บุกรัง

1499 คำ
หน้าตึกคณะบริหารในช่วงห้าโมงเย็น ผู้คนเริ่มบางตาลงไปมาก เด็กปีหนึ่งที่เพิ่งเรียนเสร็จต่างทยอยเดินลงมาจากชั้นบน บ้างก็ตรงไป ขึ้นรถ บ้างก็เดินกลับหอ แต่ยังไม่เจอเป้าหมายของผมโผล่หัวออกมาจากตึก ตามจริงวันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายอาจารย์แทบจะไม่สอน เนื่องจากอยู่ในช่วงเปิดเทอมใหม่ ยังไม่มีอะไรเข้าที่เข้าทางสักอย่าง จอดรถรอที่ริมถนนอยู่สักพัก ในที่สุดคนที่ผมเฝ้ารอก็เดินออกมา การแต่งตัวของเธอวันนี้ไม่ได้ต่างไปจากเมื่อวานสักเท่าไหร่ เพียงแค่เสื้อไม่หลวมมากไปเท่านั้น เธอมาพร้อมกับหนังสือปึกใหญ่อยู่ในมือ ประกอบกับแว่นตา ที่หนายิ่งกว่าพระไตรปิฎกแล้ว มันยิ่งส่งให้เธอดูเฉิ่มตัวแม่ของวงการ คนตัวเล็กยืนโบกมือลาเพื่อน ก่อนจะเดินออกมายังถนน โดยหารู้ไม่ว่า ทุกอย่างอยู่ในการคำนวณของผมหมดแล้ว เมื่อจังหวะมาถึง ผมก็รีบวางโทรศัพท์ลงแล้วเริ่มเล็งไปที่เป้าหมาย รองเท้าส้นสูงเหยียบย่างเข้ามาใกล้ ๆ อย่างเชื่องช้า เธอกวาดสายตาลวก ๆ เพื่อมองรถที่สวนไปมาคร่าว ๆ เมื่อเห็นว่าปลอดภัยก็เหยียบปลายเท้าลงถนน ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นหลังจากนี้... บรื้นน... เพียงแตะคันเร่งเบา ๆ รถเก๋งสีเหลืองก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว เป็นจังหวะที่เป้าหมายเดินมาเกือบถึงกลางถนน เธอเบิกตากว้างรีบคลายมือจากกองหนังสือแล้วยกมือขึ้นมาปิดบังใบหน้าพลางหลับตาปี๋ เอี๊ยดดด! ล้อรถเสียดไปกับพื้นถนนจนเกิดเสียง ผมรีบหันกลับไปมองที่ด้านหลังพบว่าผู้หญิงคนนั้นล้มไปกับพื้นแล้ว ทั้งที่เมื่อกี้ผมหักหลบออกมาอย่างเฉียดฉิว ตัวรถไม่ได้เบียดร่างกายเธอแม้แต่ปลายกระโปรง คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะตกใจแล้วผละตัวออกจนล้มลงไปเอง “เป็นอะไรมากไหม?” ผมรีบลงไปจากรถด้วยท่าทางตกใจ พร้อมกับวิ่งไปดูอาการเธอใกล้ ๆ รอบข้างเริ่มมีคนเข้ามามุงดูจนหนาตา แต่เห็นว่าไม่เป็นอะไรก็ทยอยกันเดินออกไป “อ้าว... ก้านตองนี่” “พะ พี่ไทน์ สวัสดีค่ะ” แม้ยังเจ็บตัวอยู่แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะยกมือสวัสดีผม ไม่รู้ว่ามารยาทดีแต่แรกหรือเพราะกลัวจะโดนผมวีนแล้วสั่งให้ปั่นจิ้งหรีดอีกรอบ “เป็นอะไรมากไหม? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” “อ๋อ ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ” เธอยิ้มบาง ๆ ทั้งที่หน้าซีดพลางส่ายหน้าพัลวัน จากนั้นก็ลุกขึ้นมาเก็บหนังสือที่เกลื่อนพื้นโดยมีผมช่วยอีกแรง “ทำไมเดินกะเผลก เจ็บขาเหรอ?” “เปล่าค่ะ” เธอรีบตอบอย่างมั่นใจ แต่ผมกลับพบว่ากระโปรงพีทตัวยาวมีรูโหว่บริเวณหัวเข่าอันน่าจะเกิดจากการหกล้มเมื่อสักครู่ “พะ พี่ไทน์จะทำอะไรคะ!” “อยู่เฉย ๆ” ผมขยับเข้าไปชิดตัวพลางถลกกระโปรงเธอขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นหัวเข่า ที่ถลอก มีเลือดซึมออกมาไม่น้อย น่าจะแสบเอาเรื่องเลย เดิมทีตั้งใจแค่จะปาดหน้าเพื่อสร้างสถานการณ์ให้จำกันได้ ไม่คิดว่า จะพลาดถึงขนาดที่ทำให้อีกฝ่ายเจ็บตัวแบบนี้ “อยู่หอในหรือหอนอก” “เอ่อ... หอนอกค่ะ หอบายพาสแถวข้างมอฝั่งซ้าย” อยู่หอผู้ดีซะด้วย แสดงว่าฐานะทางบ้านค่อนข้างดี “แล้วจะกลับยังไง รถอยู่ไหน?” “หนูไม่มีรถค่ะ” “งั้นขึ้นรถมา จะไปส่ง” “...” คนตัวเล็กอ้ำอึ้งอย่างเกรงใจ พยายามที่จะปฏิเสธ แต่ก็ถูกผมแย่งหนังสือปึกใหญ่ที่อยู่ในมือเดินนำไปขึ้นรถ ท้ายที่สุดเธอก็ยอมเดินกะเผลกขึ้นมานั่งในฝั่งข้างคนขับจนได้ “เข็มขัดด้วย” เธอหันมามองผมเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด ก่อนจะก้มลงไปมองที่เข็มขัด รอบเอวของตัวเอง “ค่ะ ใส่อยู่” “...” ยัยบื้อเอ๊ย! ชีวิตนี้เคยขึ้นรถกับเขาบ้างไหมเนี่ย ผมถอนหายใจออกมาเสียงเบา ก่อนจะขยับเข้าไปดึงเข็มขัดนิรภัยที่อยู่อีกฝั่ง ทำเอาคนเบาะข้างนั่งตัวเกร็งปั้นหน้าไม่ถูก ยิ่งเห็นแบบนี้แล้วผมก็ยิ่งรู้สึกตลก แอบแกล้งขยับหน้าเข้าไปใกล้จนเกือบจะแตะแก้มของเธอ แต่จะว่าไป... ยัยนี่ก็กลิ่นตัวหอมเหมือนกันนะ ระหว่างทางขับรถมาผมก็ชวนคุยเรื่องการเรียนสัพเพเหระ พยายามที่จะสร้างความสนิทสนม แต่อีกฝ่ายยังเอาแต่ตอบกลับมาเสียงเกร็ง คงเป็นเพราะก่อนหน้านี้ผมวางมาดโหดเกินไปหน่อย พอมาถึงหน้าหอเธอก็รีบยกมือขอบคุณยกใหญ่ เตรียมจะผลักประตูรถออกไปแล้ว แต่ผมยังชวนคุยไม่เลิก “อยู่ห้องกับใครเหรอ” “หนูอยู่คนเดียวค่ะ” “ออ... งั้นขอเข้าห้องน้ำหน่อย ปวดฉี่” “...” ยังไม่ทันที่จะได้รับอนุญาต ผมก็ดับเครื่องรถแล้วหันไปคว้ากองหนังสือจากมือเธอมาถือ จากนั้นก็เปิดประตูเดินออกมา เธอยังงงงวยไม่หาย แต่ก็ยอมพาผมขึ้นห้องแต่โดยดี “เอ่อ... ห้องรกหน่อยนะคะ” เธอเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องก่อน แต่ผมไม่เห็นว่าห้องเธอจะรกตรงไหนเลยนะ นี่สะอาดที่สุดของที่สุดแล้ว ทั้งกลิ่นผ้าปูที่นอนที่หอมอ่อน ๆ ราวกับเพิ่งซักเสร็จหมาด ๆ “ห้องน้ำอยู่ฝั่งนั้นค่ะพี่ไทน์” เธอผายมือไปยังด้านซ้ายของห้อง ก่อนจะเดินมารับหนังสือในมือผมไปวางไว้บนโต๊ะสีชมพูหวานแหววที่อยู่ติดผนังข้างโต๊ะเครื่องแป้ง ผมเดินเข้ามาในห้องน้ำและทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ ก่อนจะเดินออกมาและพบว่าเธอนั่งอยู่ปลายเตียง ข้างกันมีกล่องยาเล็ก ๆ ที่เตรียมเอาไว้สำหรับทำแผลที่ถลอก “เอ่อ... หนูไม่ได้ลงไปส่งนะคะ” เธอบอกอย่างเกรงใจ แต่ผมสนใจซะที่ไหน รีบเดินไปหยิบกล่องยาแล้วนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าหญิงสาวทันที “พะ พี่ไทน์! เดี๋ยวหนูทำเองค่ะ” “อย่าดื้อ! ฉันทำเธอเจ็บตัวนะ ต้องรับผิดชอบสิ” ผมถือวิสาสะถลกกระโปรงที่ยาวตกข้อเท้าขึ้นมาถึงต้นขาอย่างจงใจที่จะเผยต้นขาเรียวสวย อดชื่นชมไม่ได้เลยว่ากระโปรงยาว ๆ นี่ซ่อนเรียวขา ที่สวยเด่นอย่างต้องมนต์สะกด ทีแรกผมนึกว่าที่เธอใส่กระโปรงยาวขนาดนี้เพื่อจะปิดซ่อนจุดบกพร่องที่อยู่ใต้ร่มผ้านี้เสียอีก ก้านสำลีชุบแอลกอฮอล์กลิ่นฉุนจนชุ่ม ถูกนำไปแตะเบา ๆ รอบปากแผลอย่างระมัดระวังและเบามือที่สุด ทว่าคนถูกกระทำยังเอาแต่เม้มปากแน่นกลัวจะหลุดเสียงออกมา ล้างแผลเสร็จแล้วก็ต่อด้วยการทายา ผมช่ำชองในเรื่องนี้เพราะตอนมัธยมห้าวพอสมควร มีเรื่องชกต่อยกันบ่อยครั้ง แต่ก็ช่วยไม่ได้ แฟนพวกมันระริกระรี้เข้าหาผมเองนี่ “เสร็จแล้ว” ผมเก็บอุปกรณ์ยัดใส่กล่องตามเดิมแล้วนำเศษขยะไปทิ้งลงถังขยะให้เรียบร้อย “ขอบคุณมากนะคะพี่ไทน์ ขับรถมาส่งหนูแล้ว ยังอุตส่าห์ทำแผลให้หนูอีกด้วย” “ไม่เป็นไร แล้วนี่... อยู่ห้องคนเดียวไม่กล้วเหรอ ข้างมอฝั่งซ้าย ขี้เมาเยอะจะตาย ใกล้ผับด้วย” “ก็... มีกลัวบ้างค่ะ เมื่อคืนก็มีคนเมามาเคาะห้อง แล้วพยายามจะเปิดประตูเข้ามาด้วย” “อันตรายนะเนี่ย คืนนี้ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนไหมล่ะ?” “...” คนถูกถามนิ่งงันไปทันทีเมื่อได้รับคำถามเชิงจู่โจม เห็นหน้าเหวอ ๆ แบบนี้ก็ตลกเป็นบ้าเลยแฮะ “หึ ๆ ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ เอามือถือเธอมานี่” “คะ?” อีกฝ่ายทำหน้างงงวย แต่ก็ยอมยกโทรศัพท์ให้ผมง่าย ๆ รอให้ผมกดยิก ๆ สองสามทีแล้วคืนโทรศัพท์ให้เธอตามเดิม “ฉันเพิ่มไลน์เรียบร้อยแล้ว ถ้าคืนนี้มีคนเมามาเคาะห้องอีก หรือเกิดเหตุฉุกเฉินอะไร รีบโทรหาฉันทันทีแล้วฉันจะรีบมา” แววตาฉายประกายความปลาบปลื้มจนปกปิดไม่มิด เธอยกยิ้มอย่าง เขินอายพลางพยักหน้ารับ พร้อมกับขยับแว่นเล็กน้อยเพราะวางตัวไม่ถูก งั้นวันนี้หยอดแค่นี้ก่อนแล้วกัน บุกมากกว่านี้จะเป็นการจู่โจมมากเกินไป แต่พรุ่งนี้... ถ้ามีโอกาสให้ปิดจ๊อบได้ ผมปิดจ๊อบแน่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม