สวัสดิการแห่งรัก - 3 -

2392 คำ
สวัสดิการแห่งรัก - 3 - เฮือก!! นี่ฉันฝันเรื่องนี้อีกแล้วเหรอ ทำไมฉันต้องฝันเห็นเด็กผู้ชายคนนั้นบ่อย ๆ ทำไมเขาถึงชอบเข้ามาในฝันของฉันอยู่เรื่อย ฉันฝันเห็นเด็กผู้ชายตัวโตคนหนึ่งมาตลอดเท่าที่จำความได้ เด็กผู้ชายคนนั้นอายุน่าจะห่างจากฉันประมาณหนึ่ง แต่ทุกครั้งที่ฉันฝันถึงเด็กคนนี้ ฉันกลับไม่เคยเห็นหน้าเขาชัด ๆ หรือบางครั้งที่ฉันเห็นใบหน้านั้นพอฉันลืมตาตื่นขึ้นมา ถึงจะพยายามนึกยังไงไม่ออกเลยสักครั้ง และไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ทุกครั้งที่ฝันถึงฉันกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาและรู้สึกปลอดภัยทุกครั้ง จนบางครั้งฉันก็คิดเล่น ๆ ว่าหรือจะมีผู้ชายคนนี้บนโลกใบนี้จริง ๆ เป็นบุพเพสันนิวาสหรือเนื้อคู่ของฉันหรือเปล่านะ PPM Korean. กริ๊ง! “โต๊ะ 17 จ้า” เสียงใส ๆ ของพี่น้ำตาลดังออกมาจากด้านในครัวขนาดใหญ่ของร้าน ฉันที่อยู่ใกล้ที่สุดจึงรีบเดินไปรับอาหารถาดนั้นมาเพื่อไปเสิร์ฟให้กับลูกค้า วันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนจะปิดร้านช่วงปีใหม่ แต่บรรดาลูกค้าก็ยังคงแน่นร้านเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ทั้งลูกค้าประจำ ลูกค้าขาจรพอคิดแบบนั้นแล้วฉันก็เสียดายอย่างบอกไม่ถูก ถ้าหากร้านเปิดในช่วงสิ้นปีคงได้เงินเยอะแน่ ๆ หลังจากเสิร์ฟอาหารเสร็จแล้วฉันก็ได้ยืนกวาดตามองรอบ ๆ ร้านอีกครั้ง โต๊ะที่ถูกจับจองด้วยลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศ คุณหญิง คุณนาย และบรรดาไฮโซแออัดแน่นเต็มทุกโต๊ะ พอฉันเห็นบรรยากาศแบบนี้แล้วยิ่งทำให้ฉันรู้สึกอยากเปิดร้านแบบนี้มั่งจัง “เป็นยังไงบ้าง งานเหนื่อยมั้ยน้องยาหยี” พี่มาวินทักขึ้น หลังจากที่เราจัดการเคลียร์ลูกค้าและทำความสะอาดร้านเรียบร้อย ตอนนี้ก็กินเวลาไปได้สี่ทุ่มกว่า ๆ ฉันหันไปยิ้มให้พี่มาวินเล็กน้อย “ไม่เหนื่อยเท่าไรนะคะ สนุกมาก หยีชอบค่ะ” ฉันตอบไปอย่างอารมณ์ดี ถึงแม้จะรู้สึกเมื่อยบ้าง ล้าบ้าง แต่ฉันถือว่าสนุกจริงๆ ปกติฉันไม่เคยทำงานอะไรแบบนี้เลย วันแรก ๆ ที่ได้มาทำบอกได้เลยว่าเหนื่อยมาก ๆ แต่พี่ ๆ และคนอื่น ๆ ดีกับฉันมาก ฉันรู้สึกชอบร้านนี้มากจริง ๆ อบอุ่น เป็นกันเอง ไม่รู้สึกกดดันอะไรเลย “แล้ววันนี้กลับยังไง นี่ก็ดึกมากแล้วนะ ให้พี่ไปส่งมั้ย?” “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหยีกลับพร้อมน้ำขิง ขอบคุณนะคะ” “ปะ เรียบร้อยแล้วกลับบ้านกันเถอะหยี … อ่าว พี่วินยังไม่กลับอีกเหรอคะ” “ก็รอดูความเรียบร้อยไง ว่าแต่กลับกันยังไง พี่ไปส่งได้นะมันดึกแล้ว พี่เป็นห่วงพวกเรา” พี่มาวินพูดแบบจริงจัง มองหน้าฉันที น้ำขิงที ทำให้ฉันหันไปมองน้ำขิงว่าจะเอาไงกันดี น้ำขิงค่อย ๆ ฉีกยิ้มให้ฉันจนตาหยี “ได้เลยค่ะ ยังไงรบกวนด้วยนะคะ ... ปะ ยาหยี ไปรถพี่วินจะได้ประหยัดค่ารถ ฮ่า ๆ” เหตุผลของน้ำขิงทำเอาฉันต้องหัวเราะเบา ๆ พอพูดจบพวกเราก็เดินตามพี่มาวินไปขึ้นรถ ซึ่งจอดอยู่หน้าร้าน พวกเราขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว ก็เห็นพี่มาวินขยับกระจกมองหลังใช้มือหนา ๆ ของเขาเสยผมเสริมความหล่อเล็กน้อย ก่อนจะหันกระจกกลับตามเดิม “น้องหยีพักที่ไหนครับ พี่จะได้ไปส่งถูก” “คอนโด The Sky Tower ค่ะ” “โลกกลมจัง ไอ้ภูก็อยู่ที่นั่นไม่เคยเจอมันบ้างเหรอ” “พี่ภูก็พักที่นี่เหรอคะ แต่หยีก็ไม่เคยเจอเลยค่ะ หรืออาจจะเพราะไม่ค่อยได้สังเกตด้วยมั้งคะ” “อาจจะนะ ไอ้ภูมันพักที่นั่นแหละ แต่อาจจะคนละตึกละมั้งน้องหยีเลยไม่เคยเห็น” พี่ภูก็อยู่ที่เดียวกับเราเหรอ ครั้งแรกที่ฉันเจอหน้าพี่ภูที่ไปสัมภาษณ์งาน ฉันรู้สึกคุ้นหน้าพี่ภูมาก แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกเลยว่าเคยเจอที่ไหน แต่พอเห็นพี่ภูฉันกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าหล่อ ๆ นิ่ง ๆ เวลาอยู่ที่ร้านนั่นทำให้ฉันอดมองไม่ได้จริง ๆ หรือว่าที่ฉันรู้สึกคุ้นนี้อาจจะเพราะฉันเคยเดินผ่านพี่ภูตอนอยู่ที่คอนโดหรือเปล่านะ “ปันหยานิ” เสียงพี่มาวินทักขึ้นมาทำให้ทุกคนหันไปมองที่หน้าคอนโด ก็เห็นพี่ปันหยากำลังเดินออกมาจากคอนโด ด้านหน้ามีรถแท็กซี่จอดรออยู่แล้ว สงสัยพี่ปันหยาก็อยู่คอนโดนี้เหมือนกัน “พี่วิน พี่ปันหยาก็อยู่ที่นี่เหรอ” เหมือนน้ำขิงเองก็สงสัยเหมือนกันกับฉันสินะ ใจก็ไม่ได้อยากละลาบละล้วงเรื่องเจ้านายหรอก แต่ไม่รู้ทำไมพอคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพี่ภูผา ฉันกลับอยากรู้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น ฉันมองรถแท็กซี่คันนั้นเคลื่อนตัวออกจากหน้าคอนโดไปแล้วแต่สายตาของฉันกลับยังจ้องมองรถคันนั้นจนลับตา เมื่อรถพี่มาวินจอดสนิทที่หน้าคอนโด ฉันจึงได้สติ เปิดประตูและสองเท้าก้าวลงจากรถก่อนจะละสายตาจากรถแท็กซี่มาปิดประตูแล้วยิ้มหวานให้พี่มาวิน “ขอบคุณค่ะที่มาส่ง” “ไม่ใช่หรอก สงสัยไอ้หยามาหาไอ้ภูน่ะ เพราะหยาไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก ..พี่ไปละนะน้องหยี ไว้เจอกันพรุ่งนี้ ให้พี่มารับไหมพี่ขับผ่านพอดี ไปด้วยกันประหยัดน้ำมัน” พี่มาวินพูดไปหัวเราะไป ทำฉันอดหัวเราะตามไม่ได้ ฉันที่กำลังจะตอบพี่มาวินว่าก็ดีเหมือนกันก็ต้องกลืนคำพูดตัวเองทุกคำลงคอทันที เมื่อมีฝ่ามือหนา ๆ มาวางบนศีรษะของฉันก่อนจะตามมาด้วยคำพูดนิ่ง ๆ แต่ทรงพลังของเขา “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวยาหยีไปพร้อมกู” เสียงบุคคลที่สี่ดังขึ้นมาจากด้านหลังฉัน ซึ่งมันใกล้มาก ๆ มากขนาดที่ฉันรู้สึกได้ถึงลมร้อน ๆ ที่ถูกพ่นของมาในตอนที่พูดกับพี่มาวิน ใบหน้าหล่อ ๆ ขาว ๆ โผล่มาอยู่เหนือศีรษะของฉันในระยะที่ใกล้มาก ๆ ซึ่งพอฉันหันไปแหงนมองก็เห็นว่าเป็นพี่ภูผานั่นเองที่ยืนด้านหลังฉัน แต่ด้วยความที่ความสูงของพี่ภู กับความตัวสั้น เอ๊ย! ตัวเล็กของฉัน ทำให้ต้องแหงนคอมองอย่างทุลักทุเล แต่พอฉันยิ่งมองใกล้ ๆ ก็ยิ่งมองเห็นความหล่อของพี่ภูที่ชัดขึ้น ใบหน้าเกลี้ยงเกลาราวกับไร้รูขุมขน จมูกที่โด่งเป็นสันเขื่อน ดวงตาที่คมกริบราวกับตาเหยี่ยวในขณะที่มอง คนอะไรยิ่งมองยิ่งหล่อ คนอะไรหล่อทุกจุด ทุกที่ทุกระเบียบนิ้ว “เช็ดน้ำลายก่อนมั้ยยาหยี” ฉันสะดุ้งเฮือกทันทีที่พี่ภูพูดจบ มือเล็ก ๆ ของฉันก็ยกขึ้นมาเช็ดน้ำลายทันที นี่อาการของฉันออกขนาดนั้นเลยเหรอ พอฉันได้สติถึงได้รู้ว่าฉันโดนพี่ภูแกล้งเข้าแล้ว ฉันได้ยินเสียงพี่ภูหัวเราะในลำคอ ก่อนที่มือหนาของพี่ภูที่วางอยู่บนศีรษะของฉันนั้นจะขยับหมุนให้ฉันหันหน้ากลับไปที่รถของพี่มาวินกับน้ำขิง “เออ ๆ ยังไงก็ฝากมึงพาน้องไปด้วยละกัน .. ส่วนน้ำขิงพรุ่งนี้ให้พี่ไปรับนะ” “ขอบคุณนะคะพี่มาวินที่มาส่ง ... น้ำขิง ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ” ฉันโบกมือให้พี่มาวิน จนรถขับออกไปจนลับสายตา “เราอยู่ที่นี่เหรอ พี่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” พี่ภูยกฝ่ามือออกจากศีรษะของฉัน ฉันหันไปแหงนมองพี่ภูอัตโนมัติ คนอะไรยิ่งมองยิ่งหล่อ ยิ่งมองยิ่งนึกว่าเทพบุตร! “ใช่ค่ะ พี่ภูก็อยู่ที่นี่เหรอคะ โลกกลมจังเลย” ฉันตอบคำถามพี่ภู พร้อมกับที่ขาสั้น ๆ ก็วิ่งตามพี่ภูต้อย ๆ เข้ามาในลิฟต์ สายตาก็จดจ้องไปที่นิ้วของเขาที่กดไปที่ชั้น 9 ก่อนที่พี่ภูจะหันมามองหน้าเป็นเชิงถามว่าฉันจะไปชั้นที่เท่าไหร่ “ชั้นเดียวกันค่ะ” กรี๊ด!! โลกจะกลมเกินไปแล้วนะ นอกจากคอนโดเดียวกันยังชั้นเดียวกันไปอีก แล้วต่อมกุลสตรีก็ค่อย ๆ หายไปทีละนิด เพราะตอนนี้ในหัวสมองของยาหยีนี้นั้นอยากรู้ไปหมดทุกอย่างซะแล้วสิ ว่าแต่พี่ภูอยู่ห้องไหนนะ “โลกกลมจริง ๆ” “ห๊ะ! พี่ภูว่าไงนะคะหยีไม่ได้ยิน” “เปล่านะ พี่พูดอะไรเหรอ หูฝาดหรือเปล่าเราน่ะ” พี่ภูหันมาตอบหน้านิ่ง แต่ยกรอยยิ้มที่มุมปากให้ ยิ่งเห็นแบบนั้นแล้วยิ่งทำให้ฉันอยากกรี๊ดสลบเข้าไปอีก คนอะไรทำอะไรก็น่ารัก ติ๊ง! “เราคงไม่ได้อยู่ห้องข้าง ๆ กันเหมือนในนิยายอะไรพวกนั้นหรอกใช่ไหม?” พี่ภูหันมาถามฉันพลางชี้นิ้วไปทางด้านซ้ายของคอนโด เป็นประโยคคำถามที่ติดตลก ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงมองว่ามันค่อนข้างกวนส้นโอ๊ย แต่นี่มันคือพี่ภูไง คนที่ทำอะไรก็ดูน่ามองไปหมดเลย “คาดว่าจะไม่ใช่ค่ะ แหะ ๆ ห้องของหยีไปทางนั้น” ฉันตอบพี่ภูเบา ๆ ก่อนจะชี้นิ้วเรียว ๆ ที่คิดว่าสวยมาตลอดไปทางด้านขวาแทนคำตอบ ฉันเห็นพี่ภูมองตามเรียวนิ้วไปช้า ๆ ก่อนจะหันกลับมาพยักหน้าให้เบา ๆ “โอเค งั้นพรุ่งนี้เจอกัน09.00น. ที่ล็อบบี้นะ ไม่ได้ตื่นสายใช่ไหมเราน่ะ” “รับทราบค่ะ! ไม่สายแน่นอน” ฉันยกมือข้างขวาขึ้นมาทำความเคารพให้พี่ภูราวกับทหารตัวน้อยที่รับคำสั่งเจ้านาย ฉันเห็นพี่ภูส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ ฝ่ามือของเขาถูกวางที่ศีรษะของฉันอีกครั้งก่อนจะโยกไปมาราวกับว่าฉันเป็นเด็กน้อย ซึ่งมันแปลกมาก ฉันกลับรู้สึกว่าเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย เพียงไม่นานพี่ภูก็ยกมือออกและหันหลังเดินไปทางห้องของตัวเอง ทิ้งให้ฉันที่ยืนงุนงงกับความรู้สึกตัวเองยืนอยู่ที่เดิมตรงนั้น เมื่อฉันได้สติ มือของฉันก็ยกขึ้นมาวางทับรอยของมือหนา ที่เพิ่งยกออกไปเมื่อสักครู่ ฉันมองตามแผ่นหลังของพี่ภูไปช้า ๆ กลับยิ่งรู้สึกคล้ายว่าเคยรู้จัก รู้สึกได้ว่าเคยเห็น รู้สึกผูกพันอย่างบอกไม่ได้ อธิบายไม่ถูก นี่ฉันคงไม่ได้หลงรักผู้ชายที่เป็นเจ้านายตัวเองหรอกใช่ไหม? จนฉันเห็นว่าเขากำลังเปิดประตูห้องที่สุดทางเดิน และพี่ภูเองก็หันมามองฉันแวบหนึ่ง ซึ่งมันเรียกสติให้ฉันเอง ก็ต้องรีบหันหลังและก้าวเท้าฉับ ๆ เพื่อกลับเข้าห้องตัวเอง ฉันเปิดประตูห้องเข้ามา จัดการเปิดไฟก่อนจะเดินตรงไปที่โซฟา พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดอาลัยตายอยาก ในหัวสมองตีวนปนกันไปหมด พรุ่งนี้แล้วสินะ ที่จะเดินทางไปประเทศที่ฉันใฝ่ฝันอยากไปมาตลอด จะซื้ออะไรมาฝากหม่าม๊ากับปะป๊าดีนะ จะซื้ออะไรฝากป้านภาดีนะ ตื่นเต้นจัง ‘น้องหยีต้องตั้งใจนะรู้ไหม โตขึ้นจะได้เก่งๆ’ ‘หยีจะตั้งใจเรียนมากๆ เพื่อที่จะเป็นเจ้าสาวที่เพียบพร้อมให้พี่ภู เหมือนที่หม่าม๊ากับปะป๊าเป็นเลยค่ะ’ ‘ถ้าโตขึ้นน้องหยีอาจจะเจอผู้ชายที่ดีกว่าพี่ ถ้าถึงวันนั้น พี่จะเป็นคนจูงมือน้องหยีไปส่งเจ้าบ่าวเอง’ ฉันสะดุ้งตื่นกลางดึกอีกแล้ว มองดูนาฬิกาที่หัวเตียง พบว่าเป็นเวลา 05.39น. แต่ฉันตกใจมากกว่า เพราะปกติฉันฝันไม่เคยเห็นหน้าของผู้ชายที่อยู่ในฝันเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เห็น แต่ผู้ชายคนนั้นกลับเป็นหน้าของพี่ภู ทำไมฉันฝันอะไรแบบนี้ล่ะ หรือว่าฉันจะหมกมุ่นและคิดเรื่องพี่ภูมากไปหรือเปล่านะ 29 ธันวาคม 25xx 08.00 น. ตี๊ด ตี๊ด “สวัสดีค่ะ ยาหยีพูดสายค่ะ” ฉันกดรับสายทันที แล้วหยิบโทรศัพท์มาแนบหู พร้อมกับตรวจเช็กของที่จะนำไปด้วยอย่างละเอียด “พี่เอง เราจัดของเสร็จหรือยัง พี่เรียบร้อยแล้วนะ” “พี่ภู? อ๋อ หยีเรียบร้อยแล้วค่ะ งั้นเราไปกันเลยมั้ยคะ หยีจะได้ออกไปรอข้างล่างเลย” “โอเค ยังพอมีเวลาอีกนิดหน่อย เดี๋ยวเราไปหาอะไรกินก่อนละกัน” “โอเคค่ะ หยีกำลังจะลงไปนะคะ” ณ สนามบิน สุวรรณภูมิ “เห้ย! ไอ้ภู น้องหยีทางนี้ ๆ” นี่ทุกคนมารอกันพร้อมหมดแล้วเหรอ กลายเป็นฉันกับพี่ภูสายสุดเลยเหรอเนี่ย เพราะมัวแต่ไปกินข้าวแท้ ๆ เลยเชียว “ทำไมเพิ่งมาถึงวะ กูเห็นมึงบอกว่าออกมาตั้งนานละ” “กินข้าว” พี่ภูตอบพี่วินสั้น ๆ ทำเอาทุกคนหันมามองหน้าฉันกับพี่ภูเป็นตาเดียวกันทีเดียว แค่ไปแวะกินข้าวเองนะ ทำไมต้องหันมามองราวกับฉันไปทำอะไรผิดมาอย่างนั้นแหละ “ไม่ยักรู้ว่าคนอย่างภูผาจะพาคนอื่นไปกินข้าวได้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม