บทสรุปสุดท้ายคือฉันต้องมาล้างตัวในห้องน้ำข้างโรงอาหาร
น่าโมโหจริง ๆ ที่ยัยบ้านั่นทำชุดใหม่ของฉันเลอะเทอะไปหมด น้ำสีแดงอาบลึกเข้ามาถึงชุดชั้นในสีชมพู มองดูแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด
ฉันถอดเสื้อออกมาล้างน้ำและซักอย่างฟึดฟัด รู้สึกโกรธและพาลไปหมดทุกคน โดยเฉพาะพี่ไทน์ ฉันอุตส่าห์ตามเขามาเรียนถึงในกรุงเทพฯ
ยอมทะเลาะกับพ่อเป็นเดือน ๆ ยอมที่จะแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือจากพี่เรสและสารภาพกับเขาจนหมดสิ้น ยอมถึงขนาดจ่ายค่าจ้างเพื่อ
เอาตัวเองประเคนใส่พานให้กับผู้ชายคนนี้ แล้วดูสิ่งที่ได้กลับคืนมาสิ
โคตรไม่คุ้ม!
ฉันน่าจะเชื่อพี่เรสตั้งแต่แรก เขาเคยเตือนเรื่องแผนการของฉัน เพราะ
คนอย่างพี่ไทน์ ไม่เคยนอนกับใครเป็นรอบที่สอง แล้วที่สำคัญ ถ้าเขา
ได้กินใครแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็จะหมดคุณค่าในสายตาเขาทันที
ฉันพลาดเองแหละที่มั่นหน้าคิดว่าตัวเองเอาอยู่ สุดท้าย... พังไม่เป็นท่า!
ฉันไม่ได้คิดจะเข้าเรียนในสภาพนี้หรอกนะ เพราะจริง ๆ ก็มีเรียนช่วงบ่าย แต่ที่ต้องเข้ามาล้างตัวก่อนเพราะคงดูไม่ดีหากจะกลับห้องไปด้วยสภาพนี้ แค่เดินมาที่ห้องน้ำก็อายสายตาคนอื่นจะแย่
แต่ไม่รู้ว่าฉันคิดผิดหรือเปล่า เพราะทันทีที่เสื้อนักศึกษาสีขาวตัวบาง
เปียกน้ำ มันก็สามารถมองทะลุเข้ามาถึงเนินอกที่ล้นทะลักได้อย่างง่ายดาย เสื้อแขนยาวก็ไม่ได้พกมา ซวยอะไรขนาดนี้วะเนี่ย!
ฉันพ่นลมหายใจแรง ๆ ก่อนจะยกกระเป๋าสีดำขนาดเล็กขึ้นมากอดเอาไว้
ที่อกเพื่อปิดซ่อนความอับอาย ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำออกมาเตรียมจะเดินไปเรียกรถที่ด้านหน้า ทว่าต้องหยุดชะงักเพราะมีผู้ชายที่คุ้นตายืนขวางทางอยู่
“พี่ไทน์!”
น่าแปลกใจที่ฉันเจอเขาที่นี่ พร้อมกับ... เสื้อแขนยาวสีดำในมือ
“นมเท่าลูกมะพร้าว เอากระเป๋าเล็กแค่นั้นปิดมันจะอยู่เหรอ”
เขาว่าพลางวางเสื้อแขนยาวพาดบนไหล่บางของฉัน
“พี่ไทน์ไปเอาเสื้อแขนยาวมาจากไหนเหรอคะ?”
“จากล็อกเกอร์ในห้องชมรม ฉันพกติดตู้ไว้ตั้งนานแล้ว”
“อ๋ออ”
ฉันพยักหน้ารับแล้วหยิบเสื้อขึ้นมาเตรียมจะสวมใส่ ทว่าต้องหยุดชะงักเมื่อพบว่ามีใครบางคนกำลังเดินเข้ามาที่ห้องน้ำ
พี่ไทน์สติดีกว่าฉันมาก เขารีบดันตัวฉันเข้ามาในห้องน้ำพร้อมกับตัวเขาเช่นกัน เพราะห้องน้ำที่เราอยู่ในตอนนี้เป็นห้องน้ำผู้หญิง หากมีใครพบว่าเขาอยู่ตรงนี้คงดูไม่ดีแน่
พี่ไทน์จัดการล็อกห้องน้ำไว้เสร็จสรรพ รอจนเสียงรองเท้านั้นเดินเข้ามาและออกไปในที่สุด
“เขาน่าจะไปแล้วค่ะ”
“แล้ว?”
อีกฝ่ายเลิกคิ้วถามพลางจ้องสำรวจเนินอกอวบอิ่มที่กำลังดันเสื้อในจนหัวแทบโผล่
“ละ แล้วเราไม่ออกไปเหรอคะ”
“เธอทำให้ฉันโดดเรียน ต้องรับผิดชอบ”
“หือ?”
นี่เขาโดดเรียนเพื่อเอาเสื้อแขนยาวมาให้ฉันงั้นเหรอ ความหวังที่ดับวูบ
ถูกจุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง ยามคนตรงหน้าเดินเข้ามาชิดพร้อมกับโอบเอวไว้หลวม ๆ
“จำได้ไหมว่าติดค้างอะไรไว้กับฉัน”
คนตรงหน้าโน้มลงมากระซิบเสียงเบา ก่อนที่มือหนาจะสอดเข้ามาในเสื้อที่เปียกปอนแล้วบีบเคล้นเนินอกอย่างมันเขี้ยว
“อ๊ะ!”
“ชูววว”
เขาทาบปิดปากฉันด้วยการจูบ มือหนายังคงขยำบีบอย่างเอาแต่ใจ เขาชำนาญถึงขนาดที่ฉันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเสื้อในถูกปลดออกไปแล้ว
“เธอบอกว่ารอบต่อไปถึงจะชิมกล้วยของฉัน จำได้ไหม?”
เขาผละริมฝีปากออกพลางเอ่ยถามเสียงกระเส่า ฉันก็รีบพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
“ดีมาก ถ้างั้น... ชิมดูหน่อย แล้วมาตอบฉันว่าชอบรสชาตินี้หรือเปล่า”
มือหนากดไหล่ฉันให้ย่อตัวลง พร้อมกับมืออีกข้างที่ปลดถอดเข็มขัดออกด้วยความชำนาญ พอนั่งลงไปแล้วก็อยู่ในระดับเป้ากางเกงของอีกฝ่าย
พอดิบพอดี
ฉันรีบบีบขยำที่เป้าเพื่อหยอกล้อกับแท่งเนื้ออันใหญ่แข็งสู้มือ ก่อนจะงัดให้มันออกมาผงาดตัวเต็มกำลังที่ด้านนอก
ปลายลิ้นเปียกแฉะค่อย ๆ แตะสัมผัสที่หัวแก่นกายเบา ๆ ทำเอาคนถูกกระทำเผลอร้องซี้ดออกมาอย่างลืมตัว
ฉันเริ่มตั้งสมาธิกับตัวเอง แล้วครอบริมฝีปากเล็กอมแท่งกระบอกไม้ไผ่
สีเนื้อเข้าไปในปาก ปลายลิ้นวนดูดหัวแก่นกายซ้ำ ๆ ตามเทคนิคการสอนมีเพศสัมพันธ์ที่ศึกษามาจากในอินเทอร์เน็ต เพราะตั้งใจเอาไว้ว่าครั้งแรกของเรา อยากให้เขาประทับใจที่สุด
“ยะ อย่างงั้นแหละตอง”
ใบหน้าเหยเกเชิดขึ้นแสดงออกถึงความเสียวซ่าน มือหนาขยำกลุ่มเส้นผมของฉันเอาไว้ในมือ ก่อนจะตอกสวนแท่งเนื้อเข้ามาในโพรงปากนุ่มชื้น
จนเกิดเสียง
อ๊อก อ๊อก!
ฉันหลับตาปี๋ด้วยความรู้สึกคับแน่นจนแทบหายใจไม่ออก พยายามที่จะดึงกระบอกลำยาวออกจากริมฝีปาก ทว่ากลับไม่ได้รับอนุญาตจากคนที่กำลังเพลิดเพลินกับริมฝีปากของฉันอยู่
เขาเริ่มกำเส้นผมของฉันแรงขึ้น พร้อมกับสวนกระแทกเข้ามาอย่างหนักหน่วง ไม่สนเลยว่าหางตาของฉันกำลังปริ่มไปด้วยหยดน้ำสีใสที่เตรียมจะหยดแหมะ
“ฮึก! เสียวฉิบหาย ดูดแรงกว่านี้หน่อยตอง จะแตกแล้ว”
เพียงได้ยินว่าจะแตก ก็คล้ายกับเสียงระฆังที่ดังมาจากสรวงสรรค์ ฉันหลับตาแน่นพลางรูดรั้งแท่งเอ็นอย่างเอาเป็นเอาตาย
น้ำลายเริ่มไหลยืดออกมาเป็นทาง เสียงเนื้อกระทบโพรงปากดังสนั่นก้องในหัว แต่กระนั้นก็ไม่อาจกลบเสียงครางต่ำที่ดังแว่วออกมาจากคนร่างสูงตรงหน้าได้เลย ยิ่งได้ฟัง ก็ยิ่งฮึกเหิม อยากจะดูดรัดก้านใหญ่ยักษ์ในปากให้เสียวซ่านจนอีกฝ่ายขาดใจ
“ฮึกก อ้าา”
พี่ไทน์กระชากเส้นผมหนาในมือออก ก่อนจะรูดสาวแท่งเนื้อตรงหน้าฉันสองสามที รอไม่นานของเหลวสีขาวขุ่นอุ่น ๆ ก็พุ่งเข้ามาเต็มหน้า ดีนะ
ที่ฉันหลับตาเอาไว้ได้ทันพอดี
“หึ ๆ”
เสียงหัวเราะแว่ว ๆ ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมาดู ส่วนตาอีกข้าง
ลืมไม่ได้เลย เพราะน้ำที่เพิ่งพ่นออกมาจากแท่งเนื้อลำโตของเขาเลอะเปรอะเต็มขอบตาไปหมด
“อยู่นี่เสียงดังไม่ได้ ฉันเลยต้องรีบแตก แล้วรสชาติเป็นยังไงบ้าง”
เขาจับปลายคางฉันเชิดขึ้น ก่อนจะเกลี่ยเช็ดคราบน้ำลายออกจากริมฝีปากให้
“มะ ไม่รู้ค่ะ”
เมื่อกี้มัวแต่สนใจกับแท่งเนื้อ จนลืมโฟกัสที่รสชาติไปเสียสนิท
“ก็ชิมดูสิ แลบลิ้นออกมา”
ฉันงงงวยเล็กน้อย แต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย อีกฝ่ายจึงใช้หัวแก่นกายที่ยังแข็งขืนเคาะลงที่ปลายลิ้นฉันเพื่อให้ลิ้มลองกับรสชาติ ทว่ากลับต้องหลุดขำเมื่อพบกับใบหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีของฉัน
“หึ ๆ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ไม่อร่อยเหรอ?”
ว่าแล้วก็หันไปหยิบทิชชูมาเช็ดคราบน้ำรักออกจากหน้าให้ฉันอย่างเบามือ
“อะ อร่อยค่ะ”
ฉันแสร้งพูดเอาใจ แม้จะรู้ตัวดีว่ากำลังแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ
“ถ้าอร่อย... ครั้งต่อไปจะให้แตกในปาก”
“...”
ครั้งต่อไป... ครั้งต่อไป... ครั้งต่อไป...
สมองประมวลผลคำนี้ซ้ำ ๆ ราวกับต้องการตอกย้ำว่าฉันทำสำเร็จแล้ว
พี่ไทน์ยอมที่จะเอากับฉันซ้ำ ๆ นั่นเท่ากับว่าเงินห้าหมื่นที่เสียไปไม่ได้
สูญเปล่า ถ้ากรี๊ดออกมาตอนนี้พี่ไทน์จะหาว่าฉันผีเข้าไหม?