ตอนที่ 5
แม้เดวิดจะเติบโตในต่างแดน แต่สำเนียงภาษาไทยของเขากลับฟังดูคล่องแคล่วกว่าที่เธอคิด ทุกถ้อยคำที่เปล่งออกมาค่อนข้างชัดเจน ไม่มีติดขัดหรือลังเล จะมีเพียงแค่ในบางคำที่เขานึกไม่ออกและพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษแทน แต่ด้วยความที่มนลดาเรียนเอกภาษาอังกฤษอยู่แล้ว เธอจึงเข้าใจสิ่งที่เขาสื่อสารทั้งหมด
น้ำเสียงภาษาอังกฤษของเขาทุ้มต่ำและหนักแน่น เธอมองว่าคำพูดของเดวิดดูมีเสน่ห์และแฝงไว้ซึ่งสำเนียงเจ้าของภาษาที่นุ่มลึกจนน่าหลงใหล มันไม่ใช่สำเนียงแข็งๆ ของชาวต่างชาติทั่วไป แต่เป็นสำเนียงที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีจนแทบจะกลืนไปกับภาษาได้อย่างสมบูรณ์
“คุณคงรู้จักชื่อของผมแล้ว...จากเอมมี่” เขาถามเธอด้วยรอยยิ้มบางๆ เด็กสาวพยักหน้ายิ้ม ๆ เพราะกำลังฟังเขาพูดเพลิน ๆ
“คุณชื่อมนลดา...ผมออกเสียงถูกมั้ย” มนลดาโค้งศีรษะเล็กน้อยก่อนตอบ
“ค่ะ” เธอตอบอย่างติดขัด ราวกับคนไม่มีสติ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ...แล้วคุณมีชื่อเล่นมั้ย” เขากล่าวพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ มาซับเหงื่อบริเวณใบหน้าและลำคอ ทำให้มนลดารู้สึกราวกับร่างกายกำลังลุกเป็นไฟด้วยความร้อนรุ่มที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“คุณเดวิดเรียกฉันสั้น ๆ ว่า มนก็ได้ค่ะ” มาเฟียหนุ่มสบตาเธอ สายตาของเขาเร่าร้อน จนมนลดาแทบจะหยุดหายใจทุกครั้งที่ได้สบตากับเขา ก่อนที่เขาเองจะฉีกยิ้มให้เธอเล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“เดี๋ยวคุณนั่งคอยผมตรงนี้สักครู่นะ ผมขอเวลาไปอาบน้ำไม่นาน” เพียงเท่านั้นเขาก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว โดยไม่รอฟังคำตอบจากเธอ
“ค่ะ” มนลดาได้แต่ตอบรับในลำคอเบา ๆ
และก็ไม่นานอย่างที่เขาบอกจริง ๆ มนลดาเพิ่งจะนั่งไถฟีดในโซเชียลมีเดียได้ไม่ถึงห้านาที เขาก็เดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว
ร่างกายกำยำบึกบึนถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวที่พันรอบเอวสอบ เผยให้เห็นแผงอกกว้างและมัดกล้ามเนื้อที่เต็มไปด้วยหยดน้ำ มนลดารู้สึกราวกับร่างกายกำลังลุกเป็นไฟด้วยความร้อนรุ่มที่แล่นไปทั่วทุกอณู
“คุณเอมมี่บอกว่าคุณยังไม่เคย...คุณพูดกับเธออย่างนั้นจริง ๆ ใช่หรือไม่” เขาพยายามนึกคำพูดและเรียบเรียงมันเพื่อถามเธอ ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูอีกผืนมาเช็ดศีรษะของตัวเองที่กำลังเปียกยุ่งเหยิง นัยน์ตาสีฟ้าครามของเขานั้นช่างดูเร่าร้อน ราวกับกำลังจะเผาผลาญเธอให้มอดไหม้ไปกับเปลวเพลิงในดวงตาคู่นั้น
“ค่ะ” เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง
“คุณไม่เคยมีแฟนเลยเหรอ” เดวิดถามเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาคมกริบสีฟ้าครามจ้องมองมายังมนลดาไม่วางตา
“เคยค่ะ...แต่เราไม่ได้คบกันจนถึงขั้นนั้น...” เธอตอบอย่างตะกุกตะกัก เรือนร่างของเขาทำให้เธอรู้สึกร้อนไปทั้งใบหน้า
การสนทนาระหว่างเดวิดกับมนลดาในเพนต์เฮาส์ดำเนินไปอย่างช้า ๆ บรรยากาศไม่ได้น่าอึดอัดอย่างที่เด็กสาวคิดไว้ในตอนแรก เดวิดไม่ใช่ผู้ชายหื่นกามอย่างที่เธอจินตนาการไว้ในหัว เขาดูสุภาพและให้เกียรติเธออยู่ไม่น้อย
“คุณอายุเท่าไหร่”
“19 ย่าง 20 ค่ะ”
“เรียนหรือทำงาน”
“ทั้งสองอย่างค่ะ”
“คุณเรียนอยู่ชั้นไหนเหรอ”
“มหาลัยแล้วค่ะ”
“อ๋อ!!...คณะอะไร”
“มนุษย์ศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ”
“ว้าว!” เดวิดอุทานเบาๆ พร้อมกับยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจ
“ถึงว่าล่ะ ภาษาอังกฤษคุณคล่องเชียว”
“ก็ไม่ถึงขนาดเจ้าของภาษาอย่างคุณหรอกค่ะ แต่คุณก็พูดภาษาไทยได้ชัดเหมือนกัน” มนลดากล่าวชมเขาพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อย
“ผมมีแม่เลี้ยงเป็นคนไทยครับ พอคุณแม่แท้ ๆ ของผมเสีย คุณพ่อผมก็แต่งงานกับหญิงไทย” เขาเล่าถึงที่มาของตัวเองอย่างเปิดเผย จากนั้นเรื่องราวในอดีตของเขาก็ถูกเปิดเผยออกมาทีละน้อย ทั้งความเดียวดายในวัยเด็ก และความยากลำบากที่เขาต้องเผชิญในโลกธุรกิจในการรับช่วงต่อจากคุณพ่อที่เพิ่งเสียไป
“แล้วตอนที่คบกับแฟน...คุณไม่เคยคิดที่จะมีอะไรกับแฟนเลยเหรอ” เขาย้อนกลับมาถามเธออีกครั้ง
มนลดาเงียบไป เธอไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไรดี ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้าใส่จนเธอไม่สามารถเรียบเรียงเป็นคำพูดได้ ทั้งความกลัว ความเขินอาย และความต้องการที่เพิ่งถูกปลุกขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต ทำไมเขาอยากรู้เรื่องนี้จัง มันสำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอ..เด็กสาวได้แต่คิดในใจ
เดวิดรู้ดีว่าเธอไม่ตอบเพราะอะไร แต่เขาก็ไม่ได้เร่งเร้า เขาเพียงแค่มองสำรวจเรือนร่างของเด็กสาวอย่างพึงพอใจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เธอสวยและถูกใจเขาตั้งแต่ที่เห็นในรูป แต่เมื่อได้เห็นตัวจริง เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าเขาเลือกไม่ผิด เพราะความไร้เดียงสาของเธอคือสิ่งที่เขาปรารถนามาตลอด และเขาก็จะทำให้เธอสมยอมกับเขาด้วยความเต็มใจ
“ฉันก็อยากจะทำแบบนั้นค่ะ...แต่ก็ไม่มีโอกาส เพราะว่าคุณพ่อหวงมาก แล้วบังเอิญฉันก็เลิกรากับเค้าเสียก่อน”
บทสนทนาในค่ำคืนนั้นค่อยๆ พาทั้งสองไปสู่ความสัมพันธ์ที่มากกว่าแค่ผู้ว่าจ้างและผู้รับงาน และเดวิดก็รู้เพียงอย่างเดียวว่า ในตอนนี้เขาไม่สามารถปล่อยผู้หญิงคนนี้ให้จากไปจากชีวิตของเขาได้อีก