รักที่เป็นไปไม่ได้
- 4 -
พี่วินพูดพลางหัวเราะเล็ก ๆ แต่ไม่ได้สนใจมากนัก ฉันแอบเห็นพี่ปันหยาหันมามองที่ฉันกับพี่ภูแวบหนึ่งก่อนที่เธอจะเดินลากกระเป๋าไปแบบไม่ค่อยสนใจอะไรมากนัก
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวตกเครื่อง”
พี่ภูตัดจบแล้วพาพวกเราไปรอที่Gate เพื่อรอขึ้นเครื่อง อีก6 ชั่วโมงก็จะถึงที่หมาย ฉันตื่นเต้นมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันจะออกนอกประเทศ ไม่ใช่ว่าไม่เคยขึ้นเครื่องนะ แต่ส่วนใหญ่ก็แค่เชียงใหม่-กรุงเทพ กรุงเทพ-เชียงใหม่ ก็แค่นั้น
สนามบินนานาชาติอินชอน โซล (Incheon International Airport)
“ตม.ที่นี่เข้ายากจริง ๆ กว่าจะผ่านมาครบทุกคน ปันหยานี่คือสุดยอด!”
“แกก็อย่าบ่นมากเลยไอ้วิน แค่นี้ปันหยาก็เหนื่อยมากพอแล้ว ใครใช้ให้แกทำตัวน่าสงสัยล่ะ”
“มึงมองเบ้าหน้าหล่อ ๆ ของกูดี ๆ นะไอ้ภู มันน่าสงสัยตรงไหนวะ”
“พอแล้ว ๆ เดี๋ยวเราจะไปที่พักกันนะทุกคน เราต้องใช้บริการรถไฟด่วนของสนามบินเข้าโซลนะ เป็นเส้นทางที่ไวสุดแต่ก็ประมาณ40นาที ตอนนี้ก็16.45 น.
ปรับตัวไม่ทันเลยนะเนี่ย เวลาต่างจากที่ไทย2ชั่วโมงจากที่ดูน่าจะอีก 15นาที รถไฟจะมาแล้ว “ทุกคนไปทำธุระส่วนตัวกันเสร็จมาเจอกันตรงนี้นะ”
“หยี ๆ เราไปเข้าห้องน้ำกันไหม ตอนอยู่บนเครื่องขิงไม่กล้าเข้าอะ ตอนนี้ขิงเริ่มทนไม่ไหวแล้ว”
“พี่น้ำตาลกับพี่ปันหยาไปด้วยกันไหมคะ” ฉันหันไปถามพี่ ๆ อีกสองคนก็เห็นทุกคนพยักหน้ารับ
“เดี๋ยวสาว ๆ ขอตัวไปทำธุระส่วนตั๊วส่วนตัวกันแป๊บนึงนะคะ”
น้ำขิงหันไปบอกสองหนุ่มอีกครั้ง ก็เห็นทั้งคู่พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินมาช่วยกันลากกระเป๋าเดินทางของทุกคนไปรวมกัน
“โอเค เดี๋ยวพี่ดูของอยู่ตรงนี้ รีบไปรีบมากันนะเดี๋ยวไม่ทันรอบนี้ต้องรออีกเกือบครึ่งชั่วโมงเลย”
ฉันพยักหน้ารับหลังจากที่พี่ภูพูดจบและเดินตามทุกคนไปห้องน้ำทันที
“ไอ้ภู มึงดู ๆ สาวเกาหลีขาวจั๊วะเลยเว้ย”
ถึงแม้จะเดินออกมาได้สักระยะ หูเจ้ากรรมก็ยังได้ยินพี่วินนั้นกระซิบดัง ๆ ย้ำว่ากระซิบดัง ๆ กับพี่ภูอยู่ดีอยู่ ๆ ขาสั้น ๆ ของฉันก็หยุดเดินและหันไปมองพี่ภูกับพี่วินก็เห็นว่าทั้งสองคนกำลังหันไปมองสาวจริง ๆ ในอกมันรู้สึกแสบ ๆ ร้อน ๆ รู้สึกไม่ชอบใจเลยแฮะ
“มาวินมันจะพาภูผาเสียคนมั้ยเนี่ย”
ฉันหันกลับมาก็เห็นว่าไม่ใช่มีแค่ฉันที่หยุดเดิน แต่มีพี่ปันหยาอีกคนที่ยืนดูพี่ภูกับพี่วินอีกคน และจากสายตาของผู้หญิงด้วยกัน ฉันเห็นพี่ปันหยามองพี่ภูกับพี่วินด้วยสายตานิ่ง ๆ ที่อธิบายไม่ถูก แต่ในใจก็ไม่รู้สึกดีเลยสักนิด รู้สึกเหมือน …..
“ไปกันเถอะยาหยี เดี๋ยวไม่ทันรถไฟ”
พี่ปันหยาหันมาบอกฉัน และหันไปมองทางฝั่งพี่ภูพี่วินอีกครั้ง ก่อนจะเดินนำฉันไปห้องน้ำทันที ฉันได้แต่มองตามหลังพี่ปันหยา และหันไปมองพี่ภูอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกไม่ค่อยดีนัก หวังว่าสิ่งที่ฉันคงรู้สึกคงไม่จริงหรอกนะ
ห้องน้ำ สนามบินนานาชาติอินชอน-โซล
“พี่ปันหยา ไม่ชวนแฟนมาด้วยเหรอคะ”
บ้าบอ นี่ฉันถามอะไรเนี่ย มันเรื่องส่วนตัวของพี่เขาหรือเปล่า ตาย ๆ ยาหยีอะไรเข้าสิงให้ปากพล่อยแบบนี้กันนะ นี่แกเป็นบ้าไปแล้วเหรอ
“นึกยังไงมาถามเรื่องนี้กับพี่เหรอยาหยี”
พี่ปันหยาทำหน้าสงสัยเล็กน้อยแต่ปนอมยิ้มให้ฉันที่มุมปาก นี่มันหมายความว่าไง หรือพี่เขามองว่าฉันจุ้นจ้านหรือตลกคำถามฉันละเนี่ย
“ขอโทษค่ะ ถ้าหยีถามอะไรแปลก ๆ พี่ก็คิดซะว่าไม่ได้ยินแล้วกันนะคะ แหะๆ”
ฉันตอบพี่ปันหยาแบบกระอักกระอ่วน พลางเกาหัวแกรก ๆ แก้เขินแทน
“พี่ไม่มีเวลาไปหาแฟนหรอก ถึงพี่มีก็คงเลิกอยู่ดี เพราะถ้าพี่จะมีพี่คงจะต้องตามหาแบบที่เหมือนภูผา ซึ่งพี่ก็ไม่รู้ว่านอกจากภูแล้วจะมีใครที่เหมือนเขาอีกไหมในโลกนี้”
พี่ปันหยาหันมาตอบอย่างหนักแน่น สายตาคมกริบของเธอจ้องเข้ามาในดวงตาของฉัน ยิ่งเห็นดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกราวกับถูกมีดคม ๆ กรีดเข้ามาในดวงตาจนมันร้อนผ่าวอย่างไรอย่างนั้น หรือว่าที่ฉันคิดจะไม่ผิดจริง ๆ พี่ปันหยาก็ชอบพี่ภูเหรอ แล้วฉันจะทำไงต่อไปละที่นี้ เพราะฉันเองไม่มีอะไรที่จะสู้พี่ปันหยาได้เลยสักอย่าง นี่ฉันกินแห้วตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยเหรอเนี่ยยาหยี
“เรียบร้อยกันแล้วเหรอคะ เหลือพี่น้ำตาลใช่ไหมคะ”
น้ำขิงออกจากจากห้องน้ำได้ทันเวลาพอดีเลย เพราะฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับพี่ปันหยาแล้วเหมือนกัน ฉันได้แต่ยิ้มให้พี่ปันหยา แล้วหันไปคุยกับน้ำขิงแทน
“พี่น้ำตาลออกไปข้างนอกแล้วขิง เห็นบอกว่าไปโทรรายงานแฟนน่ะ ว่าถึงเกาหลีแล้ว”
“งั้นเราไปกันเถอะ ตอนนี้ขิงอยากจะเอาหลังเนียน ๆ ของตัวเองไปเอนลงปะทะที่นอนนุ่ม ๆ มากเลย ตอนนี้มือแทบจะแข็งแล้วอะ”
น้ำขิงหันไปพยักหน้ารัว ๆ ราวกับเด็กให้พี่ปันหยา พวกเราเดินออกมาหน้าห้องน้ำก็เห็นพี่น้ำตาลวางโทรศัพท์พอดี และพากันเดินมาหาหนุ่ม ๆ ก็เห็นพี่วินนั้นยืนกวักมือเรียกรัว ๆ เพราะรถไฟมาถึงพอดี ฉันหันไปดูป้ายที่แสดงอุณหภูมิที่สนามบิน ก็เห็นว่าอากาศวันนี้ –3 องศา หนาวในแบบที่หนาวมาก อยู่เชียงใหม่ว่าหนาวแล้ว เทียบกับที่นี่ไม่ได้เลยจริง ๆ พวกเราขึ้นรถไฟฟ้า ตลอดข้างทางมีแต่ไอความเย็น
‘ถ้ามีหิมะตกบ้างก็คงจะดีสินะ ฉันอยากเห็นหิมะตกจัง อยากปั้นตุ๊กตาหิมะ หิมะจะนุ่มนิ่มไหมนะ’
‘ถ้าพระเจ้ามีจริง ผมขอให้ทริปนี้มีหิมะตก ให้น้องสาวของผมได้สัมผัสด้วยเถอะครับ’
ณ ล็อบบี้ โรงแรม ABC นัมซาน กรุงโซล
“มาวินแกพักกับภูผา น้ำตาลพักห้องเดียวกับพี่ ส่วนน้ำขิงก็พักกับยาหยีละกันนะ นี่กุญแจห้อง พอดีหยาจองห้องที่ใกล้ ๆ กันถึงที่นี่จะเป็นโรงแรมระดับ4ดาว แต่รับรอง ที่ที่หยาเลือกไม่ผิดหวังแน่นอน”
“งั้นแยกย้ายกันทำธุระส่วนตัว พักผ่อนสักชั่วโมงละกันนะ เจอกันตอน 19.00 น. ที่ล็อบบี้”
เมื่อจัดแจงเรื่องที่พักกันเรียบร้อยแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนในห้องของตัวเอง การเดินทางข้ามประเทศนี่มันทรมานดีจริง ๆ ทั้งหูอื้อ ทั้งสภาพอากาศที่เปลี่ยนกะทันหันแบบนี้ด้วย สงสัยคืนนี้ต้องทานยากันไว้ก่อนซะแล้ว
“ขิงเพิ่งเคยมาต่างประเทศครั้งแรกเลย เพิ่งรู้ว่าการเดินทางข้ามประเทศมันเหนื่อยขนาดนี้”
น้ำขิงบ่นพร้อมกับทิ้งตัวลงบนที่นอนทันที อย่างที่พี่ปันหยาบอกที่พักที่นี่ดูดีมาก ห้องสีครีมกว้างมาก ฉันเปิดประตูด้านหลังออกไป ก็พบกับแสงไฟของเมืองกำลังสว่างไสวช่างสวยงามจริง ๆ ลมพัดกระทบใบหน้าถึงแม้จะเหน็บหนาวเป็นอย่างมาก แต่รู้สึกมีความสุขมาก ๆ เช่นกัน ในเมืองที่ฉันฝันถึงตั้งแต่เด็ก ๆ วันนี้ฉันได้มาแล้วจริง ๆ ต้องขอบคุณ “PPM Korean” ที่ทำให้ฉันได้มาที่นี่ ที่ทำให้ฉันเจอเพื่อนร่วมงานที่ดี พี่ ๆ ที่น่ารักและทำให้ฉันได้เจอผู้ชายแบบพี่ภู
“หยี …”
เสียงน้ำขิงเดินตามฉันออกมาที่ระเบียง เรียกฉันด้วยเสียงที่ฟังดูจริงจัง และมองหน้าฉันราวกับมีคำถามที่สำคัญอยากจะถามกับฉัน สายลมอ่อน ๆ ปะทะใบหน้าของเราสองคน ทำให้รู้สึกเหน็บหนาวเป็นระยะ ๆ ฉันไม่ได้ตอบรับได้เพียงแต่ยักคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรหรือเปล่า
“หยีเคยหลงรักใคร ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ไหม”
น้ำขิงถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่คำถามของน้ำขิงทำเอาฉันยืนนิ่งไปชั่วขณะ นั่นสิ ฉันเองก็กำลังหลงรักผู้ชายคนหนึ่งที่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้ไหมซะด้วยสินะ แล้วฉันจะตอบน้ำขิงยังไงดีละ ทำไมจู่ ๆ น้ำขิงมาถามฉันเรื่องนี้ หรือฉันทำอะไรมีพิรุธจนน้ำขิงสังเกตเห็นรึเปล่านะ
“ทำไมถึงถามคำถามนี้ล่ะ”