ตอนที่ 4 ทำไมเกิดมาหล่อขนาดนี้คะ
คีรินภัทรละสายตาจากเส้นกราฟสีเขียวและสีแดงในแลปท็อบ แล้วเหลือบมองสมาร์ตโฟนของตัวเองที่เพิ่งสั่นขึ้นมา เขาหยิบขึ้นมากดรับเมื่อเห็นว่าคนที่โทร. เข้ามาคือศรัณภัทรน้องชายของเขา
"มีไร"
[วันนี้กับพรุ่งนี้มึงว่างหรือเปล่าวะ] น้ำเสียงร้อนรนแปลกๆ ของปลายสายทำให้คีรินภัทรย่นคิ้วเข้าหากันอย่างแปลกใจนิดๆ ศรัณภัทรคือน้องชายของเขา มีอายุห่างกันเพียงแค่สองปีเลยทำให้ทั้งคู่สนิทกันมาก สรรพนามที่เรียกแทนกันจึงค่อนข้างที่จะหยาบ
"ทำไม"
[คือกูทะเลาะกับแพรว] แพรวหรือแพรวาคือคนรักของศรัณภัทรที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียน
"แล้วยังไง" คีรินภัทรถามด้วยความไม่เข้าใจ คนเป็นแฟนกันทะเลาะกันก็เป็นเรื่องปกติ ไม่เข้าใจว่ามาบอกเขาทำไม เกี่ยวอะไรกับพี่ชายอย่างเขา
[แล้วกูต้องไปง้อเขาไง] ศรัณภัทรบอกด้วยน้ำเสียงซีเรียส แต่
คีรินภัทรก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกี่ยวกับเขาตรงไหน [คืออย่างนี้มึง ตอนนี้แพรวเขาหนีกูไปบ้านแม่เขาที่นครนายก แล้วพรุ่งนี้เช้ากูต้องไปคุยรายละเอียดเรื่องก่อสร้างห้างวินเพิร์ลที่อุดรฯ ประเด็นคือต้องเดินทางตั้งแต่เย็นนี้เพราะทางนั้นเขาเชิญร่วมมื้อเย็นด้วย กูเลยจะให้มึงไปแทน] ศรัณภัทรอธิบายพร้อมบอกความต้องการของตนเองให้ผู้เป็นพี่ชายรู้
บริษัท เคเอสพี เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น ซึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวคีรินภัทร เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ที่มีสาขาอยู่เกือบทุกจังหวัดในประเทศไทย ด้วยการให้บริการที่ดีเยี่ยมและมีทีมวิศวกรและสถาปนิกที่มีประสิทธิภาพ จึงทำให้บริษัทได้รับการไว้วางใจให้ดูแลเรื่องการก่อสร้างห้างวินเพิร์ลที่เป็นแบรนด์ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่อยู่หลายสาขาทั่วประเทศ และเร็วๆ นี้ก็กำลังจะเปิดสาขาใหม่ที่จังหวัดอุดรธานี
และด้วยเพราะร่วมงานกันมานาน ทำให้ทางเคเอสพีกับวินเพิร์ลมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ทางวินเพิร์ลจึงเชิญเคเอสพีร่วมรับประทานมื้อเย็นด้วยกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น
"ทะเลาะกันหนักเลยเหรอ" คีรินภัทรถามกลับด้วยความเป็นห่วงนิดๆ เขาไม่ได้ซีเรียสเรื่องงานที่น้องชายโยนมาให้ เพราะเขาก็ไม่มีงานด่วนหรือมีประชุมที่ไหนอยู่แล้ว
[ไม่รู้ว่าหนักไหม เอาจริงๆ กูยังไม่รู้เลยว่ากูทำอะไรผิด ช่วงนี้เขาดูแปลกๆ ไปว่ะ] ศรัณภัทรบอกด้วยเสียงเครียดๆ เว้นช่วงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ [คือกูก็ไม่ได้อยากโยนงานให้มึงนะเว้ย แต่กูคิดว่าถ้ากูไป กูคงทำงานได้ไม่เต็มที่ กูไม่อยากไปทำงานแบบพะวงหน้าพะวงหลัง
มึงเข้าใจกูใช่ไหม]
"กูเข้าใจ" คีรินภัทรบอกอย่างเข้าใจจริงๆ "ช่วงนี้มึงกับแพรวมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า ทำไมหลังๆ มานี้ทะเลาะกันบ่อยจัง" ถึงแม้จะบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่คนเป็นแฟนกันจะทะเลาะกัน แต่ช่วงหลังๆ มานี้เขารู้สึกว่าศรัณภัทรกับแพรวาจะทะเลาะกันบ่อยกว่าแต่ก่อนมาก
[กูก็ไม่รู้ แต่เดี๋ยววันนี้กูจะไปคุยให้รู้เรื่อง สรุปคือมึงไปอุดรฯ แทนกูนะ] ศรัณภัทรถามย้ำ
"เออ เดี๋ยวกูไปแทน"
[ขอบใจมาก แค่นี้ก่อน กูขับรถอยู่]
[เออ อย่าขับเร็วมาก ระวังๆ ด้วย]
หลังจากศรัณภัทรวางสายไปแล้ว คีรินภัทรก็ทอดถอนหายใจออกมายาวๆ ด้วยความเหนื่อยใจปนห่วงน้องชาย ก่อนจะกดต่อสายออกไปเรียกพิชญ์ชาพรเลขาฯ ส่วนตัวที่นั่งอยู่หน้าห้องให้เข้ามาหา รอไม่นานก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ก่อนที่เธอจะเปิดเข้ามาทันที
"มีอะไรหรือเปล่าคะท่านรองฯ" พิชญ์ชาพรเดินเข้ามายืนหน้าโต๊ะทำงานของชายหนุ่มแล้วเอ่ยถาม
"จองตั๋วเครื่องบินไปอุดรฯ ให้ผมหน่อย ไปวันนี้ เอาไฟลต์ไม่เกินหนึ่งทุ่ม สองที่นั่ง" ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ
"ได้ค่ะ แล้วขากลับล่ะคะ" พิชญ์ชาพรพยักหน้ารับก่อนจะถามกลับ
"กลับพรุ่งนี้ ไฟลต์ดึกหน่อยแล้วกัน รถจะได้ไม่ติด"
"ได้ค่ะ ไปอุดรวันนี้ตอนเย็น สองที่นั่ง ชื่อท่านรองฯ แล้วก็คุณศรัณภัทรใช่ไหมคะ" เลขาฯ สาวถามทวนเพื่อให้เข้าใจตรงกันและข้อมูลที่ถูกต้อง
"ไม่ใช่ รันไม่ได้ไป"
"ค่ะ แล้วจะให้ดิฉันจองอีกที่นั่งเป็นชื่อใครคะ"
"คุณ"
"คะ?" พิชญ์ชาพรรู้สึกตกใจนิดๆ ก่อนจะชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วถามย้ำ "หมายถึงให้ดิฉันไปด้วยน่ะเหรอคะ"
"ใช่ หรือคุณไม่สะดวก" คีรินภัทรเลิกคิ้วถาม
"เอ่อ...จริงๆ ก็ไม่เชิงไม่สะดวกหรอกนะคะ" หญิงสาวบอกพลางครุ่นคิด ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยไปทำงานนอกพื้นที่ หรือไปต่างจังหวัดกับเขา แต่ครั้งนี้มันค่อนข้างกะทันหันเกินไป แล้วที่สำคัญคือ...เย็นนี้เธอมีนัดทานข้าวกับปรเมศวร์!
"หรือคุณมีนัดแล้ว?" ชายหนุ่มถามอีกครั้ง เขาเข้าใจว่างานนี้ค่อนข้างปุ๊บปั๊บเกินไปและไม่ได้อยู่ในตารางงานของเขา ถ้าเธอมีนัดแล้วไปกับเขาไม่ได้จริงๆ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร และเขาก็คงไปกับกมลชนกเลขาของศรัณภัทรแทน ถึงแม้ว่าจะคุ้นชินกับการทำงานของพิชญ์ชาพรมากกว่าก็ตาม
พิชญ์ชาพรยืนครุ่นคิดด้วยความลำบากใจ เรื่องงานก็เร่งด่วน เรื่องนัดผู้ชายก็สำคัญ เธอเม้มปากเข้าหากันอย่างคิดหนักว่าควรปฏิเสธงานหรือควรเลื่อนนัดผู้ชายออกไปก่อนดี เมื่อยืนคิดไต่ตรองจนถี่ถ้วนแล้วว่าเรื่องงานควรมาก่อนเรื่องผู้ชาย จึงเงยหน้าขึ้นไปตอบคำถามของเจ้านาย
"ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา ดิฉันเลื่อนนัดออกไปก่อนได้ค่ะ" เธอตอบพร้อมฉีกยิ้มกว้างทั้งที่ในใจกำลังกรีดร้องอย่างหนัก
"คุณสะดวกแน่นะ ถ้าคุณไม่สะดวกผมไปกับคุณก้อยแทนก็ได้" เพราะยังไงตอนแรกกมลชนกต้องตามศรัณภัทรไปงานนี้อยู่แล้ว
แค่เปลี่ยนนายแต่เลขาฯ คนเดิมคงไม่เป็นไร
"ไม่เป็นไรค่ะ นัดของดิฉันไม่ได้สำคัญอะไรมาก"
นัดผู้ชายเนี่ยนะ ไม่สำคัญ? ตลก! พิชญ์ชาพรคิดในใจ
คีรินภัทรพยักหน้า ก่อนจะพูดขึ้น "อืม งั้นช่วงบ่ายคุณกลับไปเตรียมตัวได้ จะให้ผมส่งรถไปรับที่คอนโดฯ หรือสะดวกเจอที่สนามบินเลย"
"เจอที่สนามบินเลยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันนั่งแท็กซี่ไปเอง"
เมื่อหมดธุระแล้ว พิชญ์ชาพรก็ขอตัวออกไปจัดการจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมตามคำสั่งของเจ้านาย จากนั้นก็นั่งอ่านข้อมูลเกี่ยวกับงานที่ขอมาจากกมลชนกเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม
ถึงแม้คีรินภัทรจะต้องเป็นคนคุยรายละเอียดทั้งหมด แต่เธอที่เป็นเลขาฯ ก็ควรจะรู้ข้อมูลอย่างละเอียดด้วย เพราะถ้าเกิดมีปัญหาอะไร เธอจะได้ช่วยเจ้านายแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที
คีรินภัทรและพิชญ์ชาพรเดินทางมาถึงจังหวัดอุดรธานีในเวลาสิบแปดนาฬิกาตรง มีรถของทางวินเพิร์ลมารอรับทั้งคู่ไปส่งที่โรงแรมและรอรับไปส่งที่ร้านอาหารชื่อดังในตัวจังหวัด
"เลือกทำเลได้ดีมากเลยนะคะ ห้างกลางเมือง รายล้อมด้วยตลาดแถมยังมี บขส.อยู่ใกล้ๆ ระหว่างรอก็เดินเล่นในห้างฯ" พิชญ์ชาพรพูดขึ้นมาอย่างสังเกตและวิเคราะห์ในระหว่างนั่งรถไปร้านอาหาร
เป็นจังหวะที่รถขับผ่านพื้นที่ที่กำลังจะสร้างห้างสรรพสินค้าพอดี
"อืม อุดรธานีเป็นจังหวัดที่ค่อนข้างเจริญมาก แทบไม่ต่างอะไรจากกรุงเทพฯ เลย" คีรินภัทรพูดเสริมขึ้นอย่างเห็นด้วย
"จริงค่ะ รถติดมากพอสมควร" พูดพลางมองไปที่ตลาด UD Town ตรงหน้าอย่างให้ความสนใจ "ท่านรองฯ คะ ถ้ากลับมาจากทานข้าวแล้ว ดิฉันขออนุญาตออกมาเดินดูของตรงนี้หน่อยนะคะ"
"ออกมาดื่ม?" คีรินภัทรเลิกคิ้วถามอย่างรู้ทันเลขาฯ สาว ตลาด UD Town เป็นตลาดแนวยาว มีความคล้ายคอมมูนิตี้มอล์ขนาดหย่อม เป็นแหล่งรวมสินค้าหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ ของกินหรือแม้กระทั่งร้านนั่งชิลล์ หรือจะเรียกอีกอย่างว่า ‘ลานเบียร์’
มีผู้คนหลากหลายวัยชอบมานั่งจิบเบียร์เชียร์บอลกันเป็นประจำ
"ก็อาจจะนิดหน่อยค่ะ" ตอบพลางยิ้มแหยๆ เขินนิดหน่อยที่ถูกเจ้านายดักคอแบบนี้ ก่อนจะพูดแก้ตัวให้ตัวเองดูดีขึ้นมาหน่อย "แต่ก็อาจจะไม่ดื่ม แค่มาเดินเล่นดูของเฉยๆ"
"ผมไม่ได้ว่าอะไร ถ้าคุณอยากมาก็มา"
"ขอบคุณค่ะ เอ่อ...ท่านรองฯ สนใจมาด้วยกันไหมคะ" หญิงสาวถามออกไปตามมารยาท เดี๋ยวจะหาว่าไมชวน
"เดี๋ยวผมขอคิดดูก่อนแล้วกัน"