รุ่งเช้า...
หญิงสาวตื่นขึ้นด้วยสภาพอิดโรยเป็นอย่างมาก เพราะเธอแอบนอนร้องไห้เกือบทั้งคืน และไม่รู้เลยว่าเผลอแอบหลับไปตอนไหน เมื่อเธอลุกขึ้นมาจากโซฟาและหันไปมองบนเตียงก็พบว่า บนเตียงนั้นว่างเปล่า ไม่มีคนที่พูดจาทำร้ายเธอเมื่อคืนแล้ว
“ตอนนี้กี่โมงแล้วนะ??”
เธองัวเงียอยู่สักพักก็หันไปเหลือบมองนาฬิกา แต่ปรากฎว่าเพิ่งจะหกโมงเช้า แต่ทว่ามันสายสำหรับเธอไปเรียบร้อยแล้ว เพราะปกติเธอต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าและไปเตรียมจัดของใส่บาตรและทำอาหารเช้าให้คุณหญิงมาลัยทานแล้ว
“บ้าจริงเลย ยาหยี เธอตื่นสายได้ยังไงกัน??” พูดกับตัวเองขบก็รีบเดินเข้าไปในห้องน้ำและอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว
วันนี้เธอใส่เดรสสีชมพูหวาน แขนตุ๊กตา น่ารักสดใสและใบหน้าของเธอก็ถูกแต่งเติมด้วยลิปกลอสสีมพูหวานหวานและปัดแก้มบลัชออนสีชมพูเบาๆ ให้เข้ากับลุคในวันนี้ และใช้คอลซีลเลอร์ปิดบังดวงตาที่บวมและคล้ำจากการร้องไห้เมื่อคืนที่ผ่านมา เพราะว่าเธอจะต้องลงไปเตรียมของและไปทำงานที่บริษัทกับชายหนุ่มนั้นเอง
ตึกตัก!! ตึกตัก!! ตึกตัก!!
เธอเดินลงมาจากห้องหอของเธออย่างรวดเร็ว และวิ่งลงมายังชั้นล่าง เร่งผีเท้าไปยังห้องครัว แต่ปรากฎว่าอาหารทุกอย่างนั้นถูกสาวใช้อีกคนเตรียมให้เรียบร้อยแล้ว และมีคุณหญิงมาลัยที่กำลังนั่งคุณกับลูกชายอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส ที่ห้องอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อ้าว ยาหยีตื่นแล้วเหรอลูก??”
“คะ ค่ะ ขอโทษนะคะ ที่วันนี้หยีตื่นสายไปหน่อย” เธอกล่าวขอโทษคุณหญิงมาลัย
“โอ้ย จะขอโทษไปทำไม เป็นนายหญิงของบ้านแล้ว ต่อไปนี้ไม่ต้องมาเตรียมอาหารเช้าและเตรียมของใส่บาตรให้แม่แล้วนะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของน้อยไปก็แล้วกัน”
“จะดีเหรอคะ??”
“ดีสิ แค่ไปเรียนรู้งานกับตาคีย์ที่บริษัทก็พอแล้ว เตรียมตัวมีทายาทให้ฉันก็พอ ใช่ไหมตาคีย์??” คุณหญิงมาลัยหันไปถามลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่บนโต๊ะอาหารอย่างใจเย็น
“ครับ คุณแม่”
“จริงๆ แล้ววันนี้ลูกทั้งสองควรต้องไปฮันนีมูนกันนะ แต่ไม่เข้าใจว่าจะรีบไปทำงานกันทำไหม หยุดกันสักครึ่งเดือนก็ได้ เดี๋ยวแม่ดูแลแทนให้เอง” คุณหญิงมาลัยพูดออกมา
“ไม่ได้หรอกครับ ช่วงนี้มีโปรเจ็คต์ใหญ่ที่ต้องดู เรื่องฮันนีมูนไว้ทีหลังนะครับ ถ้าเสร็จงานนี้เมื่อไหร่ผมจะพาคุณแม่ไปด้วย”
“โอ้ย แม่ไม่ไปหรอก แม่ไม่อยากเป็นก้างขวางคอลูก เดี๋ยวอาทิตย์หน้าแม่จะไปพักผ่อนกับคุณหญิงผกามาศที่ยุโรปสักสามเดือนนะ หนูดูแลน้องดีๆ นะตาคีย์” คุณหญิงมาลัยพูดฝากฝั่งชายหนุ่มเอาไว้
“ครับ คุณแม่ ผมจะดูแลเธอเป็นอย่างดีเลยครับ หึ!!” ชายหนุ่มพูดพร้อมเค้นเสียงลอดไรฟันออกมา ทำให้หญิงสาวที่ได้ยินถึงกับขนลุกซู่ด้วยความกลัว
“ดีมาก!!!” เว้นแต่คุณหญิงสาวยิ้มออกมาอย่างพอใจ เพราะคิดว่าเขาสามารถฝากฝั่งลูกชายให้ดูแลสาวน้อยที่เธอเลี้ยงดูมาได้เป็นอย่างดี
“มาทานอาหารเช้าเร็ว ยาหยี เดี๋ยวจะได้ไปพร้อมกับพี่คีย์เลย”
“ค่ะ คุณแม่”
เธอเดินไปนั่งลงยังเก้าอี้และทานอาหารเช้าอย่างเงียบๆ ฟังคุณหญิงและชายหนุ่มพูดคุยกันไปเรื่อยๆ ไม่ถึงสิบห้านาทีเธอก็ทานอาหารเสร็จเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้น เขาก็ลุกขึ้นเดินตรงไปยังรถสปอร์ตคันหรูของเขาทันที โดยมีหญิงสาวที่คว้ากระเป๋าและรีบเดินตามชายหนุ่มไปติดๆ โดยที่ไม่ลืมร่ำลาคุณหญิงมาลัย
บรื้นนนนนน!!!!
รถสปอร์ตถูกขับออกไปอย่างรวดเร็ว โดยมีหญิงสาวที่อยู่ในรถนั่งหลับตาด้วยความกลัว
แต่เมื่อรถขับอยู่บนถนนไม่นาน ก็หยุดชะงักอยู่ตรงป้ายรถประจำทางไม่ไกลจากบ้านนัก
“ลงไป!!!”
“คุณคิริน!!!”
“หูหนวกหรือไง...ฉันบอกให้ลงไปจากรถฉัน และเธอก็เดินทางไปทำงานเองก็แล้วกัน อ๋อ และไม่ต้องไปเสนอหน้าบอกคนอื่นว่าเธอกับฉันแต่งงานกัน และไม่ต้องไปบอกคุรแม่ของฉันด้วย ตอนเย็นตอนหนึ่งทุ่มฉันจะมารับเธอตรงนี้เหมือนเดิม ห้ามเลท”
“รับทราบค่ะ” เมื่อหญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็เปิดประตูรถและเดินลงไปยังป้ายรถเมล์ เพื่อรอรถไปทำงานที่บริษัทของเขาทันที
“อดทนนะยาหยี แค่สองปีเท่านั้น เธอก็จะเป้นอิสระแล้ว” เธอพูดกับตัวเองเบาๆ แล้วเรียกสติตัวเองกลับมา เมื่อรถประจำทางมาจอดเทียบ และรีบขึ้นไปยังบนรถทันที
ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงที่เธอต่อรถประจำทางไปยังบริษัท เพราะจากบ้านของชายหนุ่มไปยังบริษัทก็ค่อนข้างไกลพอสมควร
เมื่อเธอรู้ตัวว่ากำลังจะเข้างานสาย ก็รีบวิ่งเข้าไปในบริษัท ที่ตึกสูงตระหง่านทันที และวิ่งตรงไปยังหน้าเคาน์เตอร์ที่มีพนักงานต้อนรับทันที
“สวัสดีค่ะ ดิฉันกรรณิการ์ มาเริ่มงานวันนี้เป็นวันแรกค่ะ”
“สวัสดีค่ะ คุณกรรณิการ์ กรุณารอสักครู่นะคะ” พนักงานต้อนรับที่ได้ยินดังนั้น ก็กดต่อสายไปยังหัวหน้าฝ่ายบุคคลทันที เธอพูดคุยไม่นานก็หันมาพูดคุยกับหญิงสาวทันที
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อชนันญา หรือเรียกว่าพิมพ์ก็ได้นะคะ”
“สวัสดีอีกครั้งค่ะ ฉันยาหยีค่ะ” ยาหยีทักทายเพื่อนคนแรกในบริษัทอย่างเป็นมิตร
“ค่ะคุณยาหยี พิมพ์ได้ติดต่อสอบถามหัวหน้าฝ่ายบุคคลเรียบร้อยแล้วนะคะ เชิญคุณขึ้นไปพบแผนกแม่บ้านชั้นที่สามได้เลยค่ะ ลิฟต์อยู่ทางด้านซ้ายมือนะคะ” พิมพ์ตอบกลับหญิงสาวอย่างเป็นมิตร
“ค?? แผนกแม่บ้าน??” หญิงสาวถามออกไปด้วยความสงสัย
“ใช่ค่ะ คุณยาหยีไม่ได้มาสมัครเป็นตำแหน่งแม่บ้านเหรอคะ?”
พิมพ์ตอบกลับไปด้วยความสงสัย เพราะเธอเพิ่งได้รับคำสั่งจากหัวหน้าฝ่ายบุคคลว่าคนที่ชื่อคุณกรรณิการ์ เป็นพนักงานตำแหน่งแม่บ้านคนใหม่ในบริษัท
“อะ เออ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” พิมพ์ยิ้มออกมาอย่างสดใส ต่างจากหญิงสาวตอนนี้ตัวนั้นชาไปทั้งตัวและน้ำตาที่กลั้นไว้ก็กำลังจะเอ่อล้นออกมาจากดวงตาอีกครั้ง
‘ต่อไปนี้เธอคงจะโดนชายหนุ่มกลั่นแกล้งจนกว่าเขาจะพอใจสินะ’ เธอนึกอยู่ภายในใจ และเดินเลือนลอยแทบไม่มีสติไปยังลิฟต์ทันที แต่ทว่า
ตุ้บ!!
ว๊ายยยย!!!
เมื่อเธอกำลังเหม่อลอยอยู่นั่น จู่ๆ เธอก็กระแทกเข้ากับใครคนหนึ่งอย่างแรง จนเธอเสียหลักจนเกือบหงายหลังล้มลง
“เป็นอะไรมากไหมครับ??” หญิงสาวที่ได้สติก็ลืมตาขึ้นมองไปยังต้นเสียง เป็นชายหนุ่มที่ดูหล่อมาก แต่งตัวดูมีภูมิฐาน เทียบกับคิรินสามีของเธอเลยล่ะ แต่ที่แตกต่างน่าจะเป็นรอยยิ้มและแววตาที่แสดงออกมาด้วยความเป็นห่วงเป็นใยเธอ
“ขะ ขอโทษค่ะ คุณ..เออ คุณ…” หญิงสาวที่ได้สติก็รีบลุกขึ้นยืนตัวตรงและกล่าวคำขอโทษอย่างรวดเร็ว
“ผม อัคคี ครับหรือเรียกว่า อัค ก็ได้ครับ”
“ค่ะ ขอโทษคุณอัคที่เดินชนนะคะ หยีไม่ทันได้ระวังค่ะ” เธอยกมือไหว้ขอโทษ จนเขาเห็นดังนั้นต้องตกใจและใช้มือของเขาจับมือของเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอนั่นยกมือไหว้เขา
“เห้ย!! คุณครับ ไม่ต้องไหว้ผมหรอกครับ” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างตกใจและชอบใจในเวลาเดียวกัน
“ทำอะไรกัน!!!”