ตอนที่ 14 หน้าที่ใหม่ของเธอ

1493 คำ
เมื่ออัคคีและยาหยีได้ยินเสียงอันที่คุ้นเคยก็หันไปมองต้นทางของเสียงที่เพิ่งตะโกนเข้ามาอย่างรวดเร็ว “อ้าว ไอ่คีย์ ทำไมมาอยู่ตรงนี้?? กูนึกว่าจะบ้างานอยู่บนห้องเสียอีก” อัคคีทักคิรินอย่างเป็นกันเอง เพราะเขาและคิรินนั้นเป็นเพื่อนกันมานานแสนนาน ในขณะที่ที่มือของอัคคียังจับมือหญิงสาวอยู่ไม่ยอมปล่อย เมื่อคิรินเห็นดังนั้นก็รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาทันที “มึงนั่นแหละมาทำอะไรที่นี่?? แล้วมึงกับเธอกำลังทำอะไรกัน??” คิรินถามออกไปอย่างหงุดหงิด เมื่อทั้งสองคนที่ได้ยินคิรินทักก็รีบปล่อยมือออกจากกันทันที “ขะ ขอโทษค่ะ คือ มะ เมื่อกี้!!” หญิงสาวกำลังจะอธิบายแต่ทว่า อัคคีก็พูดขึ้นมาเสียก่อน “อ๋อ คือเมื่อกี้ กูรีบไปหามึงข้างบน เลยเดินไม่ดูทาง เลยเดินชนสาวน่ารักคนนี้ แต่ดีที่กูรับเธอไว้ได้ทัน ไม่งั้นไม่รู้ว่าน้องเขาจะเป็นยังไงบ้าง” อัคคีพูดออกไป พร้อมมองไปยังหญิงสาว ทำให้คิรินที่ได้ยินก็หงุดหงิดเพิ่มเป็นทวีคูณ ‘นี่ยัยนี่กล้าจับไม้จับมือกับผู้ชายคนอื่นอย่างนั้นเหรอ??’ เขานึกอยู่ภายในใจก่อนจะพูดเตินเพื่อนของตน “ครั้งหน้าไม่ต้องไปสนใจยัยนี่หรอก เธอเป็นแค่แม่บ้านของที่นี่ มึงควรรักษาระยะห่างกับเธอไว้ด้วยก็ดี” คิรินพูดออกมา “แม่บ้าน??” อัคคี ทวนคำถามออกมาอย่างสงสัย “อืม” “แม่บ้านอะไรจะสวยขนาดนี้ พระเจ้า สนใจไปเป็นเลขาผมไหมครับ คุณเออ..คุณ..?” “ยาหยีค่ะ” เธอพูดกับอัคคี “ครับ คุณยาหยี สนใจเป็นเลขาส่วนตัวของผมไหมครับ?? ผมยินดีให้เงินเดือนเงินมากกว่านี้อีกสามเท่า” อัคคีพยายามพูดโน้มน้าวใจหญิงสาวต่อหน้าคิริน “เออ..คือ คือ…” ยาหยีตกใจกับคำชวนของชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกันตรงหน้า หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะตอบตกลงอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อชำเลืองมองหน้าสามีของเธอที่กำลังแข็งกร้าว เธอถึงกับพูดแทบไม่ออก เพราะตอนนี้สายตาของเขานั่นแทบจะกระโจนเข้ามาขย้ำเธอได้ตลอดเวลา “ขอโทษด้วยนะคะ คือหยีต้องไปทำงานก่อนค่ะ ตอนนี้สายมากแล้ว หยีขอตัวก่อนนะคะ” “เดี๋ยวสิครับ คุณหยี คุณยาหยี” อัคคีเรียกตามหญิงสาวได้ขณะที่ลิฟต์เปิดออก เธอก็รีบเดินเข้าไปและขึ้นไปยังห้องแม่บ้านที่ทางพนักงานต้อนรับแนะนำเธอทันที “มึงเลิกยุ่งกับเธอได้แล้ว ยาหยีเขามีสามีแล้ว” คิรินพูดออกมาเตือนเพื่อนของตนเบาๆ “มีสามีแล้ว??? กูเสียดายวะ แล้วทำไมสามีเธอถึงปล่อยให้คนสวยๆ แบบเธอมาทำงานเป็นแม่บ้านที่นี่ได้วะ” “....” ไร้เสียงตอบรับจากคิริน “ถ้าดูแลเธอไม่ไหวก็ปล่อยให้คนอื่นเขาเข้ามาดูแลเธอเถอะ มาเป็นแฟนกูก็ได้กูไม่ซีเรียส” อัคคีพูดพร้อมทำใบหน้าเศร้า “สวย น่ารักขนาดนี้ เธอควรจะได้ผู้ชายดีดีมาครอบครอง“ อัคคีพูดต่อให้คิรินฟัง จนคิรินที่ได้ยินถึงกับสะดุ้ง ‘นี่ขนาดเพิ่งเจอเพื่อนเขาครั้งแรก ไม่รู้ไปทำอีท่าไหน ทำไมคนอย่างอัคคีที่ไม่ค่อยสนใจผู้หญิงถึงอยากได้ยัยนี่เป็นแฟนขนาดนี้นะ??’ เขานึกในใจอย่างหงุดหงิด “แล้วมึงมีธุระอะไร ถึงโผล่หน้ามาที่นี่ได้วะ??” คิรินถามออกไปอย่างสงสัย เพราะปกติเพื่อนของเขาก็บ้างานแทบไม่มีเวลาเหมือนกัน “ก็ไม่มีอะไร กูแค่จะมาแสดงความยินดีกับมึง ได้ยินข่าวมาว่า มึงแต่งงานแล้ว” “อืม” “แล้วมึงทำไมไม่เชิญกูบ้างครับ ไอ่เพื่อนรัก” “กูเห็นมึงยุ่งๆ และบินไปดูงานต่างประเทศบ่อย คิดว่ามึงไม่ว่าง กูเลยไม่ได้ชวน” “แต่มึงเป็นเพื่อนกูนะครับ ต่อให้กูงานเยอะหรือยุ่งขนาดไหน กูก็ต้องมาร่วมงานแต่งมึงอยู่ดี” “งานแต่งกูจัดธรรมดา ไม่มีพิธีรีตองอะไร มึงไม่ต้องคิดมากหรอก อีกสองปีกูกับเธอก็จะหย่ากัน” “หย่า?? ทำไมต้องหย่า??” อัคคีถามออกมาอย่างสงสัย “ก็กูไม่ได้รักยัยนั่น และอีกอย่างกูทำตามความต้องการของคุณแม่ หากกูไม่แต่งกับยัยนั่น คุณแม่จะยกมรดกให้กับเธอ และไม่ให้กูแม้แต่บาทเดียว กูก็เลยต้องยอม แต่มีเงื่อนไขต้องแต่งงานกับเธอสองปี” “อ๋อ กูเข้าใจแล้ว ว่าแต่เมียมึงสวยไหมวะ ฮ่าๆ” “ไม่สวย ขี้เหร่ ผอม แห้ง ไม่ใช่สเปค” “ระวังมึงจะตกหลุกรักเธอนะเว้ย เขาว่ากันว่า ยิ่งเกลียดมากเท่าไหร่ ยิ่งรักมากเท่านั้น ฮ่าๆ” “ไม่มีทาง!!!” พูดจบคิรินก็เดินไปยังลิฟต์และกดไปยังชั้นสูงสุดของตึกทันที โดยมีเพื่อนอย่างอัคคีมึงตามหลังไปติดๆ เพื่อไปคุยถามเรื่องสารทุกข์สุกดิบต่อ ด้านของหญิงสาวที่ได้รับมอบหมายให้เป้นแม่บ้านเธอก็ทำการเปลี่ยนชุด และทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างขะมักเขม้น โดยไม่ปริปากบ่นแม้แต่คำเดียว เวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมงจนถึงเที่ยงวัน หญิงสาวที่ทำหน้ากวาดบริเวณทางเดินอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีหัวหน้าแม่บ้านเดินเข้ามาหา หลังจากที่เธอนั้นก็คอยดูเธอทำงานอยู่ห่างๆ ตามคำสั่งของหัวหน้าฝ่ายบุคคล ‘หน้าตาสวยขนาดนี้ ผิวพรรณดูดีขนาดนี้ทำไมถึงมาทำงานเป็นแม่บ้านกันนะ??’ หัวหน้าแม่บ้านมองดูและนึกออกมาอย่างสงสัย แต่ก็ทำได้แค่สงสัยเท่านั้น เพราะหน้าที่ของเธอคือต้องคอยจับตาดูหญิงสาวไม่ให้คลาดสายตา “ยาหยี” “คะ หัวหน้าแม่บ้าน” “เที่ยงแล้ว เก็บอุปกรณ์ไว้ที่ห้องเก็บของในชั้นนี้ก่อน แล้วเราไปทานเข้าที่โรงอาหารกัน” “ได้ค่ะ หัวหน้าแม่บ้าน” “ไม่ต้องเรียกฉันแบบนั้นหรอก เรียกแค่พี่ดวงใจก็พอ ฉันไม่ได้ถือ” ดวงใจพูดออกมา เธอเอ็นดูหญิงสาวคนนี้เป็นอย่างมาก เธอเพิ่งมาทำงานเป็นวันแรก แต่กลับทำงานไม่มีที่ติเลยแม้แต่นิดเดียว “ค่ะ พี่ดวงใจ รอหยีสักครู่นะคะ” พูดจบเธอก็รีบนำอุปกรณ์ไปเก็บและล้างมือ เดินตามหัวหน้าแม่บ้านไปยังโรงอาหารของบริษัททันที ภายในห้องอาหารนั้นมีเป็นบุฟเฟ่ต์ที่ทางบริษัทได้มีให้เป็นสวัสดิการของเหล่าพนักงานที่ต่างกันทำงานกันเป็นอย่างดี จนได้ผลตอบแทนมหาศาล ทางบริษัทจึงจัดให้มีทั้งโรงอาหาร ฟิตเนส ห้องนวดไว้สำหรับผ่อนคลายให้กับพนักงาน เพื่อที่จะได้มีขวัญกำลังใจในการทำงานต่อไปอย่างเต็มที่ “อาหารพวกนี้ทานได้ไหมยาหยี??” ดวงใจถามออกมาในขณะที่เธอกำลังมองดูอาหารที่อยู่ในจาน “ทานได้ค่ะ หยีทานได้ทุกอย่างเลย” เธอก้มมองดูจานอาหารในมือ แค่ไม่คิดว่าคนที่ดูใจร้าย และพูดจาทำร้ายเธอ เขาก็เป็นคนที่แคร์พนักงาน และดูแลคนในบรัทเป็นอย่างดี แต่แปลก ‘ทำไมเขาถึงใจร้ายกับเธอจังเลยนะ??’ ในขณะที่เธอกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิด ไม่นานพนักงานทุกคนก็พาก็ยืนตัวตรงหันหน้าไปยังประตูทางเข้าห้องอาหาร เธอได้แต่มองดูอย่างงุนงง ว่าพวกเขากำลังทำอะไร แต่เมื่อมองไปยังประตูก็พบว่า สามีของเธอกำลังเดินเข้ามานี้นี่เอง “สวัสดีครับ ท่านประธาน/สวัสดีค่ะ ท่านประธาน” พนักงานทุกคนที่กำลังทานข้าวพูดออกมาอย่างพร้อมเพียงกัน “ทำตัวตามสบาย” คิรินพูดออกมาก่อนที่พนักงานทุกคนจะทำความเคารพ และนั่งทานอาหารของตัวเองตามปกติ และมีเสียงซุบซิบกันดังออกมาเป็นระยะๆ เบาๆ จนเธอนั้นแอบได้ยิน “ทำไมวันนี้ท่านประธานถึงมาที่นี่นะ??” “ใช่ ปกติไม่เคยเห็นมาเหยียบที่นี่สักครั้งเลย??” “สงสัยคงเบื่ออาหาร เชฟห้าดาว แน่ๆ เลย เลยมากินอาหารที่นี่??” “อาหารที่นี่เขาจะทานได้เหรอ??” “วันนี้ฝนตกหนักแน่ๆ!! ท่านประธานมาเหยียบห้องอาหาร” ท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทา ทั้งเธอและหัวหน้าแม่บ้านก็ได้ยิน “ทานข้าวเถอะเรื่องของเจ้านายเราไม่ควรไปยุ่งนะ” ดวงใจพูดเตือนยาหยีเล็กน้อย เพราะเธอคิดว่าหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็คงจะได้ยินเช่นเดียวกับเธอ เธอได้แต่พยักหน้าและก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อ แต่ทว่า จู่ๆ ก็มีเสียงที่น่าเกรงขามพูดออกมาอยู่ข้างๆ เธอ “ทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ไปพบฉันที่ห้อง ชั้นที่ 23 ด้วย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม