“ใครเป็นผู้ริเริ่มว่าต้องมาเลี้ยงสายในร้านเนื้อย่างเนี่ย! กลิ่นควันลอยคลุ้งไปหมด เหม็นก็เหม็น”
เสียงบ่นอุบจากอดีตดาวมหาวิทยาลัยทำให้ฉันอดที่จะกลอกตาอย่าง
เบื่อหน่ายไม่ได้ ใครจะไปรู้ว่าสายรหัสของพวกเราต้องมากินเลี้ยงรวมกัน ทั้งสายพี่ไทน์ และยัยพี่แพมนี่ แต่ดีหน่อยที่มีออมสินมานั่งด้วย พอให้ได้มีเพื่อนคุย
“ฉันก็บอกแกแล้วว่าฉันกับไอ้ไทน์จะพาน้องมาเลี้ยงสายที่นี่ แกเลือกที่จะตามมาเองนะแพม”
พี่เรสตอบอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะคีบหมูบนเตาย่างใส่จานให้กับออมสิน
แต่เหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าควรจะคีบให้ฉัน เพราะมีความเกี่ยวเนื่องกันทางสายรหัส
“เอ่อ... ทะ โทษที มันชิน”
อีกฝ่ายรีบคีบเนื้อในจานของออมสินมาใส่ให้ในจานของฉันแทน
“ขอบคุณค่ะพี่เรส”
ฉันมองพี่เรสกับออมสินสลับกัน รับรู้ได้ถึงความอึดอัดที่ลอยตลบอบอวลอยู่ในความสัมพันธ์ของทั้งคู่นี้ ฉันกับออมเราเพิ่งจะรู้จักกันเอง ยังไม่ทันได้สนิทกันมากเท่าไหร่ ฉันเลยไม่กล้าที่จะถามไถ่ในเรื่องส่วนตัวของพวกเขา
“ไทน์ พรุ่งนี้หลังจากคัดเลือกดาวเดือนเสร็จเราไปดูหนังกันไหม? หนังที่เราเคยไปดูด้วยกันตอนภาคหนึ่งอะ ตอนนี้ภาคสองมันเข้าโรงแล้วนะ”
ผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามเอ่ยชวนพี่ไทน์ แต่สายตากลับลอบมองฉันคล้ายกับจงใจจะบอกว่าพวกเขาสนิทกันมากแค่ไหน
“ภาคแรกก็ไปกันเกือบทั้งห้องนะ ทำไมชวนแต่ไอ้ไทน์ล่ะ”
พี่เรสไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ทำแต้ม รีบหักหน้าเธอทันทีตามประสา
คนไม่ถูกชะตากัน
“ก็ชวนแค่คนสนิทไง? เข้าใจยากตรงไหนเหรอเรส”
อีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะยอมง่าย ๆ รีบต่อปากต่อคำกลับทันควัน
“เอาละ ๆ ไม่ต้องทะเลาะกัน แพมไปเถอะ ไทน์ไม่ชอบดูหนัง
ในโรงน่ะ”
“ถ้างั้นเราไป...”
“ไม่ไป... คัดเลือกเสร็จจะกลับไปพัก เหนื่อย”
พี่ไทน์ตอบกลับอย่างชัดเจน ไม่เปิดโอกาสให้สาวสวยผมทองได้เอ่ยอะไรต่อ
หลังจากกินเลี้ยงจนเสร็จก็ได้เวลาแยกย้าย ยัยพี่แพมขอแยกออกไปก่อน เพราะทนกลิ่นเหม็นควันในร้านเนื้อย่างไม่ไหว โคตรกระแดะ!
“ไอ้ไทน์ มึงจะกลับห้องเลยปะ”
“อืม”
“งั้นฝากไปส่งน้องรหัสกูด้วยดิ ทางเดียวกันเลย”
พี่เรสรีบเปิดโอกาสทองให้กับฉันอย่างรู้งาน
“ไม่ได้ กูต้องไปส่งน้องออมสิน วันนี้น้องเขาไม่ได้เอารถมา”
“เดี๋ยวกูไปส่งน้องรหัสให้มึงเอง”
“แต่หอมึงอยู่คนละฝั่งกับน้องเขา?”
พี่ไทน์ตั้งคำถามเชิงเย้าแหย่ นั่นทำให้พี่เรสต้องรีบหาคำแก้ตัวให้ลื่นไหล
“เอ่อ... กูว่าจะไปหาเพื่อนสักหน่อย มันอยู่หอใกล้ ๆ หอน้องเขาพอดี เดี๋ยวกูไปส่งให้ ไม่ต้องห่วง”
“เพื่อน? เพื่อนคนไหนวะ”
พี่ไทน์ยังไม่เลิกแกล้ง ทำเอาพี่เรสเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว
“เพื่อนกูเนอะ มึงไม่ต้องเสือกอยากรู้ครบทุกคน ไปส่งน้องก้านตองที่หอให้กูก็พอนะ”
พี่เรสยิ้มกว้างแต่ตากลับจ้องเขม็งที่เพื่อนรัก พลางตบเบา ๆ เข้าที่หัวไหล่
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวออมโทรเรียกเพื่อนมารับก็ได้”
“เพื่อน? ใครอีกล่ะ”
พี่เรสหันไปชักสีหน้าใส่คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างฉันอย่างไม่พอใจ
“เพื่อนก็คือเพื่อนไงวะ มึงไม่ต้องเสือกอยากรู้จักเพื่อนเขาทุกคนหรอกเนอะ”
ได้ทีพี่ไทน์ก็เอาคืนพี่เรสบ้าง แต่ดูท่าจะไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสม เพราะพี่เรสไม่ได้สนุกด้วยเลยสักนิด
“สรุปใคร? เพื่อนผู้ชายผู้หญิง”
“ผู้ชายค่ะ”
“ผู้ชาย!! ให้เพื่อนผู้ชายไปส่งถึงหอเนี่ยนะ”
“ค่ะ ทำไมเหรอคะ”
ออมสินเชิดคางขึ้น ปากก็ตะโกนเถียงปาว ๆ อย่างไม่มีท่าทีเกรงกลัว
“ไปทางเดียวกันอยู่แล้ว จะเรียกคนอื่นมารับให้เสียเวลาทำไม
ขึ้นรถซะ ฉันจะไปส่ง”
“ไม่ขึ้นค่ะ! ออมไม่กลับกับพี่”
“กมลลดา!”
“ว่าไงคะพี่ปรวิทย์”
“อย่า ลอง ดี!”
“จะลองค่ะ ทำไมคะ?”
ฉันเริ่มรับรู้ได้ถึงความรุนแรงที่ไต่ระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว เลยรีบรั้งแขนออมให้เธอหยุด แต่ช้าไปเสียแล้ว คนตัวเล็กถูกอุ้มขึ้นบ่าไปท่ามกลางสายตามึนงงของฉันและพี่ไทน์
“ปล่อยนะไอ้พี่เรส! ทำบ้าอะไรฮะ”
คนตัวเล็กดิ้นขลุกขลักพยายามจะแหกปากตะโกนให้เขาหยุด แต่กลับ
ไม่เป็นผล ในไม่ช้าเธอก็ถูกจับโยนขึ้นบนรถแล้วเคลื่อนตัวออกไป...
“เอ่อ... ให้เขาไปด้วยกันแบบนี้จะไม่เป็นอะไรแน่เหรอคะ?”
อดที่จะเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้ แม้รู้ว่าพี่เรสไม่ใช่คนใจยักษ์ใจมาร แต่เห็นฉากปะทะฝีปากกันเมื่อกี้แล้วก็เริ่มจะไม่มั่นใจ
“ปล่อยมันไปเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”
พี่ไทน์ตอบกลับมาราวกับชินชากับเรื่องแบบนี้แล้ว เขาเดินไปจ่ายเงิน
ที่เคาน์เตอร์ จากนั้นก็พาฉันขึ้นรถเพื่อจะพามาส่งยังหอพัก
“ขอบคุณนะคะพี่ไทน์”
ระหว่างทางเงียบสนิท ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ฉันจึงต้องเอ่ยเปิดประเด็นก่อน
“เรื่อง?”
“ก็ที่พี่อุตส่าห์โดดเรียนเพื่อเอาเสื้อแขนยาวมาให้หนูที่ห้องน้ำ”
“อย่าสำคัญตัว ฉันแค่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่แพมทำก็แค่นั้น”
รับผิดชอบแทน? ทำไมต้องมารับผิดแทนผู้หญิงนิสัยเสียคนนั้นด้วยเล่า
“แพมเขาไม่ชอบให้ใครเข้าหาฉัน โดยเฉพาะผู้หญิง”
“ออ...”
ฉันพยักหน้าเบา ๆ เพราะรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว
“แล้วพี่ไทน์ก็ปล่อยให้เขามีสิทธิ์ได้ทำแบบนี้เหรอคะ?”
“อืม ฉันพลาดเองแหละที่เผลอไปมีอะไรกับแพมน่ะ”
“...”
หัวใจกระตุกวูบอย่างเจ็บหน่วง ราวกับใครควานมือเข้าไปในอกแล้วบีบก้อนเนื้อที่กำลังเต้นอยู่เข้าไปเต็มแรง ฉันไม่อยากเชื่อหูเลยว่าจะเป็น
อย่างนั้นจริง ๆ พี่ไทน์จะเคยผ่านผู้หญิงมาเป็นร้อยเป็นพันฉันไม่เคยติด แต่พอเป็นยัยนี่... ฉันกลับรู้สึกพ่ายแพ้จนอยากจะร้องไห้ออกมา
“ถึงกับเงียบเลยเหรอ”
“ปะ เปล่าค่ะ”
ฉันเบือนหน้าหลบพยายามซ่อนความหงุดหงิดที่กำลังปะทุอยู่ตอนนี้
“หึ ๆ ล้อเล่นน่า สำหรับฉัน เพื่อนก็คือเพื่อน ฉันไม่กินเพื่อนตัวเอง อีกอย่าง... ยัยนั่นไม่ใช่สเปกฉันสักหน่อย”
รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาบนมุมปากอย่างโล่งใจ อย่างน้อยยัยนั่นก็ไม่มีสิทธิ์มากกว่าเป็นเพื่อนพี่ไทน์ได้
“แล้ว... สเปกพี่ไทน์เป็นแบบไหนเหรอคะ”
“เธอเป็นให้ฉันไม่ได้หรอก”
“...”
ฉันรีบหันขวับไปมองคนที่อยู่ข้างกัน ในตอนนี้อีกฝ่ายจดจ่อกับเส้นทางตรงหน้าเพราะเข้าสู่ซอยด้านหลังมอที่ทั้งมืดทั้งเปลี่ยว เลยไม่ทันได้เห็นว่าประโยคที่หลุดออกมาจากปากเขาทำฉันเหวออ้าปากค้างแค่ไหน
“สเปกของฉันคือคนที่ลายมือสวย”
“แค่นั้นเหรอคะ?”
“ไม่... เธอคนนั้นต้องรับฉันได้ ไม่ว่าฉันจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม”
ฟังดูแปลก ๆ แฮะ ไม่เห็นเข้าใจกับสเปกที่เขาบอกเลย รูปร่างหน้าตา
เป็นแบบไหนก็ไม่ยอมพูด
“แล้ว... พี่ไทน์เจอคนแบบนั้นหรือยังคะ”
“เคยเจอ”
แสดงว่าตอนนี้ไม่ได้เจอแล้วงั้นดิ ลำบากอีก้านตองกลับไปนั่งคัดลายมืออีกแล้ววว!!
“แล้วเธอล่ะ สเปกแบบไหน”
“แบบพี่ไทน์ค่ะ”
ฉันตอบออกไปอย่างลืมตัว พอเขาหันมามองก็ได้แต่อ้ำอึ้งไม่รู้ว่าควรแก้ตัวแบบไหน
“เอ่อ... คือ...”
“ถ้าสเปกของเธอคือฉัน เธอจะเหนื่อยนะ เพราะเธอจะได้แค่วิ่งไล่ แต่ไม่มีวันได้ครอบครองฉันเด็ดขาด”
“ค่ะ หนูพร้อมเหนื่อย”
ก็วิ่งตามมาตั้ง 6 ปีแล้ว วิ่งต่ออีกหน่อยให้มันหมดแรงแล้วล้มไปเองจะเป็นไรไป
“หึ ไหน มาทำให้ดูหน่อย”
พูดจบเขาหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้ามาในซอยเปลี่ยวอันมืดทึบทั้งสองข้างทางทันที
“ทะ ทำอะไรคะ”
“ก็ทำให้ฉันดู ว่าเธอไม่ได้เก่งแต่ปาก”
“ตรงนี้เลยเหรอคะ?”
ฉันกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บริเวณอย่างรู้สึกไม่ดี มันมืดเสียสนิทแต่ยังรู้สึกกลัวว่าใครจะผ่านมาเห็น
“ทำไม?”
“หนูว่า... เรากลับไปทำที่ห้องดีไหมคะ”
“ไม่! ถ้าไม่กล้าก็ไม่ต้องมาเอากับฉันอีก”
“...”
เอาแต่ใจจังวะ! ฉันลอบถอนหายใจเสียงเบาก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อเรียกความกล้าให้กับตัวเอง ในเมื่อเขาต้องการแบบนั้น ฉันก็จะสนองให้!