพูดอะไรมากไปกว่านี้ได้
‘คงเป็นหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้แน่นอน’ เพราะจากรูปร่าง น่าตาแล้ว เธอไม่น่าจะมาเป็นแม่บ้านของที่นี่ได้ และอีกอย่างหัวหน้าฝ่ายบุคคลก็สั่งให้เธอจับตาดูแลหญิงสาวคนนี้เป็นอย่างดี
“รีบกินแล้วรีบไปหาท่านประธานเถอะยาหยี เดี๋ยวท่านประธานจะหงุดหงิดเอานะ” ดวงใจเตือนเธอเบาๆ และบอกให้เธอรีบกินข้าวและรีบไป
โดยมีเสียงซุบซิบนินทาของเหล่าพนักงาน บริเวณนั้น โดยยาหยีและดวงใจก็มองหน้ากันและปล่อยให้เหล่าพนักงานนั้นค้างคาใจต่อไป
หลังจากที่เธอทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบกดลิฟต์ขึ้นไปหาสามีเธอทันที
ติ้ง!!!
เมื่อลิฟต์มาถึงชั้น 23 ประตูลิฟต์ก็เปิดออกทันที
เธอนั้นก็ค่อยๆ เดินก้าวเท้าออกมา และเดินตรงไปยังประตูบานใหญ่สีดำอยู่ตรงหน้า โดยข้างๆ มีโต๊ะตัวใหญ่สำหรับทำงานหนึ่งตัว โดยมีชายชุดดำหนึ่งคนกำลังนั่งทำงานอยู่ และเมื่อมองเขาดีดี ก็ทำให้รู้ว่าเขานั้นคือเลขาส่วนตัวของสามีเธอและพ่วงตำแหน่งบอดี้การ์ดส่วนตัวของเขามาด้วย หญิงสาวเห็นเขาบ่อยๆ ตอนที่เขามารับเอกสารที่บ้าน หรือมาส่งสามีเธอในเวลาที่เขาไปสังสรรค์หรือปาร์ตี้นั่นเอง
“สวัสดีค่ะ พี่นภัทร” เธอยกมือไหว้ทักทายเขา เพราะว่าเขาอายุมากกว่าเธอนั่นเอง
“อ้าว สวัสดีครับ น้องยาหยี สบายดีไหมครับ ไม่ได้เจอกันนานเลย” นภัทรทักทายหญิงสาวอย่างเป็นกันเอง
“สบายดีค่ะ พี่นภัทรสบายดีนะคะ??”
“สบายดีครับ และขอโทษด้วยที่พี่ไม่ได้ไปร่วมงานแต่ง แสดงความยินดีของน้องยาหยีและกับท่านประธาน พอดีพี่ต้องบินไปดูงานต่างประเทศต่อจากท่านประธานที่บินกลับมาแต่งงานนะครับ แต่ยังไงก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ งานแต่งของหยีและคุณคิรินจัดเพียงเล็กๆ ไม่มีพิธีรีตองอะไรมาก แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ ที่แสดงความยินดีกับหยี” เธอพูดและส่งยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างเป็นกันเอง
เลขาส่วนตัวคนนี้ รู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับคิริน เขาก็เป็นคนที่เก็บความลับเก็บมากๆ เช่นเดียวกัน
และที่เธอกับเขากล้าคุยเรื่องแต่งงานในที่โจ่งแจ้งขนาดนี้ เพราะว่าทั้งชั้นของที่นี่ มีเพียงแค่เลขาส่วนตัว คือนภัทรที่นั่งอยู่ประตูด้านหน้าห้องท่านประธาน และมีคุณคิรินที่เป็นท่านประธานนั่งอยู่ในห้องเพียงเท่านั้น
“เชิญน้องยาหยีเข้าไปในห้องท่านประธานดีกว่านะครับ ตอนนี้กำลังนั่งรอน้องยาหยีอยู่ข้างในครับ” นภัทรผ่ายมือให้ยาหยี เพื่อบ่งบอกว่าสามารถเข้าไปในห้องของท่านประธานได้เลย
“ขอบคุณนะคะ ถ้าอย่างนั้นหยีขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับผม”
เมื่อทั้งสองสนทนากันเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวจึงเดินไปเคาะประตูห้องบานใหญ่และค่อยๆ หมุนลูกบิดเข้าไปอย่างช้าๆ
เมื่อเดินเข้าไปในห้องก็พบว่า ภายในห้องนั้นถูกตกแต่งเป็นโทนสีดำ ด้านซ้ายมือของเธอเป็นโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อน ตามผนังก็เต็มไปด้วยหนังสือ วางอย่างเป็นระเบียบและสวยงาม มีโต๊ะตัวใหญ่วางอยู่ตรงกลาง โดยมีคิริน สามีของเธอนั่งหันหลังมองวิวร้อยแปดสิบองศาหลังห้องอยู่นั่นเอง
“คุณคิริน เรียกหยีมามีธุระอะไรหรือเปล่าคะ??” เธอถามในขณะที่ยืนอยู่ตรงกลางห้องและสามีนั่งหันหลังให้กับเธออยู่
เมื่อเขาได้บินเสียงเธอก็ค่อยๆ หมุนเก้าอี้ตัวใหญ่หันกลับมาหาเธออย่างช้าๆ
“ฉันจะเรียกเธอมาตักเตือน”
“ตักเตือน?? ตักเตือนอะไรเหรอคะ??”
“ช่วงตลอดเวลาที่เธอทำงานที่นี่ห้ามไปอ่อยผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น เพราะมันจะทำให้ฉันอับอายขายหน้า เหมือนอย่างเมื่อช่วงเช้าที่มาอ่อยเพื่อนฉัน และเมื่อกี้ที่อ่อยเลขาของฉันด้วย”
“คุณกำลังเข้าใจหยีผิดนะคะ หยีไม่เคยทำแบบอย่างที่คุณว่าเลยนะคะ” หญิงสาวเมื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกน้อยใจที่เขานั้นไม่เคยเข้าใจเธอเลย และยังเข้าใจเธอผิดมาตลอด ‘ในสายตาของเขา เธอเคยเป็นคนดีบ้างไหม??’
“หุบปาก!! ฉันมีตา ฉันเห็นทุกอย่างที่เธอทำ และฉันก็เชื่อในสิ่งที่ฉันเห็น ต่อไปนี้ห้ามไปอ่อยใครหน้าไหน ในช่วงที่ยังอยู่ในบริษัทนี่ ถ้าเธออยากมากก็แค่บอกฉัน ฉันจะหาคนมาสนองเธอให้ แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่ หรือถ้าเธออยากมากละก็...” ชายหนุ่มหยุดพูดและลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปประชิดตัวหญิงสาวที่ยืนอยู่กลางห้องทันที
“ลองมาขอร้องฉันดูสิ เผื่อฉันจะใจดีสนองเธอให้ แต่โสโครกอย่างเธอฉันขอเวลาคิดหน่อยก็แล้วกันนะ ว่าจะเอาเธอลงหรือเปล่า”
เพี้ยะ!!!
หญิงสาวที่ได้ยินคำพูดของชายหนุ่มที่เอาแต่ดูถูกเธอ เธอก็หมดความอดทนทันที และด้วยความโกรธที่เขาดูถูกเธอขนาดนี้ เธอจึงพลั้งมือตบเข้าไปที่ใบหน้าชายหนุ่มอย่างเต็มแรง
ชายหนุ่มที่ได้รับแรงสัมผัสที่ใบหน้าอย่างเต็มแรงก็โมโหเลือดขึ้นหน้าเช่นเดียวกัน และคว้าข้อมือหญิงสาวเข้ามาบีบอย่างเต็มแรง
“เธอตบหน้าฉันเป็นครั้งที่สองแล้วนะยัยเด็กเหลือขอ!!!”
“ฮึก!! ถ้าคุณคิดว่าหยีสกปรก คุณก็อย่ามายุ่งกับหยีสิคะ เราต่างคนต่างอยู่ หยีจะไม่มายุ่งกับคุณ และคุณก็ไม่ต้องมายุ่งกับหยี” เธอร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ และพยายามบิดข้อมือของตัวเองออกจากมือของชายหนุ่ม
“เธอไม่ได้ตายดีแน่ ยัยเด็กเหลือขอ วันนี้ฉันจะสั่งสอนเธอ ว่าคนที่กล้าตบหน้าฉันและด่าฉันต่อหน้ามันเป็นอย่างไร”
“ฮือ!! ปล่อยหยีนะ คุณคิริน ฮึก!! ฮือ!! ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย พี่นภัทรช่วยหยีด้วย” หญิงสาวพยายามร้องเรียกให้คนช่วย แต่ลืมไปว่าทั้งชั้นมีเขา เธอและเลขาส่วนตัวที่อยู่ด้านนอก เธอจึงตัดสินใจตะโกนขอความช่วยเหลือจากนภัทรทันที
เมื่อคิรินได้ยินหญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือจากชายอื่นก็ทำให้เขานั่นสติหลุดทันที ‘ยัยเด็กเหลือขอนี่ ทำไมชอบกล้าเรียกชื่อผู้ชายคนอื่นต่อหน้าเขาหนัก’
“ถ้ามึงเข้ามากูจะไล่มึงออกทันที ถ้ากูไม่อนุญาตใครหน้าไหนก็ห้ามเข้ามา และเลื่อนประชุมบ่ายนี้ทั้งหมดออกไปให้กูด้วย” คิรินตะโกนไปเตือนนภัทรอยู่ด้านนอกทันที
“ครับท่านประธาน” นภัทรที่อยู่ด้านนอกก็ตะโกนเข้ามาให้ชายหนุ่มรับทราบทันที
“คุณจะทำอะไร?? คุณมันคนใจร้าย ปล่อยหนีนะ คุณคิริน” หญิงสาวที่พยายามแกะมือของชายหนุ่มออกก็ไม่เป็นผล เพราะยิ่งเธอดิ้นมากเท่าไหร่ แรงบีบข้อมือของเขาก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
“ฉันจะทำให้รู้ว่าคนที่มันกล้าดีกับฉัน มันจะต้องเจออะไร” เขาพูดจบก็กระชากหญิงสาวผลักไปยังโต๊ะทำงานทันที
“อุบ!! อื้ออออ!! (อ่อยอะ) ฮือออออ!!”
ตุบตับ!! ตุบตับ!!