แล้ววันที่ฉันตั้งตาเฝ้ารอก็มาถึง วันที่ต้องจับสายรหัส เป็นวันที่ฉันตื่นเต้นจนอดไม่ได้ที่จะตื่นแต่เช้ามาใส่บาตรเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีของอีก้านตองด้วยเถอะ สาธุ!
ใต้ตึกคณะในช่วงหกโมงเย็นเต็มไปด้วยเหล่านักศึกษาที่มาพร้อมหน้ากันเพื่อเตรียมจับสายรหัส
“คนต่อไป น้องก้านตองครับ”
พี่ไทน์ยืนถือขวดโหลอยู่ที่ด้านหน้าแล้วเอ่ยเรียกชื่อฉันเข้าไปจับสลาก
ทุกสายตาจับจ้องมาที่ฉันเป็นตาเดียวจนกระทั่งกระดาษสีขาวแผ่นเล็ก
ถูกหยิบมากำไว้ในมือ
“ไปนั่งที่แล้วอย่าเพิ่งเปิดนะ”
คนตัวสูงแสร้งบอกเสียงเข้มตามหน้าที่ ฉันก็รีบพยักหน้าแล้วกลับมานั่ง
ที่เดิม
“คนต่อไป น้องนัททิว”
กิจกรรมดำเนินไปช้า ๆ ท่ามกลางความเงียบและจริงจัง ต่างคนต่าง
เฝ้าภาวนาให้ตนเองได้พี่รหัสตามที่ตนหมายปอง ฉันเองก็เช่นกัน
“คนสุดท้าย น้องออมสิน”
เพื่อนสนิทคนเดียวของฉันยืนขึ้นแล้วตรงไปหยิบสลากในขวดโหลสีใส ก่อนจะเดินกลับเข้ามานั่งข้างกัน
“แกอยากได้ใครอะ”
ฉันหันไปกระซิบถามเพื่อนรักเสียงเบาด้วยความอยากรู้
“ใครก็ได้ แต่ไม่ใช่ไอ้พี่เรสก็พอ”
“พี่เรส? ทำไมเหรอ”
เท่าที่รู้จักกันมาสักพัก พี่เรสก็นิสัยดีออก ดูไม่มีพิษมีภัยกับใคร แล้วก็ชอบปกป้องฉันด้วย
“รู้แล้วเหยียบ”
“อื้อ”
ฉันรีบพยักหน้าระรัวด้วยความอยากรู้เต็มทน
“ผัวเก่า”
“ฮะ!!!”
ไม่ได้ตั้งใจที่จะโพล่งออกมาเสียงดังแบบนี้ แต่คำตอบที่ได้ยินมันชวนให้แหกปากร้องจริง ๆ
“ขะ ขอโทษค่ะ”
ฉันรีบยกมือไหว้ขอโทษทุกคนที่หันมามองเป็นตาเดียว
“ไม่มีมารยาท!”
ประโยคต่อว่าที่หลุดออกมาจากผู้หญิงผมสีทองที่ยืนอยู่ข้างพี่ไทน์ดังพอให้ฉันได้ยิน แต่ก็ไม่สามารถเอ่ยปากเถียงออกไปได้เลย
“เอาละ ทีนี้เปิดกระดาษได้”
ฉันไม่ลืมที่จะพนมมือขึ้นหัวเพื่อขอพร ก่อนจะคลี่เปิดกระดาษสีขาว
แผ่นเล็กในมือช้า ๆ
อุ๊อิ๊ คริคริคริ
สาบานเถอะว่านี่คือคำใบ้ แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่น่าจะเป็นพี่ไทน์ได้ คนมาดนิ่งแบบนั้นไม่มีทางตั้งคำใบ้ปัญญาอ่อนแบบนี้ได้หรอก
“แกได้คำใบ้ว่าไรอะ”
ออมสินชะเง้อคอเข้ามามองแผ่นกระดาษในมือฉันพลางขมวดคิ้วเรียวบาง
“อุ๊อิ๊ คริคริคริ... สาบานว่านี่คือคำใบ้”
“แล้วแกล่ะ? คำใบ้ว่าไงบ้าง”
“เรียกพี่ว่าไอ้หน้าหล่อ ดูดิ ใครช่างมั่นหน้าขนาดนี้วะ แต่สาขาเราถ้าจะหล่อจนมั่นได้ขนาดนี้คงมีแค่พี่ไทน์กับไอ้พี่เรสแล้วละ”
“หือ? งั้นแลกกัน”
ฉันรีบดึงแผ่นกระดาษออกมาจากมืออีกฝ่าย แล้วยัดกระดาษของตัวเองใส่มือให้เธอแทน
“อะไรเนี่ย แลกทำไม?”
“กะ ก็แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าไม่อยากได้พี่เรสอะ นี่อาจจะเป็นคำใบ้ของพี่เรสก็ได้นะ”
“เออ! จริงด้วย”
ออมสินพยักหน้าหงึกหงักแล้วหันไปสนใจกับคำใบ้ของตัวเอง โดยไม่นึกระแคะระคายในเจตนาของฉันสักนิด
ในที่สุดก็ถึงเวลาเดินไปหาพี่รหัสของตัวเอง กติกาคือหากเราทายผิด จะต้องโดนรุ่นพี่สั่งทำโทษ เสร็จแล้วถึงมีสิทธิ์ไปหารุ่นพี่คนต่อไปเพื่อทายว่าเขาคนนั้นใช่พี่รหัสของเราหรือเปล่า
หลังจากได้รับสัญญาณให้เดินหาพี่รหัสของตัวเองได้ ฉันก็รีบพุ่งเป้าไปยังมุมใต้บันไดที่มีพี่ไทน์นั่งอยู่ทันที พร้อมกับประโยคคำถามที่มั่นใจเต็มอกว่า...
“พี่คือพี่รหัสของหนูใช่ไหมคะ?”
อีกฝ่ายนิ่งงัน ริมฝีปากเป็นเส้นตรงไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมาจนฉันเริ่มประหม่า ความมั่นใจที่พกมาเต็มเปี่ยมดับวูบลงแทบจะทันควัน
“คำใบ้อะไร ทำไมถึงได้มั่นใจขนาดนั้น”
“เอ่อ... เรียกพี่ว่าไอ้หน้าหล่อค่ะ”
“เหอะ คิดว่าฉันจะใช้คำใบ้แบบนั้นจริง ๆ เหรอ”
“...”
ถึงแม้อีกฝ่ายจะพูดแบบนี้ แต่ฉันยังมีความหวังเล็ก ๆ อยู่ หวังว่าเขาจะแค่พูดให้ฉันไขว้เขวเฉย ๆ จนกระทั่ง...
“เสียใจด้วย ฉันไม่ใช่พี่รหัสของเธอ”
ภาพฝันอันแสนหวานที่เคยจินตนาการเอาไว้ก่อนหน้านี้พังทลายลงมาอย่างไม่เหลือชิ้นดี แต่ในเมื่อผลออกมาแบบนี้แล้ว ฉันก็คงต้องยอมรับ
ฉันรีบยกมือไหว้แล้วเตรียมจะเดินคอตกออกไป ทว่ากลับถูกเรียกให้อยู่ก่อน
“เดี๋ยว...”
“คะ?”
“ฉันยังไม่ทันได้ลงโทษเธอเลย รีบไปไหน?”
จริงด้วย ฉันทายไม่ถูกนี่ ต้องรับโทษเสียก่อน
“พี่ไทน์จะให้หนูทำอะไรคะ”
มุมปากเจ้าเล่ห์กระตุกยิ้มอย่างมีแผนร้าย ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามากระซิบใกล้ ๆ หน้าฉัน
“ทดเอาไว้ก่อน แล้วฉันจะมาคิดบัญชีกับเธอทีหลัง”
เพียงเสียงกระซิบเบา ๆ กลับทำให้ใจของฉันเต้นระรัวขึ้นได้ อยากจะโดนเขาลงโทษตอนนี้เสียด้วยซ้ำ
“ไปได้แล้ว”
เห็นว่ามีคนเดินเข้ามาต่อท้ายเตรียมจะทายพี่รหัส พี่ไทน์ก็รีบออกปากไล่ฉันทันที
“ในเมื่อไม่ใช่พี่ไทน์ งั้นก็แปลว่าเป็นพี่เรสสินะ”
ฉันเดินออกมาอีกมุมหนึ่งแล้วเดินเข้าไปหาพี่เรส และอีกฝ่ายยิ้มแฉ่งรอรับอยู่ก่อนแล้ว
“คอตกเลยอะดี้”
“อาการออกเลยเหรอคะ”
“หึ ๆ ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก ไหน ได้คำใบ้อะไรมา เดี๋ยวพี่บอกเองว่าเป็นใคร”
“เรียกพี่ว่าไอ้หน้าหล่อค่ะ”
“ฮะ! นี่คำใบ้พี่เอง”
ฉันยิ้มกว้างออกมาอย่างโล่งใจ อย่างน้อยไม่ใช่พี่ไทน์ แต่เป็นพี่เรสก็ยังดี เอาไว้ค่อยไปขอพี่ไทน์เป็นพี่เทคอีกทีแล้วกัน
“ยินดีต้อนรับนะน้องก้านตอง สายเรานี่ชิลมาก มาถูกสายแล้วละ”
“ขอบคุณค่ะพี่เรส จริง ๆ ตองได้คำใบ้อื่น แต่คิดว่าไม่น่าจะใช่พี่ไทน์เลยขอเปลี่ยนกับเพื่อนน่ะค่ะ”
“เหรอ แล้วอันเดิมคำใบ้ว่าไง”
“อุ๊อิ๊ คริคริคริค่ะ”
อีกฝ่ายทำหน้าสิ้นหวัง ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหน้าลูบตาตัวเองลวก ๆ คล้ายกับไม่รู้จะพูดคำไหนออกมา
“น้องก้านตองงง!! โยนโอกาสทิ้งไปแล้วรู้ไหมเนี่ย ไอ้ไทน์มันคิดคำใบ้ไม่ออกเลยให้พี่ช่วยตั้ง แต่พี่ก็คิดไม่ออกเหมือนกันเลยใส่ไปแบบนั้น ไอ้คำใบ้คริคริคริอะไรนั่นน่ะ คำใบ้ไอ้ไทน์เอง”
“...”
เจ็บยิ่งกว่าเทวดาเล่นตลก คือการที่โยนพรที่ตัวเองขอให้กับคนอื่น มีใครจะโง่ได้เท่าอีก้านตองอีกไหมเนี่ย โอ๊ยยยย!! จะบ้าตาย
หลังจากสิ้นกิจกรรมจับสายรหัส ก็มาถึงช่วงท้ายของกิจกรรม ช่วงนี้พี่ปีสองก็จะประชาสัมพันธ์ทิ้งท้ายก่อนจะแยกย้ายกันไปกินเลี้ยงตามสายของตัวเอง
“วันนี้เราจะมาเลือกดาว-เดือนมหาลัยกันนะคะ ใครที่ถูกเลือก
ในวันนี้ เราต้องมาเจอกันอีกทีพรุ่งนี้ตอนห้าโมงเย็นที่ใต้ตึกของสาขา เพื่อที่จะคัดเอาเพียงแค่ชายและหญิงฝั่งละหนึ่งคนเท่านั้น เพราะฉะนั้นวันนี้เปิดโอกาสให้ทุกคนเสนอตัวเองได้เต็มที่ค่ะ”
“เอาละครับ อันดับแรกพี่จะให้น้อง ๆ เสนอตัวเองก่อน ทุกคนหลับตาลงครับ”
พี่ไทน์ยืนตัวตรง เอามือไขว้ด้านหลังพร้อมกับออกคำสั่งเสียงหนัก รออยู่สักพักก็พูดต่อ
“ใครที่อยากจะสมัครคัดเลือกดาว-เดือน ยกมือขึ้นครับ”
ระหว่างนี้ทุกคนหลับตาเอาไว้สนิทรวมถึงฉันด้วย จึงไม่รู้ว่าใครบ้างที่
ยกมือขึ้นในรอบนี้
“เอามือลงครับ... ทีนี้ทุกคนลืมตาได้”
“มีใครอยากจะเสนอคนอื่นไหมคะ ยกมือเสนอได้เลย”
“ไปไหม?”
ออมสินขยับเข้ามากระซิบถามฉันเสียงเบา
“ไม่อะ ไม่ได้สวยขนาดนั้นสักหน่อย”
“โห! ไม่สวยอะไร ขนาดแกไม่แต่งตัวยังสวยทะลุแว่นเลย ถ้าแกลงฉันว่าชนะขาดอย่างแน่นอน”
“แล้วแกอะ ลงไหม?”
“เมื่อกี้ยกมือไปแล้ว สายฉันบังคับให้ลงคัดเลือกทุกคน”
“อ๋ออ”
จริงด้วย พี่ไทน์เองก็เป็นเดือนมหาลัยของปีก่อน อย่างนี้ก็เท่ากับว่าถ้าฉันเข้ารอบคัดเลือก ก็จะมีโอกาสได้ไปซ้อมอยู่กับพี่ไทน์บ่อย ๆ น่ะสิ!
“เสนอน้องก้านตองครับ”
เสียงใครสักคนเอ่ยเรียกชื่อฉัน พอเงยหน้าขึ้นไปดูถึงได้รู้ว่าเป็นพี่เรสนั่นเอง
“คัดค้าน ฉันว่าน้องเขาไม่ได้สวยมากขนาดนั้นนะ ใช่ปะไทน์”
ยัยพี่แพม แกเอาอีกแล้วนะ
“สวยจะตาย น้องเขาแค่ใส่แว่นเฉย ๆ เลยดูไม่ถนัด ตอนแข่งจริง
ค่อยใส่คอนแทกเลนส์ก็ได้ น้องก้านตองครับ ช่วยถอดแว่นตาออกหน่อย”
“เอ่อ...”
ฉันอึกอักเล็กน้อย ไม่ชินกับการถอดแว่นเท่าไหร่
“ถอดเลยแก”
ออมสินกระซิบข้างหู ฉันจึงทำตามอย่างว่าง่าย
“โหหห! นี่แค่ถอดแว่นนะ ยังไม่ทันได้แต่งหน้าเลย สวยแซงหน้าแกไปแล้วอะแพม ถ้าปล่อยผมนี่จะสวยขนาดไหนวะ น้องก้านตองลองปล่อยผมหน่อยครับ”
“พอได้แล้ว! เดี๋ยวจะจดชื่อให้ แต่ทุกคนจำเอาไว้เลยนะว่าดาว-เดือน ต้องใช้ความสามารถ แล้วก็ต้องมีสมอง จะมาเล่น ๆ ไม่ได้ ถ้าคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสมก็ถอนตัวออกซะ คนอื่นจะได้ไม่เสียเวลามานั่งคัด”
อยู่ ๆ ยัยพี่แพมก็พ่นไฟออกมาราวกับภูเขาไฟที่อยู่ในอกมันปะทุ แปลกใจจริง ๆ ว่ายัยนี่ชนะจนขึ้นมาเป็นดาวมหาลัยได้ยังไง ทั้งที่การกระทำ
แต่ละอย่างไม่ได้ต่างจากคนไร้สมองเลยสักนิด
คิดว่าขู่แล้วฉันจะถอนตัวงั้นเหรอ... ฝันไปเถอะ คนอย่างอีก้านตองไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว