“สรุปจะชวนไปไหน”
หลังจากนั่งดูทิศเหนือนั่งเขินอยู่พักใหญ่ มาร์ตินจึงเปิดปากถามขึ้นในที่สุดนั่นจึงทำให้ทิศเหนือยกหัวออกจากไหล่ของเต๋าเต้ยกลับมานั่งเท้าคางจ้องหน้าคนตรงหน้า แต่แล้วก็จ้องไปเพียงไม่กี่วินาทีเพราะมาร์ตินไม่ได้หลบสายตาเลยสักนิดเดียว ทำให้ทิศเหนือกลับไปเขินอีกตามเคย
“มองแบบนี้แสดงว่ามีใจนะมาร์ติน”
“ไม่แปลกใจหรอกที่ไม่ได้เขาสักที จะเขินไปเผื่อชาติหน้าหรือไง” โป๊ยเซียนเพื่อนในกลุ่มพูดขึ้นอย่างเหนื่อยใจ เธอหันไปสบตากับปลาเก๋าซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบกลับอย่างเห็นด้วย
“รอดไปนะที่เป็นมาร์ติน เป็นเต๋าเต้ยน่าจะโดนด่า” ปลาเก๋าผู้รู้นิสัยฝาแฝดตัวเองดีกว่าใคร แต่ฝาแฝดอย่างแอสตันก็รู้นิสัยมาร์ตินดีอีกเช่นกัน
มันก็นิ่งแค่หน้าเท่านั้นแหละมาร์ติน
“อีพวกนี้นิ...อยากจะชวนให้มากินอะไรที่แม่เราทำจัง แต่มาร์ตินไม่ว่าง” ทิศเหนือมองค้อนใส่เพื่อน แล้วกลับมามองยังคนตรงหน้าอีกรอบ ส่งยิ้มหวานให้ไม่หุบ อารมณ์ดีเมื่อเจอมาร์ตินเช่นเคย
“แม่ทำอะไรเหรอ” คนถูกจีบก็สู้กลับอย่างไม่รู้สึกเขินอายอย่างใด ในขณะที่แอสตันไม่ได้สนใจคนอื่นเลยนอกจากผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า แม้จะมีเสียงรอบตัวเข้ามากระทบโสตประสาทเป็นระยะ นัยน์ตาคมจ้องมองเขียนฝันกำลังทำอะไรของที่ตัวเองถือมา
“เรา ว้าย ~” พูดจบทิศเหนือก็ซบหน้าลงหัวไหล่เต๋าเต้ยอีกครั้ง
“ว้าย ~ ชอบ ๆ” ปลาเก๋าปรบมือเชียร์อย่างถูกใจ ฝาแฝดไอ้เต๋าเต้ยก็สายซัปพอร์ตทุกคนอยู่แล้ว สดใสยิ้มง่ายอยู่เสมอและเมื่อสิ้นสุดการจีบของทิศเหนือช่อดอกไม้ของเขียนฝันก็ถูกวางลงบนโต๊ะตรงหน้าเขา
พรึ่บ!
“ส่วนแอสตันก็กินผักเยอะ ๆ นะจะได้ฉลาด กินผักบำรุงไปก่อนมีโอกาสจะเอาปลามาให้ ที่ทำทั้งหมดก็ด้วยความรักและ...หวังดี” เสียงหวาน ๆ ที่พูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้านั้นตั้งใจให้ทุกสายตารอบตัวได้เห็นมันอย่างชัดเจน
“ต้องหอมแก้มขอบคุณด้วยหรือเปล่า” และเขาเองก็ย้อนถามกลับด้วยเสียงที่มั่นใจได้ว่ารอบข้างจะได้ยินมันเช่นกัน
“ไม่ต้องหรอก เอาไว้อยู่ด้วยกันสองต่อสองดีกว่า...เขินแย่เลย” มือเล็กจับช่อดอกไม้ บังคับหมุนให้หันมาทางเขาเพื่อที่จะได้เห็นว่ามันคือดอกอะไร
“....” บล็อกโคลี่? มันถูกดึงออกเป็นดอก ๆ เสียบเข้ากับไม้แหลมนำมารวมกันเป็นช่อเดียว
“กินผักเข้าไปเยอะ ๆ นะ ไม่มีใครรักแอสตันเท่าเขียนฝันอีกแล้ว บำรุงสมองรู้ว่าไม่มี” การต่อปากต่อคำของเราไม่มีใครยอมใคร คนรอบตัวทำได้เพียงมองกันเงียบ ๆ ไม่มีใครคิดจะห้ามเพราะมันคือเรื่องปกติ
“ได้ยินแล้วรู้สึกจะอ้วกเลย ขอบคุณ” เสียงทุ้มตอบกลับในขณะที่สายตาของเขาให้ความสนใจยังพวกช่อพืชผักตรงหน้า
“พนมมือไหว้ซะด้วยสิ ทำตัวเป็นพวกมีบุญหนาเหมือนที่เอาสังฆทานมาให้ไง”
“อันนั้นแนะนำให้ไปทำบุญบ้าง ทำแต่บาปหน้าดูหมอง ๆ”
“เป็นห่วงกันน่าดู รักและดูออก”
“ก็นะ...แฟนกันนี่” พูดจบก็ยกมือเท้าคาง เอียงคอมองเขียนฝันด้วยสีหน้ายียวน แกล้งผู้หญิงคนนี้สนุกจะตาย อารมณ์ขึ้นง่ายสุด ๆ พอเถียงไม่ได้เดี๋ยวก็เดินหนีพร้อมวีนแตก จะว่าไปนิสัยดูแตกต่างกับน้องสาวเหลือเกินนะไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นพี่น้องกัน
“แอสตันอย่ามาพูดย้ำมากได้มั้ยจะอ้วก” เขียนฝันเบะปากใส่เขาหลังพูดจบ
“ไปอ้วกที่อื่นเลยสกปรก”
“ไปอยู่แล้วอยากอยู่ตายเลย...คืนนี้เจอกันที่ผับนะ ที่เหมาก็เพราะอยากไปฉลองวันวาเลนไทน์ที่ผับของแฟนค่ะ” ประโยคหลังเขียนฝันตั้งใจพูดเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน เสียงฮือฮาและเสียงซุบซิบเริ่มตามมาหลังจากที่เขียนฝันพูดจบ แล้วเธอก็เดินออกจากตรงนั้นโดยไม่ลืมที่จะกอดแขนโป๊ยเซียนให้เดินไปพร้อมกัน
“....” คืนนี้เหรอ...ว่าจะไม่เข้าไปให้เสียอารมณ์ดูท่าจะต้องไปด้วยตัวเองแล้ว
“ทิศไปเร็ว” เสียงหวานเล็กของปลาเก๋าเอ่ยเร่งเพื่อนอีกคนของตัวเองที่ยังไม่ยอมเลิกมองหน้ามาร์ติน
“ทิศเหนือ เรียกกูซะแมนเลย...ไปก่อนนะที่รัก ~” ทิศเหนือลุกเต็มส่วนสูง ก่อนจะไปไม่ลืมจะส่งจูบให้มาร์ตินอย่างที่ชอบทำประจำ จากนั้นทั้งสองคนได้เดินตามเพื่อนตัวเองไปด้วยเช่นกัน
“มึงว่าเรื่องเหมาผับไปฉลองกับแฟนที่เขียนฝันพูดเมื่อกี้ จะดังไปทั่วมหา’ลัยภายในกี่นาที” วาฬเป็นผู้เปิดปากพูดขึ้นทำลายความเงียบระหว่างเราทั้ง 4 คนในที่สุด
“ภายในเวลาเดี๋ยวนี้นี่แหละ มึงคอยดูเลย” เต๋าเต้ยเป็นผู้ตอบกลับแล้วยกแก้วกาแฟขึ้นดูด
“พวกมึงสองคนทะเลาะกันไปมาจนเรื่องมันผูกว่าเป็นแฟนกันเฉยเลย แล้วคนที่เริ่มเรื่องแฟนก่อนก็ไอ้แอส...แต่ปัญหาไปตกที่เขียนฝัน” มาร์ตินเป็นผู้ที่อยู่ในทุกเหตุการณ์กับเขาย่อมรู้ดีที่สุด
“ช่างสิ...ไปหาวิธีจัดการเอาเอง” คำพูดที่ไม่ใส่ใจเพราะเขาไม่ใส่ใจจริง ๆ แล้วรู้ดีว่าผู้หญิงแบบนั้นไม่มีใครทำอะไรได้ง่าย ๆ หรอก
“ขออย่างเดียว อย่าให้เรื่องถึงหูแม่” คำเตือนของมาร์ตินทำเอาแอสตันรู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นมาทันที
“ก็ไม่รู้...กูไม่ใช่คนเริ่ม” คนที่เหมาผับคือยัยนั่นต่างหาก เขาไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม