ตอนที่ 15 ตักเตือน

1355 คำ
ในขณะที่เธอกำลังก้มหน้าก้มตานั่งทานข้าว เมื่อได้ยินคำสั่งจากสามีของเธอ จึงทำให้เธอถึงกับอ้าปากค้าง รวมถึงพนักงานที่กำลังนั่งทานข้าวในนี้ทั้งหมด เมื่อเขาออกคำสั่งกับเธอเรียบร้อยแล้วก็เดินจากไปจากห้องอาหารของพนักงานทันที โดยไม่รอคำตอบจากเธอ ดวงใจที่มองดูเหตุการณ์ก็รู้สึกเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เพราะเขาก็ได้ยินข่าวมาแว่วๆ ว่าจะมีภรรยาของท่านประธานมาทำงานที่นี่ แต่เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นความลับมาก ทำให้เธอนั่นไม่สามารถพูดอะไรมากไปกว่านี้ได้ ‘คงเป็นหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้แน่นอน’ เพราะจากรูปร่าง น่าตาแล้ว เธอไม่น่าจะมาเป็นแม่บ้านของที่นี่ได้ และอีกอย่างหัวหน้าฝ่ายบุคคลก็สั่งให้เธอจับตาดูแลหญิงสาวคนนี้เป็นอย่างดี “รีบกินแล้วรีบไปหาท่านประธานเถอะยาหยี เดี๋ยวท่านประธานจะหงุดหงิดเอานะ” ดวงใจเตือนเธอเบาๆ และบอกให้เธอรีบกินข้าวและรีบไป โดยมีเสียงซุบซิบนินทาของเหล่าพนักงาน บริเวณนั้น โดยยาหยีและดวงใจก็มองหน้ากันและปล่อยให้เหล่าพนักงานนั้นค้างคาใจต่อไป หลังจากที่เธอทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบกดลิฟต์ขึ้นไปหาสามีเธอทันที ติ้ง!!! เมื่อลิฟต์มาถึงชั้น 23 ประตูลิฟต์ก็เปิดออกทันที เธอนั้นก็ค่อยๆ เดินก้าวเท้าออกมา และเดินตรงไปยังประตูบานใหญ่สีดำอยู่ตรงหน้า โดยข้างๆ มีโต๊ะตัวใหญ่สำหรับทำงานหนึ่งตัว โดยมีชายชุดดำหนึ่งคนกำลังนั่งทำงานอยู่ และเมื่อมองเขาดีดี ก็ทำให้รู้ว่าเขานั้นคือเลขาส่วนตัวของสามีเธอและพ่วงตำแหน่งบอดี้การ์ดส่วนตัวของเขามาด้วย หญิงสาวเห็นเขาบ่อยๆ ตอนที่เขามารับเอกสารที่บ้าน หรือมาส่งสามีเธอในเวลาที่เขาไปสังสรรค์หรือปาร์ตี้นั่นเอง “สวัสดีค่ะ พี่นภัทร” เธอยกมือไหว้ทักทายเขา เพราะว่าเขาอายุมากกว่าเธอนั่นเอง “อ้าว สวัสดีครับ น้องยาหยี สบายดีไหมครับ ไม่ได้เจอกันนานเลย” นภัทรทักทายหญิงสาวอย่างเป็นกันเอง “สบายดีค่ะ พี่นภัทรสบายดีนะคะ??” “สบายดีครับ และขอโทษด้วยที่พี่ไม่ได้ไปร่วมงานแต่ง แสดงความยินดีของน้องยาหยีและกับท่านประธาน พอดีพี่ต้องบินไปดูงานต่างประเทศต่อจากท่านประธานที่บินกลับมาแต่งงานนะครับ แต่ยังไงก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ” “ไม่เป็นไรเลยค่ะ งานแต่งของหยีและคุณคิรินจัดเพียงเล็กๆ ไม่มีพิธีรีตองอะไรมาก แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ ที่แสดงความยินดีกับหยี” เธอพูดและส่งยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างเป็นกันเอง เลขาส่วนตัวคนนี้ รู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับคิริน เขาก็เป็นคนที่เก็บความลับเก็บมากๆ เช่นเดียวกัน และที่เธอกับเขากล้าคุยเรื่องแต่งงานในที่โจ่งแจ้งขนาดนี้ เพราะว่าทั้งชั้นของที่นี่ มีเพียงแค่เลขาส่วนตัว คือนภัทรที่นั่งอยู่ประตูด้านหน้าห้องท่านประธาน และมีคุณคิรินที่เป็นท่านประธานนั่งอยู่ในห้องเพียงเท่านั้น “เชิญน้องยาหยีเข้าไปในห้องท่านประธานดีกว่านะครับ ตอนนี้กำลังนั่งรอน้องยาหยีอยู่ข้างในครับ” นภัทรผ่ายมือให้ยาหยี เพื่อบ่งบอกว่าสามารถเข้าไปในห้องของท่านประธานได้เลย “ขอบคุณนะคะ ถ้าอย่างนั้นหยีขอตัวก่อนนะคะ” “ครับผม” เมื่อทั้งสองสนทนากันเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวจึงเดินไปเคาะประตูห้องบานใหญ่และค่อยๆ หมุนลูกบิดเข้าไปอย่างช้าๆ เมื่อเดินเข้าไปในห้องก็พบว่า ภายในห้องนั้นถูกตกแต่งเป็นโทนสีดำ ด้านซ้ายมือของเธอเป็นโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อน ตามผนังก็เต็มไปด้วยหนังสือ วางอย่างเป็นระเบียบและสวยงาม มีโต๊ะตัวใหญ่วางอยู่ตรงกลาง โดยมีคิริน สามีของเธอนั่งหันหลังมองวิวร้อยแปดสิบองศาหลังห้องอยู่นั่นเอง “คุณคิริน เรียกหยีมามีธุระอะไรหรือเปล่าคะ??” เธอถามในขณะที่ยืนอยู่ตรงกลางห้องและสามีนั่งหันหลังให้กับเธออยู่ เมื่อเขาได้บินเสียงเธอก็ค่อยๆ หมุนเก้าอี้ตัวใหญ่หันกลับมาหาเธออย่างช้าๆ “ฉันจะเรียกเธอมาตักเตือน” “ตักเตือน?? ตักเตือนอะไรเหรอคะ??” “ช่วงตลอดเวลาที่เธอทำงานที่นี่ห้ามไปอ่อยผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น เพราะมันจะทำให้ฉันอับอายขายหน้า เหมือนอย่างเมื่อช่วงเช้าที่มาอ่อยเพื่อนฉัน และเมื่อกี้ที่อ่อยเลขาของฉันด้วย” “คุณกำลังเข้าใจหยีผิดนะคะ หยีไม่เคยทำแบบอย่างที่คุณว่าเลยนะคะ” หญิงสาวเมื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกน้อยใจที่เขานั้นไม่เคยเข้าใจเธอเลย และยังเข้าใจเธอผิดมาตลอด ‘ในสายตาของเขา เธอเคยเป็นคนดีบ้างไหม??’ “หุบปาก!! ฉันมีตา ฉันเห็นทุกอย่างที่เธอทำ และฉันก็เชื่อในสิ่งที่ฉันเห็น ต่อไปนี้ห้ามไปอ่อยใครหน้าไหน ในช่วงที่ยังอยู่ในบริษัทนี่ ถ้าเธออยากมากก็แค่บอกฉัน ฉันจะหาคนมาสนองเธอให้ แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่ หรือถ้าเธออยากมากละก็...” ชายหนุ่มหยุดพูดและลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปประชิดตัวหญิงสาวที่ยืนอยู่กลางห้องทันที “ลองมาขอร้องฉันดูสิ เผื่อฉันจะใจดีสนองเธอให้ แต่โสโครกอย่างเธอฉันขอเวลาคิดหน่อยก็แล้วกันนะ ว่าจะเอาเธอลงหรือเปล่า” เพี้ยะ!!! หญิงสาวที่ได้ยินคำพูดของชายหนุ่มที่เอาแต่ดูถูกเธอ เธอก็หมดความอดทนทันที และด้วยความโกรธที่เขาดูถูกเธอขนาดนี้ เธอจึงพลั้งมือตบเข้าไปที่ใบหน้าชายหนุ่มอย่างเต็มแรง ชายหนุ่มที่ได้รับแรงสัมผัสที่ใบหน้าอย่างเต็มแรงก็โมโหเลือดขึ้นหน้าเช่นเดียวกัน และคว้าข้อมือหญิงสาวเข้ามาบีบอย่างเต็มแรง “เธอตบหน้าฉันเป็นครั้งที่สองแล้วนะยัยเด็กเหลือขอ!!!” “ฮึก!! ถ้าคุณคิดว่าหยีสกปรก คุณก็อย่ามายุ่งกับหยีสิคะ เราต่างคนต่างอยู่ หยีจะไม่มายุ่งกับคุณ และคุณก็ไม่ต้องมายุ่งกับหยี” เธอร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ และพยายามบิดข้อมือของตัวเองออกจากมือของชายหนุ่ม “เธอไม่ได้ตายดีแน่ ยัยเด็กเหลือขอ วันนี้ฉันจะสั่งสอนเธอ ว่าคนที่กล้าตบหน้าฉันและด่าฉันต่อหน้ามันเป็นอย่างไร” “ฮือ!! ปล่อยหยีนะ คุณคิริน ฮึก!! ฮือ!! ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย พี่นภัทรช่วยหยีด้วย” หญิงสาวพยายามร้องเรียกให้คนช่วย แต่ลืมไปว่าทั้งชั้นมีเขา เธอและเลขาส่วนตัวที่อยู่ด้านนอก เธอจึงตัดสินใจตะโกนขอความช่วยเหลือจากนภัทรทันที เมื่อคิรินได้ยินหญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือจากชายอื่นก็ทำให้เขานั่นสติหลุดทันที ‘ยัยเด็กเหลือขอนี่ ทำไมชอบกล้าเรียกชื่อผู้ชายคนอื่นต่อหน้าเขาหนัก’ “ถ้ามึงเข้ามากูจะไล่มึงออกทันที ถ้ากูไม่อนุญาตใครหน้าไหนก็ห้ามเข้ามา และเลื่อนประชุมบ่ายนี้ทั้งหมดออกไปให้กูด้วย” คิรินตะโกนไปเตือนนภัทรอยู่ด้านนอกทันที “ครับท่านประธาน” นภัทรที่อยู่ด้านนอกก็ตะโกนเข้ามาให้ชายหนุ่มรับทราบทันที “คุณจะทำอะไร?? คุณมันคนใจร้าย ปล่อยหนีนะ คุณคิริน” หญิงสาวที่พยายามแกะมือของชายหนุ่มออกก็ไม่เป็นผล เพราะยิ่งเธอดิ้นมากเท่าไหร่ แรงบีบข้อมือของเขาก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น “ฉันจะทำให้รู้ว่าคนที่มันกล้าดีกับฉัน มันจะต้องเจออะไร” เขาพูดจบก็กระชากหญิงสาวผลักไปยังโต๊ะทำงานทันที “อุบ!! อื้ออออ!! (อ่อยอะ) ฮือออออ!!” ตุบตับ!! ตุบตับ!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม