ตอนที่ 3 : เหยื่อติดกับดัก
ทางด้านขนมผิง
หลังเลิกเรียน
หญิงสาวร่างอรชรเดินมาหารุ่นพี่คนสนิทเพราะมีเรื่องไม่สบายใจ ดวงกลมโตจับจ้องไปที่รุ่นพี่และอมยิ้มบางๆเมื่อสายตาของรุ่นพี่หันมาสบกับสายตาเธอพอดี
“ได้เรื่องบ้างไหมขนมผิง”
“ไม่ได้เรื่องอะไรเลยค่ะแล้วพี่นักรบได้ข้อมูลอะไรบ้างไหมคะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงหมดหวัง ไปโรงพยาบาลที่เพื่อนสาวเคยนอนรักษาก็ไม่ได้ข้อมูล และใกล้เวลาเข้าเรียนช่วงบ่ายทำให้เธอกลับมาที่มหา’ลัย และพยายามหาทางติดต่อเพื่อนสาวแต่ไม่มีหนทางสว่างเลย
“พี่ก็ไม่ได้ข่าวอะไรเลย ขอดูกล้องวงจรปิดเขาก็ไม่ให้ดู แล้วต้องรอครบยี่สิบสี่ชั่วโมงถึงแจ้งคนหายได้ แล้วค่อยเอาใบแจ้งความไปขอดูกล้องวงจรปิด ซึ่งพี่ก็ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่าเท่าที่สัมผัสผู้ชายที่ชื่อโรมัน ค่อนข้างมีอิทธิพล กลัวว่าตำรวจจะเป็นใจให้พวกมัน”
“ก็จริง แค่ตอนยัยพริกนอนโรงพยาบาลยังมีคนรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา เข้าเยี่ยมไม่ใช่ง่าย” ขนมผิงเห็นด้วยกับคำพูดของพี่นักรบและถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ สายตามองใบหน้าคมคายของรุ่นพี่ที่สนิท ได้แต่คิดว่าถ้าวันหนึ่งเธอหายไปพี่นักรบจะกังวลแบบนี้หรือเปล่า
“พี่ไปก่อนนะมีทำโปรเจคต่อที่ห้องสมุด ถ้าเราได้เรื่องยังไงอย่าลืมโทรหาพี่ด้วย” มือหนาของนักรบวางลงบนหัวของขนมผิงและโยกเบา ๆ เหมือนกับหยอกล้อและส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับรุ่นน้อง
ดวงตากลมโตจับจ้องไปที่ใบหน้าคมคายของรุ่นพี่คนสนิท ทุกอย่างตกอยู่ในภวังค์ ใบหน้าหวานพยักหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบ กว่าจะได้สติรุ่นพี่คนสนิทได้เดินห่างออกไปแล้ว
“ก็เพราะพี่ชอบทำแบบนี้ ผิงเลยรู้สึก”
หลังจากมองรุ่นพี่จนลับสายตาขนมผิงได้เดินไปที่ลานจอดรถของมหา’ลัย ยังคงจำความรู้สึกที่มือหนาจับโยกหัวได้ดี ไม่ใช่ครั้งแรก ทุกครั้งที่เธอเจอกับพี่นักรบเขามักทำแบบนี้
ทันทีที่เข้ามาในรถเก๋งของตัวเองใบหน้าหวานสะบัดไปมาเบา ๆ เพื่อไล่ความคิด หลายครั้งที่เธอต้องจัดการกับความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้น
“ฟู่ว...ตอนนี้ต้องรู้ให้ได้ว่าพริกหวานอยู่ไหน ปลอดภัยดีหรือเปล่า ขอแค่นี้จริงๆ”
หลังจากปรับความรู้สึกตัวเองได้ ขนมผิงได้ขับเคลื่อนรถออกจากมหา’ลัย
ตลอดทางที่ขับมาพยายามนึกคิดว่าจะหาทางยังไงให้ติดต่อกับเจโฮปได้ เพราะไม่มีทางติดต่อโรมันกับพริกหวานได้อยู่แล้ว ทางเลือกเดียวตอนนี้คือผู้ชายคนนั้น
“แล้วจะไปหาผู้ชายคนนั้นเจอจากไหนล่ะ” ขนมผิงพึมพำอยู่คนเดียวภายในรถ สีหน้าเหมือนเด็กจะกำลังจะร้องไห้ ตลอดทั้งวันที่ผ่านมาได้แต่คิดวนไปวนมาหาทางติดต่อผู้ชายคนนั้น
แม้แต่เสิร์ซในกูเกิ้ลยังไม่ขึ้นข้อมูลอะไรเลย...
สายตามองกระจกหลังเมื่อรู้สึกตงิดใจคล้ายกับถูกตาม คิ้วเรียวสวยขมวดเป็นปมเมื่อเห็นเป็นรถสปอร์ตคันหรูสีดำ รู้สึกคุ้นตาเหมือนกับเพิ่งเคยเจอเมื่อเช้านี้ แต่แล้วในเสี้ยววินาทีรถสปอร์ตคันนั้นขับขึ้นมาเทียบ ทำให้ขนมผิงต้องประคองรถให้อยู่ในเลนตัวเอง
“เจโฮป ต้องใช่รถของผู้ชายคนนั้นแน่ๆ”
แต่ด้วยที่รถคันนั้นเป็นรถสปอร์ตทำให้เร่งความเร็วได้เหนือกว่าเธอ เขาขับแซงเธอขึ้นไปด้วยความเร็ว อยู่ ๆ ก็เหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ตลอดทั้งวันหาทางติดต่อผู้ชายคนนี้แต่ไม่เป็นผล อยู่ดี ๆ ดันเจอกันบนถนน และไม่อยากให้พลาดอีกทำให้เท้าเรียวเล็กเหยียบคันเร่งเพื่อไล่ตาม
บรื้นนน
เสียงเครื่องยนต์ของรถสปอร์ตคันหรูดังกึกก้องไปทั่วท้องถนน สายตาคมมองกระจกหลังเห็นรถเก๋งสีขาว ป้ายทะเบียนที่คุ้นตากำลังขับตามมาติด ๆ ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มมุมปากด้วยความชอบใจ
“เหยื่อติดกับ”
สายตาคมกริบมองหน้าปัดเรือนไมล์อยู่ในระดับหนึ่งร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ปกติแล้วเจโฮปจะเหยียบไปหนึ่งร้อยแปดสิบร้อยเก้าสิบ แต่ครั้งนี้ที่ยั้งฝ่าเท้าในการเหยียบเพราะตั้งใจให้เธอไล่ตามให้ทัน รถเก๋งที่เธอขับแค่เหยียบหนึ่งร้อยยี่สิบก็แทบควบคุมพวงมาลัยไม่อยู่แล้ว แต่จะว่าไปเด็กคนนั้นก็เก่งใช่ย่อย เห็นติ๋มๆซื่อๆ เท้าไฟเหมือนกัน
เก่งแต่โง่จนกลายเป็นเหยื่อ
ขนมผิงมองถนนเบื้องหน้ารับรู้ว่าทางที่กำลังขับเคลื่อนไปไม่ใช่ทางกลับคอนโดและไม่ใช่ทางกลับบ้าน ออกนอกเส้นทางไปทางชานเมืองเรื่อย ๆ ซึ่งเธอไม่สามารถหยุดตามเขาได้เพราะต้องการเจอเขา ทำให้จำยอมขับไล่ตามเขาออกนอกเส้นทาง ไม่รู้ว่าเขาจะหยุดตรงไหน แต่แค่อยากถามเรื่องเพื่อนให้แน่ชัด อีกทั้งยังหงุดหงิดที่เขาเกือบชนเธอแต่ไม่รู้จักขอโทษ นอกจากเรื่องเพื่อนที่เธออยากรู้แล้ว เธอยังต้องการฟังคำขอโทษจากเขา
“จะไปไหนกันแน่นะ” ดวงตากลมโตเหลือบมองป้ายบอกทางที่ออกมาชานเมืองเรียบร้อยแล้ว และเริ่มเข้าเส้นทางที่เริ่มเป็นทางเปลี่ยว ระยะเวลาที่ขับตามกันมาเกือบสองชั่วโมงและยังไม่มีท่าทีจะหยุดรถ
“หน้าหนาวมืดเร็วเป็นบ้า ห้าโมงเย็นฟ้าก็เริ่มสลัวแล้ว” เสียงหวานพึมพำเริ่มรู้สึกหวาดหวั่น แต่ยังมุ่งมั่นกับการขับตามชายหนุ่มไป รู้สึกเสียวสันหลังจนต้องเอื้อมมือไปเร่งเสียงเพลงให้ดังกลบบรรยากาศที่ไม่สู้ดีนัก
ดวงตากลมโตมองสองข้างทางถึงจะเป็นถนนให้รถวิ่ง แต่ไม่มีรถขับสวนมาเลย พอมองกระจกมองหลังยิ่งแปลกใจเพราะไม่มีรถคันไหนขับตามเธอมาเช่นกัน มองไปไกลๆยังไม่เห็นแม้แต่เงาของรถ
ช่างเถอะ เป้าหมายมีแค่รถคันหน้าอย่างเดียว อย่าให้คาดสายตาก็พอ
ใช่เวลาสักพักใหญ่กว่ารถสปอร์ตคันหรูจะเลี้ยวเข้าซอยเปลี่ยว เป็นถนนดินลูกรังสองข้างทางเป็นป่า แต่ด้วยความใจกล้าทำให้ขนมผิงตัดสินใจหักเลี้ยวตาม
ครืด ครืด...
"ใครโทรมาตอนนี้นะ"
เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูดังขึ้นทำให้ดวงตากลมโตเหลือบมองแต่เป็นเบอร์แปลกทำให้เธอไม่ได้สนใจและเงยขึ้นมามองทางเพื่อทำเรื่องที่สำคัญกว่า แต่แล้วรถสปอร์ตคันหรูสีดำที่ขับตามมาหลายชั่วโมงได้หายไปในชั่วพริบตา
“เอ้า หายไปไหนแล้ว” เท้าเรียวเล็กเหยียบเบรก ทำให้รถเก๋งจอดอยู่กลางซอยเปลี่ยว ท้องฟ้าด้านนอกมืดลงจนต้องเปิดไฟหน้ารถเพื่อส่องแสงสว่าง ใบหน้าหวานหันมองไปรอบ ๆ รถด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น แขนเรียวเล็กกอดตัวเองและลูบต้นแขนไปมาเมื่อไรขนอ่อนตามร่างกายลุกชูชันเหมือนกับคนขี้หนาว แต่ความจริงคือเกิดอาการตื่นกลัว
ดวงตากลมโตพยายามมองออกไปเหมือนเป็นภาพของตึกร้างอยู่ไม่ไกล ความคิดเริ่มปรุงแต่งจนเกิดความกลัว มือเรียวเล็กเข้าเกียร์ถอยหลังทันที
พรึบ
แสงไฟสีขาวสาดส่องมาจากด้านหลังทำให้คนที่กำลังจะถอยรถต้องหยุดชะงัก แสงไฟที่สาดส่องเข้ามาทำให้แสบตาจนมองทางด้านหลังไม่เห็น
“อะไรกัน” ขนมผิงพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก สิ่งรอบข้างบ่งบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ชอบมาพากล
“หรือว่ามันคือ...กับดัก”
ในจังหวะที่เธอพูดเห็นเงาของคนเดินตัดกับแสงไฟนีออนลักษณะท่าทางร่างกายกำยำดูสูงโปร่งและน่าเกรงขามต่อให้เห็นแค่เงา เขาคือคนที่ลงจากรถคันที่สาดไฟใส่รถเธอ ในมือนั้นเหมือนถือแท่งไม้ยาวๆลักษณะคล้ายไม้ตีกอล์ฟลงมาจากรถด้วย แสงไฟที่สาดแยงตาทำให้เธอไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของคนนั้นแต่มองออกว่าเขาคือ...ผู้ชาย