ตอนที่ 16 ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
การกลับมาของเฌอรีนทำให้ความสัมพันธ์ของเฟย์และอคิณณ์ห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างบอกได้ว่าทั้งสองคนกลับมาคบกันแล้ว
จนทำให้เฟย์ตัดสินใจหยุดความสัมพันธ์และคืนยอดเงินที่ค้างอยู่ทั้งหมดแต่เป็นอคิณณ์ที่โอนยอดเงินไปให้เฟย์จำนวนมาก เฟย์โทรถามและได้คำตอบว่าโอนยอดผิดฝากไว้ก่อน ยังไม่ต้องโอนกลับมา
ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้ทั้งอคิณณ์และเฟย์แทบจะไม่เจอหน้ากันเลยจะมีเห็นกันผ่านๆเมื่อเฟย์ต้องไปทำงานที่ไนต์คลับเท่านั้น อีกทั้งตอนนี้เรื่องของเฌอรีนก็เหมือนจะกลบข่าวของเฟย์กับอคิณณ์ไปได้ดีทีเดียว
ทางด้านของอคิณณ์ที่เขาไม่ได้ติดต่อหาเฟย์ก็เพราะเขาต้องการแน่ใจในความรู้สึกของตัวเองว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไงกับยัยแม่วัว และตอนนี้ด้วยเขาต้องสนใจเรื่องงานที่พ่อของเข้าต้องการให้เข้าเข้ามาศึกษางานที่บริษัทอสังหาฯและการบริหารมหาวิทยาลัย ส่วนเรื่องเรียนของเขาตอนนี้ทำเรื่องจบเรียบร้อยแล้ว
ส่วนเรื่องของเฌอรีนเขาแทบจะไม่ได้สนใจเธอเลย กลับเป็นเฌอรีนที่คอยติดตามทั้งเข้าหาเขาและเข้าทางฝั่งพ่อของเขาด้วย อคิณณ์รู้สึกว่าเฌอรีนเริ่มล้ำเส้นจนทำตัวน่ารำคาญ
ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้สนใจ เพราะการมาของเธอครั้งนี้มีเป้าหมายเดียวคือการทำให้อคิณณ์ยอมแต่งงานกับเธอเพราะไม่มีใครจะคู่ควรเหมาะสมกับเขาได้เท่าเธอและไม่มีใครคู่ควรเหมาะสมกับเธอได้เท่าเขา
“เธอควรจะหยุดได้แล้วนะ ฉันให้เธอเกินไปกว่าเพื่อนไม่ได้” อคิณณ์เป็นฝ่ายที่บอกปัดความสัมพันธ์กับเฌอรีน
“ถ้าอคิณณ์ยังไม่มีใคร เฌอรีนขอเป็นเพื่อนนะ”
“ฉันให้เธอได้แค่เพื่อนนะเฌอรีน”
หลังจากที่เฌอรีนถูกอคิณณ์ปฏิเสธตรงๆแล้วเธอก็ออกจากห้องของผู้บริหารของมหาวิทยาลัยทันที วันนี้อคิณณ์เข้ามาศึกษาระบบการทำงานและเข้าต้องขัดใจเมื่อเฌอรียนตามเข้ามาโดยพลการ
@ลานจอดรถของมหาวิทยาลัย
“พี่เฌอรีน พี่เฌอรีนคะ เดี๋ยวก่อนสิคะ” ปริมเรียกเฌอรีนเอาไว้ หลังจากเห็นว่าหญิงสาวกำลังจะเดินกลับไปที่รถของตัวเอง
“มีอะไร เธอเป็นใคร”
“ปริมค่ะ พี่รู้จักเฟย์ไหมคะ” ปริมมองใบหน้าของเฌอรีนอย่างเป็นคำถาม ในเมื่อเธอไม่ได้อคิณณ์ เฟย์ก็อย่าหวังว่าจะได้รุ่นพี่สุดฮอตเช่นกัน
“เฟย์คือใคร ไม่รู้จัก มีอะไรเหรอ” เฌอรีนตอบออกไปตามตรง แต่เธอมองว่าอีกฝ่ายหน้าจะมีเรื่องอะไรถึงได้พูดออกมาแบบนี้
“คือที่หนูถามพราะคิดว่าพี่รู้จัก เฟย์เป็นคนที่ตามจีบพี่อคิณณ์ ใคร ๆ ในมหาลัยฯก็รู้จักเธอค่ะ” เฌอรีนกำนิ้วเรียวของตัวเองเข้าหากันแน่ คำพูดของปริมตอนนี้เหมือนเป็นเชื้อไฟทำให้เฌอรีนรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาทันที
“ก็แค่ตามจีบไหม”
“แต่พี่อคิณณ์เขาเล่นด้วยนะคะ”
ปริมยังคงพยายามพูดให้เฌอรีไม่ชอบเฟย์ ซึ่งมันดูเหมือนจะได้ผลเป็นอย่างดี เพราะเฌอรีนให้ปริมพาเธอไปดูหน้าเฟย์ แต่ด้วยที่เฟย์ไม่มีเรียนทำให้ทั้งสองสาวจำเป็นต้องตามไปหาหญิงสาวที่ไนต์คลับคืนนี้แทนเพราะปริมรู้ว่าเฟย์ทำงานที่นั่น และคิดว่าได้ทำงานเพราะใช้เส้นสายของอคิณณ์
ช่วงคืนของวันเดียวกัน
เฟย์มาทำงานที่ไนต์คลับเหมือนเช่นทุกวัน ส่วนเรื่องของอคิณณ์หญิงสาวก็ยังคงพยายามตัดใจ เพราะอย่างไรเรื่องของเธอกลับผู้ชายคนนั้นก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ส่วนจำนวนเงินที่เขาโอนเข้ามาจะต้องหาทางโอนคืนให้อีกที
“ฉันไม่คิดว่าเธอยังจะกล้ามาทำงานอยู่ที่นี่ต่อ นะเนี่ย” ปริมเดินเข้าไปหาเฟย์ที่เคาน์เตอร์บาร์ก่อนพูดพร้อมมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียด ๆ
“ฉันจะยังทำงานที่นี่หรือไม่ทำแล้วมันทำไมเหรอ”
“เธอใช่ไหมที่ตามจีบอคิณณ์” เฟย์หันไปมองคนที่เธอไม่ทันสังเกตในตอนแรก แต่พอรู้ว่าเป็นเฌอรีนเธอก็ตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเดินมาหาตัวเอง
“เอ่อ...”
“ไม่คิดจะส่องดูสารรูปตัวเองบ้างเหรอ สภาพแบบนี้คิดว่าอคิณณ์จะสนใจเธอจริงๆเหรอ” เฌอรีนพ่นคำดูถูดเหยียมหยามเฟย์ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
“สนใจไม่สนใจมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกคุณ”
“เป็นอย่างที่เธอบอกจริง ๆ ด้วยนะปริม ผู้หญิงที่คิดจะจับผู้ชายรวยๆยอมได้ทุกอย่างเพื่อเงิน เอาไหมนี่ฉันให้ เลิกยุ่งกับอคิณณ์ซะ เขาไม่เอาผู้หญิงอ้วนๆแบบเธอมาเป็นแม่ของลูกหรอก” เฌอรีนวางเงินลงบนเคาน์เตอร์จำนวนหนึ่ง สายตาที่เธอมองมายังเฟย์นั้นเต็มไปด้วยคำดูถูกและเหยียดหยามอยู่ตลอดเวลา
“นี่คุณ..หยุดนะ” เฟย์ออกมาจากเคาน์เตอร์บาร์ด้วยความรีบร้อนเดินตามเฌอรีน เฟย์จับข้อมือของเฌอรีนเอาไว้ ก่อนจะออกแรงดึงให้อีกฝ่ายหยุดยืน
“จะทำอะไรปล่อยนะ”
“ฉันแค่จะคืนเงินให้คุณ ฉันไม่ได้อยากได้เงินของคุณ”
“ไม่ได้อยากได้ แต่เอาตัวเข้าแลกเงินมันหมายความว่ายังไงเหรอ” เฌอรีนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วพูดจาดูถูกอีกฝ่ายออกมาในทันที
“เอาคืนไปฉันไม่ได้อยากได้” เฟย์จับเงินยัดเข้าไปในมือของเฌอรีนก่อนจะหันหลังเดินกลับเพื่อจะไปที่เคาน์เตอร์บาร์
“โอ้ย นี่ปล่อยนะ” มือเรียวของเฌอรีนจิกที่ผมยาวเฟย์ก่อนออกแรงดึงให้หญิงสาวกลับมาหาตัวเอง
“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าทำแบบนี้ใส่ฉัน” เฌอรีนตวาดเสียงดังใส่เฟย์พร้อมกับกระชากผมเธอ
“แล้วใครสั่งสอนให้คุณเอาเงินมาฟาดใส่คนอื่นคะ”
เพี๊ยะ
ใบหน้างามของเฟย์หันไปตามแรงตบของเฌอรีน เธอนิ่งงันไปเพราะความตกใจ
“จับมันสิ” เฌอรีนเอ่ยสั่งปริมทันที
“ปล่อยนะ บอกให้ปล่อยไง” เฟย์พยายามออกแรงดิ้นเพื่อให้หลุดจากอีกฝ่าย และทันทีที่เธอหลุดจาพันธนาการของปริม เธอผลักอีกฝ่ายลงไปกองกับพื้น และพอเฟย์หันกลับมาที่เฌอรีน เฟย์ที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว
เพี๊ยะ
ใบหน้างามของเฟย์หันไปตามแรงตบของเฌอรีนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เฟย์ไม่ยอมให้อีกฝ่ายตบตัวเองฝ่ายเดียว เพราะเธอสวนด้วยหมัดกลับเข้าที่ใบหน้าส่วนของเบ้าตาของเฌอรีนอย่างจัง
“ทำบ้าอะไรของเธอ” อคิณณ์ที่เพิ่งเข้ามาภายในไนต์คลับเห็นเหตุการณ์ที่เฟย์กำลังต่อยเข้าที่ใบหน้าของเฌอรีนพอดี อคิณณ์จึงรีบตรงเข้ามาหาทั้งสองคนและออกคำสั่งให้แยกจากกัน
เขาจับมือของเฟย์ที่เตรียมกำหมัดจะตอบโต้เฌอรีนเป็นครั้งที่สอง เฟย์สะบัดมือออกจากการจับของอคิณณ์จนเฟย์เกือบล้มลงกับพื้น
“อคิณณ์ เฌอรีนเจ็บ” เฌอรีนจับใบหน้าของตัวเองที่ถูกต่อยเอาไว้ ก่อนเข้าไปกอดอคิณณ์อย่างออดอ้อน เฌอรีนส่งสัญญาณมือให้ปริมกลับไป ปริมจึงออกจากร้านทันที
“ขอโทษเฌอรีนเดี๋ยวนี้เลย” อคิณณ์เอ่ยด้วยความโมโห ไนต์คลับของเขาไม่ได้เป็นที่ที่จะให้ใครมาทะเลาะตบตีกัน อีกอย่างเฟย์เป็นพนักงานของร้านและตอนนี้เป็นช่วงเวลางาน เธอออกมาจากจุดที่เธอต้องทำงาน ทำแบบนี้มันจะทำให้ร้านของเขาเสียหายและจะเสียลูกค้าได้
“แต่คุณ...” เฟย์มองอคิณณ์ด้วยสายตาที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอผิดหวังในตัวเขาแค่ไหน เขาไม่แม้แต่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กลับสั่งให้เธอขอโทษผู้หญิงของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่เฟย์ไม่ได้เริ่มก่อน
“ฉันบอกว่าให้ขอโทษ ถ้าไม่ขอโทษก็ลาออกไปซะ” คำพูดและน้ำเสียงของอคิณณ์เหมือนมีดที่แทงเข้ามากลางใจของเฟย์ เขาไม่แม้แต่จะฟังอธิบายของเธอ แต่กลับต่อว่าเธออยู่ฝ่ายเดียว
“ขอโทษค่ะ คุณเฌอรีน” เฟย์พูดจบก็เดินกลับไปที่หลังเคาน์เตอร์ เฟย์ยืนหันหลังสักครู่เพราะดวงตาคู่สวยตอนนี้มีน้ำสีใสคลอที่ดวงตาอย่างรอการไหลออกมา แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมา ตอนนี้เฟย์ทำได้เพียงต้องตั้งใจทำงานต่อ
ทางด้านของอคิณณ์พาเฌอรีนไปที่ห้อง VVIP ซึ่งตอนที่ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องนั้น เฟย์เห็นทุกการแสดงออกที่อคิณณ์ดูห่วงใยมากแค่ไหน สำหรับเฟย์เธอพยายามท่องเอาไว้ว่าไม่ให้รู้สึกอะไรเพราะทุกอย่างมันจบลงไปแล้ว
เพราะมันจบลงไปแล้ว แต่ทำไมเธอถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ เฟย์กำมือเข้าหากันแน่ ผู้หญิงของเขามาหาเรื่องเธอ เข้ามาตบเธอก่อนแต่กลับเป็นเธอที่ต้องขอโทษแล้วทั้งสองกลับพากันเดินเข้าไปภายในห้องอย่างหน้าตาเฉย
“มันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย”