ตอนที่ 10 : ของแลกเปลี่ยน
“จะพาฉันไปไหน” ขนมผิงฝืนความกลัวถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมไม่ให้สั่น
“เธออยากเจอเพื่อนไม่ใช่เหรอ? ฉันจะพาเธอไปหาเพื่อนไง”
น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกทำให้ขนมผิงไม่ได้แสดงอาการดีใจแต่อย่างใด ยังคงประสานกับดวงตาคมกริบสีเทาหม่นคู่นั้นด้วยความหวาดหวั่น คำพูดเขาเหมือนแฝงไปด้วยเลศนัยบางอย่าง ทั้งที่เขาต่อต้านเธอในการเจอเพื่อนสาวคนสนิทมาตลอด แต่อยู่ดี ๆ จะพาเธอไปหาเพื่อน
...เขาเป็นบุคคลที่ไม่ควรไว้ใจเลยสักนิด
“สายตาเธอกำลังบอกว่าไม่เชื่อฉันนะขนมผิง”
“สิ่งที่คุณทำมันทำให้ฉันไม่เชื่อ” ขนมผิงชะงักไปชั่วขณะเมื่อเขาพูดความรู้สึกจริงของเธอออกมา ทั้งที่เธอไม่ได้เอ่ยออกมาเป็นคำพูดเลยแม้แต่คำเดียว
“หึ คนแบบฉันพูดคำไหนคำนั้น” เจโฮปหัวเราะในลำคอกับคำตอบที่ตรงไปตรงมาของเธอ
“.....” ดวงตากลมโตจ้องมองคนร่างสูงด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น มันไม่มีทางเลือกอื่นเลยด้วยซ้ำนอกจากยอมไปกับเขา ถึงแม้ไม่อยากเชื่อในคำพูดนั้นยังไงเธอก็หนีเขาไม่พ้นอยู่ดี ทำให้เธอตัดสินใจนั่งในรถสปอร์ตคันหรูอย่างง่ายดาย ไม่มีท่าทางดีดดิ้นหนีเหมือนตอนแรก
บรื้นนน...
รถสปอร์ตคันหรูขับเคลื่อนออกด้วยความเร็วท่ามกลางสายตาลูกน้องนับสิบคนที่ยืนดูเหตุการณ์
บรรยากาศภายในรถเงียบสงัดมีเพียงเสียงลมจากเครื่องปรับอากาศดังแทรกเท่านั้น ดวงตากลมโตเหลือบมองคนที่นั่งเคียงข้างเพียงนิด มือเรียวเล็กกุมมือกันไว้และจิกเข้าที่มือตัวเองเมื่อมีความรู้สึกหวาดกลัว
ใบหน้าหวานหันมาจ้องมองเส้นทางที่เขาขับพามา กลัวว่าเขาจะปล่อยเธอทิ้งกลางทาง เธอจะได้หาทางกลับได้ถูก แต่ความเร็วที่เขาเร่งเครื่องอยู่ตอนนี้ทำให้เธอตัวเกร็ง นอกจากนิสัยที่น่ากลัวแล้วการขับรถของเขายังน่ากลัวมากขึ้นไปอีก ทำให้รู้ว่านิสัยของเจ้าของรถคันนี้คงใจร้อนน่าดู
เขาขับรถออกย่านชานเมืองอีกครั้ง ไม่ใช่ทางเดิมที่เขาหลอกล่อให้เธอขับไปครั้งนั้น
นาฬิกาภายในรถบ่งบอกว่าตอนนี้ตีสองกว่าแล้ว ต่อให้มีอาการเมื่อยล้าและง่วงนอนขนมผิงต้องดึงสติให้ตัวเองตื่นตลอดเวลา และตลอดระยะทางไม่มีแม้แต่เสียงพูดของเขาและเธอ ไม่มีเสียงเพลงขับกล่อม
ดวงตากลมโตยังเหลือบมองคนข้างๆอยู่เป็นระยะ ต่อให้ภายในรถมืดสนิทแต่ก็ยังพอเห็นเค้าโครงที่ดูน่าเกรงขามของเขา
————-
ใช้เวลาสักพักใหญ่ รถสปอร์ตคันหรูสีดำมาจอดอยู่ในมุมมืดและมีต้นสนบดบังตัวรถประมาณหนึ่ง ต่อให้พื้นที่โดยรอบมืดสนิทแต่เห็นแสงไฟสีเหลืองที่สาดใส่บ้านหลังใหญ่ที่อยู่ริมชายหาดจนเห็นบ้านนั้นเด่นเป็นสง่าในช่วงกลางดึก โดยรอบห่าง ๆ ตัวบ้านมีชายฉกรรจ์อาวุธครบมือคอยคุ้มกัน
“ถ่างตาจนกว่าจะเช้า เดี๋ยวเธอก็ได้เห็นเพื่อนตัวเอง”
ขนมผิงหันไปหาเจ้าของคำพูด ความมืดภายในรถทำให้เห็นเพียงแค่เงาของใบหน้าคมคาย ไม่รู้ว่าน้ำเสียงเรียบนิ่งนี้กำลังพูดจริงหรือพูดเล่น
เจโฮปเปิดกระจกรถทั้งสองฝั่งพอประมาณก่อนจะดับเครื่องยนต์ เพราะด้วยที่รถสปอร์ตคันหรูมีเครื่องยนต์ที่ดังพอสมควรกลัวเพื่อนตัวเองจะได้ยิน
ครื้น ครื้น...
ทันทีที่เขาเปิดกระจกทำให้เธอได้ยินเสียงคลื่นดังเป็นอยู่เรื่อย ๆ ลมทะเลพัดมากระทบกับใบหน้าหวานชวนให้หลับใหล แต่เธอยังไม่กล้าหลับอีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว ค่อนข้างแปลกใจกับสิ่งที่เขากำลังทำ ฉุดกระชากลากถูเธอมาแทบตาย บีบบังคับเธอสารพัด แต่นึกอยากจะพามาหาเพื่อนก็มาแบบง่าย ๆ
เจโฮปเปิดประตูรถและออกไปด้านนอกแทนการนั่งอยู่ในรถกับเธอ ร่างสูงพิงกับตัวรถและจัดการหยิบบุหรี่ราคาแพงออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อจุดสูบ
ควันสีขาวคลุ้งลอยโขมงท่ามกลางความมืด แต่แล้วริมฝีปากหนาแสยะยิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์และปรายตามองคนที่นั่งอยู่ในรถ
หลายชั่วโมงต่อมา...
บรรยากาศที่เคยมืดมิดได้แปรเปลี่ยนเป็นภาพท้องฟ้าสดใสต้อนรับเช้าวันใหม่ ภาพบรรยากาศราวกับภาพวาดมีพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาจากทะเลทำให้แสงตกกระทบกับทะเลสีฟ้าคราม มีฝูงนกบินฉวัดเฉวียน ถึงแม้ภาพตรงหน้าจะสวยงามแค่ไหนขนมผิงต้องดึงสติกลับมาเพราะตอนนี้เธอไม่ได้มานั่งชมวิว
ส่วนผู้ชายคนนั้นตั้งแต่ออกจากรถไปก็ไม่เคยเข้ามาวุ่นวายกับเธออีกเลย เขายังยืนพิงรถอยู่เหมือนเดิม
“คนหรือหุ่น แข็งอย่างกับท่อนไม้ ไม่เมื่อยบ้างหรือไงฉันเมื่อยจะแย่อยู่แล้ว นั่งอยู่แต่ในนี้” ร่างกายที่แสนจะบอบช้ำและอิดโรยเต็มที่เพราะยังไม่ได้มาตลอดทั้งคืนถ้ารวมถึงเมื่อคืนวานด้วยที่เจอเรื่องเลวร้ายเท่ากับว่าสองวันเต็มๆที่เธอไม่ได้นอน ไม่คิดว่าคนเราจะสามารถอดหลับอดนอนได้ถึงขนาดนี้ แต่ร่างกายเธอเหมือนไร้วิญญาณ
หวังว่าเขาจะพาเธอมาหาเพื่อนจริง
เจโฮปปรายตามองหญิงสาวที่นั่งยุกยิกอยู่ในรถด้วยสายตาที่ว่างเปล่าและไร้ความรู้สึกก่อนจะเงยมองไปทางบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่
“นั่นยัยพริก”
เสียงของคนในรถดังเล็ดลอดออกมาจนเจโฮปจ้องมองเธออยู่แบบนั้นไม่ละสายตาไปไหน
ใบหน้าหวานกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งเมื่อเห็นเพื่อนสาวคนสนิทยังมีชีวิตและไม่ได้โดนทำร้ายเหมือนกับที่เธอเจอ เห็นชายหนุ่มร่างสูงคอยประคองเพื่อนอยู่เคียงข้าง แต่ด้วยที่เขาจอดเว้นระยะห่างพอสมควรทำให้เพื่อนสาวไม่สามารถเห็นเธอได้
“ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งกับแก แค่เห็นแกปลอดภัยก็ดีใจแล้ว” ริมฝีปากบางฉีกยิ้ม เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก
ปึก/ปัง
เจโฮปเข้ามานั่งในรถสปอร์ตคันหรูและสตาร์ทเครื่องทันที เมื่อคนในรถเห็นภาพของเพื่อนตัวเองเรียบร้อยแล้ว
บรื้นนน
รอยยิ้มบนใบหน้าหวานหายไปเมื่อเขาเข้ามาในรถ ดวงตากลมโตปรายตามองชายหนุ่มร่างสูงเพียงนิด และหันไปจับจ้องภาพของเพื่อนสาวที่อยู่กับแฟนหนุ่ม ถึงแม้หน้าเพื่อนของเธอจะเรียบเฉยไม่ได้มีรอยยิ้มแต่แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้ว ดูเหมือนเพื่อนของเธอจะฟื้นตัวมากพอสมควร ไม่มีสายน้ำเกลือและมีเพียงผ้าพันแผลบางจุดเท่านั้น ไม่ได้พันเหมือนมอมมี่เหมือนวันแรก ๆ
“ขอบคุณนะคะที่พามาหาเพื่อนของฉัน” ถึงแม้เขาจะทำร้ายเธอแต่เขาก็พูดความจริงว่าจะพามาหาเพื่อน
“เก็บคำขอบคุณไว้เถอะ เพราะต่อจากนี้เธอจะไม่อยากพูดคำนี้”
“...หมายความว่าไง”
ขนมผิงชะงักไปชั่ววินาทีเมื่อได้สบสายตาคมกริบคู่นั้น ทั้งคำพูด น้ำเสียง และแววตาทำให้เธอมีความรู้สึกหวาดหวั่นอีกครั้ง
เท้าแกร่งเหยียบคันเร่งออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว
“ฉันเป็นพวกไม่ชอบทำบุญทำทาน ชอบทำธุรกิจที่หวังผลกำไร”
“คุณกำลังจะทำอะไร” น้ำเสียงที่สั่นเครือเอ่ยออกมา หัวใจดวงน้อยตกไปที่ตาตุ่มอีกครั้ง คนแบบเขาไม่เคยทำให้ใครฟรี ๆ แล้วเธอก็กำลังโดนเขาคิดบัญชี
และสิ่งที่ทำให้หัวใจดวงน้อยแทบหยุดเต้นเมื่อรถสปอร์ตคันหรูขับเข้ามาในโฮมสเตย์ที่ไม่ค่อยมีรถคันอื่นเข้ามาใช้บริการ ไม่ได้หรูหรา คล้ายกับม่านรูดในต่างจังหวัด
“ฉันถามว่าคุณกำลังจะทำอะไร”
“ฉันไม่ชอบทำให้ฝ่ายเดียว เธอควรมีของให้ตอบแทนสิ” มือหนาหักพวงมาลัยเข้ามาในโซนที่จอดรถซึ่งมีรั้วรอบขอบชิดและทันทีที่รถสปอร์ตคันหรูเข้ามาจอดประตูทางเข้าห้องพักถูกปิดทันที สายตาคมกริบจ้องมองใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ดวงตากลมโตสั่นระริก แต่ใช่ว่าเขาจะเห็นใจ
ทันทีที่พูดจบร่างสูงออกจากรถและเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งเธอ มือหนาคว้าเข้าที่ข้อมือคนตัวเล็กแต่เธอใช้แรงยื้อไว้และขืนแรงดึง ทำให้มือหนากระตุกเต็มแรงจนร่างบางเกือบลงไปกองกับพื้น
“ไม่ ขอร้อง ฉันหาอย่างอื่นตอบแทนคุณได้ แต่ไม่ใช่เรื่องแบบนี้”
“เธอไม่มีสิทธิ์ต่อรอง ฉันเคยให้โอกาสเธอไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่เธอยังกล้าที่จะแหกคำสั่งฉันเองช่วยไม่ได้”
อึก
“เจ็บ ปล่อย ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยด้วย” ขนมผิงส่งเสียงร้องลั่น แต่เหมือนบริเวณนี้ที่เขาพาเธอมาไม่มีใครอยู่ทั้งที่ที่นี่เป็นที่พักสำหรับผู้คน แต่เหมือนทุกอย่างถูกเตรียมการไว้ตั้งแต่แรก แถมเขายังมีกุญแจของห้องพักที่นี่โดยที่ไม่มีพนักงานเอามาให้
เจโฮปยื้อฉุดกระชากลากถูหญิงสาวตัวเล็กจนเธอล้มลุกคลุกคลานหลายครั้งหลายคลา มือหนาบีบรัดข้อมือเธอแน่นและจัดการไขประตูห้องอย่างรวดเร็วก่อนจะเหวี่ยงเธอเข้าไปให้ห้องเต็มแรง
พรึบ
“อ๊ะ”
อึก
แรงเหวี่ยงทำให้ขนมผิงล้มตัวไปที่เตียงนอนขนาดมาตรฐาน อาการจุกแทรกเข้ามาทำให้ใบหน้าหวานเหยเก มือเรียวเล็กกุมหน้าท้องตัวเองไว้และพยายามดันร่างกายตัวเองออกจากที่แห่งนี้
ขนาดห้องไม่ได้ใหญ่มากเป็นเพียงโฮมสเตย์ทั่วไปตามต่างจังหวัด แต่เจโฮปไม่ได้สนใจในขนาดของที่นี่เพราะสิ่งที่เขากำลังสนใจคือของแลกเปลี่ยนที่พามาด้วย
“ขอร้อง ฉันไม่อยากทำแบบนี้ คุณจะให้ฉันทำอะไรก็ได้เพื่อตอบแทนที่พามาเจอเพื่อน แต่ฉันไม่อยากตอบแทนแบบนี้” ขนมผิงอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ นัยส์ตาร้อนผ่าวจนทำให้น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาคลอเบ้า มองภาพตรงหน้าพร่ามัวแต่เห็นว่าร่างกายกำยำกำลังถอดเสื้อออกจากร่างกาย
“เธออยากเจอเพื่อนฉันก็พามาแล้วไงฉันทำตามความต้องการของเธอ หลังจากนี้เธอควรทำตามความต้องการของฉันบ้างนะขนมผิง”
เสื้อเชิ้ตสีดำถูกถอดออกจากร่างกายกำยำเปิดเผยร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามบ่งบอกถึงการดูแลตัวเองและออกกำลังกายมาเป็นอย่างดี
ขนมผิงใช้แรงทั้งหมดที่มีดันตัวเล็กลุกขึ้นในจังหวะที่ร่างสูงกำลังเข้ามา หางตาเหลือบเห็นโทรศัพท์บ้านที่วางอยู่หัวเตียง กระชากออกจนสายหลุดหมายจะฟาดลงบนหัวเขาเพื่อหนีออกจากที่นี่ ต่อให้ยังมีอาการจุกท้องอยู่แต่เธอต้องสู้
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันฟาดจริงๆด้วย”
“.....” ใบหน้าคมคายเรียบนิ่ง จ้องมองท่าทางของหญิงสาวด้วยสายตายากจะคาดเดา มือหนาดึงเข็มขัดออกจากกางเกงแบรนด์ดังและม้วนใส่มือพอให้ตึงคล้ายกับใช้เพื่อตั้งรับคู่ต่อสู้ เท้าแกร่งเดินไปหาเธอด้วยฝีเท้าใจเย็นไม่ได้เร่งรีบ
ทันทีที่เขาเข้ามาใกล้เท้าเรียวเล็กก้าวถอยหลังอัตโนมัติ มือเรียวเล็กกำโทรศัพท์บ้านไว้แน่น สายตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแต่กล้าทำจริง ถ้าเขาเข้ามาใกล้อีกเธอจะฟาดมัดใส่เขาอย่างไม่เกรงกลัว