ตอนที่ 9 : ไม่หลาบจำ…รนหาเรื่อง
ขนมผิงมาที่โรงพยาบาลเอกชนที่เพื่อนสาวคนสนิทเคยพักรักษาตัวอีกครั้งและจัดการยื่นใบแจ้งความให้กับเจ้าหน้าที่ที่นี่ คราวนี้เธอได้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลให้เธอดูกล้องวงจรปิด
“อีกนิดฉันจะได้รู้ว่าแกอยู่ไหนแล้ว” ริมฝีปากบางอมยิ้มเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนี้ ใบหน้าหวานเริ่มมีความหวังขึ้นมาบ้าง
“อันนี้เป็นวิดีโอย้อนหลังวันที่คุณแจ้งครับ เชิญดูได้เลย” เจ้าหน้าที่ผายมือให้เด็กสาวเข้าไปนั่งที่โต๊ะที่กำลังฉายภาพเคลื่อนไหวที่ได้จากการบันทึกจากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล
ทันทีที่ได้คำเชิญไม่รอช้าที่ขนมผิงจะเข้าไปนั่ง ดวงตากลมโตมุ่งมั่นและมองภาพเคลื่อนไหวหลายภาพที่แสดงเหตุการณ์ในวันนั้น
“นั่นไง” เสียงหวานอุทานออกมาเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่เข็นเตียงของเพื่อนสาวคนสนิทออกจากห้องพักฟื้นวีไอพี สภาพของเพื่อนนอนหลับสนิทบ่งบอกว่าตอนออกจากห้องคงไม่รู้เรื่องว่าจะถูกย้ายออก และภาพถัดมาเป็นภาพจากล็อบบี้ของโรงพยาบาลที่เห็นได้ชัดว่าเจ้าหน้าที่กำลังเข็นเตียงออกนอกโรงพยาบาล ตัดภาพไปที่กล้องหน้าโรงพยาบาลเห็นเป็นภาพเตียงกำลังถูกเข็นใส่รถตู้ขนาดใหญ่ มีชายฉกรรจ์คอยคุ้มกันและเจ้าหน้าที่พยาบาลคอยช่วยเหลือ ทำทุกอย่างคล้ายกับเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ไม่มีอะไรให้น่าสงสัยเลยแม้แต่นิดเดียว ในวิดีโอเห็นชัดเจนว่าทุกขั้นตอนในการทำงานจะมีคุณโรมันอยู่ด้วย แถมยังนั่งเคียงข้างไปกับเพื่อนเธอ จากนั้นรถตู้คันใหญ่ได้ขับเคลื่อนออกไป ตามด้วยขบวนรถสีดำเหมือนคุ้มกันอันตราย อย่างกับภาพในหนัง
“ดูเหมือนปกติทุกอย่าง ไม่มีอะไรน่าสงสัยเลยสักนิด คนทั่วไปมองไม่บอกว่าคือการลักพาตัว เหมือนย้ายคนไข้มากกว่า” ขนมผิงยังย้อนดูภาพเคลื่อนไหวนั้นซ้ำไปซ้ำมา ไม่มีอะไรให้น่าสงสัยเพราะการกระทำทุกอย่างเข้าออกปกติ ไม่ได้หลบซ่อน
“กล้องวงจรปิดมีแค่นี้ใช่ไหมคะ”
“ครับ”
“ขอบคุณนะคะที่ให้ความร่วมมือ” ขนมผิงส่งยิ้มให้กับเจ้าหน้าที่
ต่อไปคงเป็นกล้องจากร้านสะดวกซื้อที่อยู่หน้าโรงพยาบาล และพื้นที่ที่คิดว่ารถคันนั้นจะแล่นผ่าน
“เหนื่อยกว่าสอบอีกแฮะ” ใบหน้าหวานเงยมองท้องฟ้าที่ใกล้มืดเต็มที กว่าจะเสร็จเรื่องนั้นเรื่องนี้ฟ้าก็สลัวแล้ว การไม่มีรถส่วนตัวมันลำบากเหมือนกัน แต่เธอจะไม่ยอมอยู่เฉยๆโดยที่ไม่รู้ว่าเพื่อนสาวคนสนิทเป็นตายร้ายดียังไง และคงไม่มีทางขอความร่วมมือกับพี่นักรบเป็นอันขาด ด้วยที่ช่วงนี้พี่เขาก็ยุ่งมากพอแล้ว เอาไว้เจอเบาะแสที่แน่ชัดและรู้ว่าพริกหวานอยู่ที่ไหน เธอค่อยบอกรุ่นพี่คนสนิทอีกที
หญิงสาวร่างเล็กเดินออกมาด้านหน้าโรงพยาบาลและมองไปทางที่คิดว่ารถตู้คันใหญ่จะขับเคลื่อนไป หลังจากนั้นขนมผิงจัดการเข้าออกร้านต่างๆ ตามบ้านคนที่อยู่บริเวณนั้น โดยใช้ใบแจ้งความในการขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด
ห้าทุ่มตรง
หญิงสาวร่างเล็กเดินออกมาจากร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ไกลจากโรงพยาบาลพอสมควร ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยความอ่อนล้าและอิดโรยเพราะยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน สภาพร่างกายไม่สู้ดีนักทำให้จำเป็นต้องถอยไปตั้งหลักที่คอนโด
“อย่างน้อยวันนี้ก็รู้แล้วว่ารถตู้คันนั้นมาทางนี้ ถือว่าวันนี้ไม่เสียเปล่า อีกนิดเดียวฉันคงรู้ว่าผู้ชายคนนั้นพาแกไปไหน ถ้าแกอยู่อย่างดีมีสุขฉันก็ดีใจ แต่ฉันกลัวแกเจอแบบที่ฉันโดน”
ขนมผิงพึมพำกับตัวเองและโบกมือเรียกรถแท็กซี่ที่ผ่านมาแถวนี้พอดี
“คอนโด xxx ค่ะ”
“.....” คนขับแท็กซี่ผงกหัวตอบรับและเหยียบคันเร่งมุ่งตรงไปตามถนนโดยไม่ได้พูดคุยกับผู้โดยสาร ทำให้บรรยากาศภายในรถเงียบสงัดไม่มีแม้แต่เสียงเพลงหรือเสียงข่าวจากเครื่องเสียงภายในตัวรถ
ดวงตากลมโตมองออกไปนอกกระจกรถในยามค่ำคืน ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำ สายตาริบหรี่และสะลึมสะลือจนต้องสะบัดหน้าไปมาเพื่อคลายความง่วง คงไม่ดีแน่ถ้าดึกๆแบบนี้เผลอหลับบนแท็กซี่
ความรู้สึกบางอย่างทำให้สายตาเธอจับจ้องไปที่คนขับร่างสูงที่บุคลิกไม่ใช่ลุงแก่ แต่เหมือนจะยังหนุ่ม ร่างกายหนาดูกำยำเหมือนไม่ใช่คนอาชีพนี้ แสงไฟจากด้านนอกที่สาดเข้ามาเป็นระยะทำให้เห็นว่าเขาใส่หมวกแก๊ป
...ปกติไหมที่ขับรถตอนกลางคืนต้องใส่หมวกแก๊ป
“ทำไมไม่กลับรถเหรอคะ” แต่ความสงสัยรูปร่างคนขับหายไปเมื่อแท็กซี่ไม่กลับรถ ปกติแล้วทางไปคอนโดของเธอต้องยูเทิร์นก่อนหน้านี้ แต่เขาดันขับเลยมา
“.....”
“พี่คะ ทำไมถึงไม่กลับรถคะ ไปคอนโด xxx นะคะ”
“.....”
“พี่ค่ะ ได้ยินที่หนูบอกหรือเปล่า” ขนมผิงเขยิบตัวโน้มไปด้านหน้าระหว่างช่องว่างจากคนขับ แต่ต้องผงะไปเมื่อแสงไฟจากด้านนอกสาดส่องเข้ามาพอดีทำให้เห็นกรอบโครงหน้าด้านข้าง เห็นสันกรามที่ชัดเจน เนื้อตัวสั่นเทาจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอจำได้ดีว่ารูปร่างเค้าโครงแบบนี้คือใคร และจำฝังใจ
“เจโฮป”
“หึ” มีเพียงเสียงหัวเราะในลำคอดังเล็ดลอดออกมา สายตาคมกริบมองกระจกมองหลังทำให้เห็นหญิงสาวตัวเล็กที่นั่งตัวแข็งทื่อ ประจวบเหมาะกับสายตาของเธอเงยมาพอดี
ดวงตากลมโตวูบไหวเมื่อประสานกับสายตาคมกริบที่คุ้นตาผ่านกระจก หัวใจดวงน้อยตกไปที่ตาตุ่ม ทุกอย่างแข็งทื่อแม้แต่มือที่จะเอื้อมไปเปิดประตู เนื้อตัวชาไปทั้งตัวคล้ายกับโดนต้องคำสาป
บรื้นนน
เท้าแกร่งเหยียบคันเร่งจนมิดไมล์ ค่อนข้างหงุดหงิดที่กำลังแรงของรถไม่แรงเหมือนกับรถสปอร์ตคันหรูของตัวเอง อัตราการเร่งไม่พุ่งเหมือนรถราคาแพง
“จอดรถเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้จอด” หลังจากได้สติทำให้ขนมผิงตวาดลั่นเพื่อให้เขาจอดรถ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจคำพูดของเธอเลย มือเรียวเล็กเอื้อมไปกระชากท่อนแขนแกร่งหวังให้เขาหยุดรถ แต่กลายเป็นว่าทำให้รถส่ายไปส่ายมา
จากที่หงุดหงิดอยู่แล้วทำให้เจโฮปหงุดหงิดมากกว่าเดิม มือหนาคว้าปืนกระบอกสีดำเงาวับขึ้นมาและจ่อไปที่ด้านหลังโดยที่ไม่ต้องหันมอง
“ถ้าไม่หยุด เธอได้กินลูกกระสุนจนจุกแน่ ต่อให้ฉันไม่มองเธอแต่รับรองไม่มีพลาดในระยะแค่นี้” น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกเอ่ยขึ้นจนมือเรียวเล็กค่อยๆถอยออกไป สายตาคมปรายตามองเธอเพียงนิดและขับรถมุ่งตรงออกไปยังชานเมือง
ดวงตากลมโตมองกระบอกปืนสีดำที่จ่อมาทางตัวเองด้วยสายตาวูบไหว
“ต้องการอะไรจากฉันอีก” น้ำเสียงที่สั่นเครือถามขึ้น
“เธอเป็นคนเรียกร้องฉันมาเองไม่ใช่เหรอไง”
“ฉันไม่ได้เรียกร้องให้คุณมา และไม่ต้องการจะเจอคุณด้วยซ้ำ จอดรถเดี๋ยวนี้”
“มั่นใจ?” เจโฮปทวนความมั่นใจของเธออีกครั้ง จนเสียงพูดที่สั่นเครือเงียบไป
“.....” ตลอดทั้งวันที่ผ่านมาการที่เธอตามหาเพื่อนเหมือนปอกกล้วยเข้าปากแบบนี้มันเป็นแผนของเขางั้นเหรอ ตอนนั้นกว่าเธอจะอ้อนวอนขอโรงพยาบาลดูกล้องวงจรปิดต้องใช้คำออดอ้อนเป็นชั่วโมงแต่ก็ไม่ได้ แค่วันนี้เธอยื่นไปแจ้งความและพูดด้วยน้ำเสียงปกติ เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็พาเธอไปดูแบบง่ายดาย อีกทั้งไฟล์ภาพยังไม่มีการลบออกเพื่อปกปิด ระหว่างที่เธอเดินออกมาขอดูกล้องวงจรปิดตามที่ต่าง ๆ เขาก็คงรู้อยู่แล้วว่าเธอต้องทำแบบนี้เลยปล่อยให้เธอทำ และสุดท้ายเขาก็รวบหัวรวบหางเธอ มันเหมือนกับคิวของฉากหนัง วางแผนมาเป็นฉากๆไว้หมดแล้ว เธอเป็นเพียงตัวละครที่เขาเขียนบทให้เล่นตาม
“ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมขนมผิง อย่าวุ่นวายกับเรื่องของเพื่อนเธอและเพื่อนฉันอีก”
“จะให้ฉันทนอยู่เฉยๆได้ยังไง ถ้าเพื่อนคุณหายไปก็ต้องตามหา”
“เพื่อนเธออยู่กับผัว”
เอี๊ยด...
“อ๊ะ”
มือหนาหักพวงมาลัยรถกะทันหันและเบรกทันทีทำให้ล้อเสียดสีกับพื้นถนนจนเกิดเสียง ร่างเล็กที่กำลังโต้เถียงเซถลาไปตามแรงเบรก สายตาคมมองกระจกหลังที่เห็นหญิงสาวเพียงนิดก่อนจะเปิดประตูลงจากรถแท็กซี่อย่างรวดเร็ว
เท้าแกร่งเดินอ้อมมาฝั่งคนนั่งจัดการเปิดประตูได้อย่างง่ายดาย มือหนาจับเข้าที่ข้อมือเรียวเล็กและกระชากตัวเธอลงมาจากรถด้วยการกระทำที่ดิบเถื่อน ไม่สนใจว่าเธอจะล้มลุกคลุกคลาน ไม่สนใจท่าทางดีดดิ้นของเธอ ยิ่งเธอดิ้นก็ยิ่งเพิ่มแรงบีบแรงกระชาก
“ปล่อยนะ ฉันบอกให้ปล่อย ช่วยด้วยค่ะ” ขนมผิงร้องลั่นและเจ็บปวดกับแรงบีบเพราะซ้ำรอยช้ำเก่า ดวงตากลมโตมองไปรอบ ๆ บริเวณที่เขาจอดรถ เป็นเพียงริมถนนแต่มีชายฉกรรจ์ชุดดำยืนรออยู่ น่าแปลกที่ริมถนนขนาดนี้ไม่มีรถคันไหนแล่นผ่านทั้งที่เป็นถนนเส้นหลัก
หัวใจดวงน้อยตกไปที่ตาตุ่มเมื่อเจอลูกน้องกลุ่มนั้นที่จับเธอขึ้นรถตู้และโยนเธอลงเมื่อคืนนี้
“กุญแจรถครับนาย”
“อืม” มือหนาเอื้อมรับกุญแจรถสปอร์ตคันหรู
ขนมผิงพยายามแกะมือหนาออกจากข้อมือตัวเองแต่เขาจับไว้แน่นเกินกว่าจะแกะให้หลุดได้ ต่อให้เธอยื้อตัวเองไม่ให้เดินตามแต่ไม่สามารถสู้แรงของเขาได้เลย เพียงแค่เขาเดินก็เหมือนกระชากตัวเธอให้ปลิวตามไปแล้ว
“ปล่อย ฉันเจ็บ บอกให้ปล่อย”
“.....” เจโฮปไม่สนใจเสียงร้องของเธอแม้แต่นิด ลากร่างเล็กมาถึงรถสปอร์ตคันหรูและจับตัวเธอโยนเข้าไปด้านในด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น น่าเบื่อเต็มทีกับท่าทางสะดีดสะดิ้งของเธอ
ตุบ
“อึก” แรงเหวี่ยงทำให้ขนมผิงจุก แต่รีบดันตัวเองเพื่อหนี ใบหน้าหวานเปื้อนไปด้วยอาการตื่นตระหนก และไม่มีสติ
แก่ก
ทุกอย่างหยุดชะงักคล้ายกับกดปุ่มหยุดเมื่อปลายกระบอกปืนสีดำนั้นจ่อเข้ามาที่กลางหน้าผาก เธอไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว ดวงตากลมโตช้อนสายตามองใบหน้าคมคายที่เรียบนิ่งเจ้าของการกระทำนี้ และเหลือบมองชายฉกรรจ์ชุดดำที่ยืนอยู่ด้านหลังยกปืนมุ่งเป้ามาที่เธอคล้ายกับเธอเป็นนักโทษหนีคดี ปืนเป็นสิบกระบอกกำลังจ่อมาทางเธอ
“ฉันไม่ชอบพูดเยอะ” น้ำเสียงเข้มเอ่ยออกมาอย่างสุดทน สายตาคมมองหญิงสาวไม่วางตา ไม่มีความสงสารเห็นใจ มีแต่สายตาเย็นชาไร้ความรู้สึกต่อให้ลั่นไกปืนยิงหัวเด็กคนนี้
“ระยะแค่นี้สมองเธอได้กระจายแน่นอน”