19 ผิดหวัง

1571 คำ
“อือ…” เสียงครางแผ่วเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากซีดเซียว มีนาพยายามฝืนเปลือกตาหนักอึ้งให้เปิดขึ้น แต่ทันทีที่ลืมตาเห็นแสงสว่างจากดวงไฟในห้อง ร่างเล็กก็สะท้านเฮือกขึ้นมาทันที ความปวดร้าวแล่นไปทั่วร่างจนแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง แขนขาหนักอึ้งราวกับผ่านศึกอันโหดร้ายตลอดทั้งคืน และความจริงก็เป็นเช่นนั้น เธอพยายามยันกายลุกขึ้นแต่กลับชะงักกึก ทันทีที่สายตาไปสะดุดเข้ากับร่างสูง ที่นั่งทอดกายอยู่บนเก้าอี้ทำงานข้างโต๊ะไม้ ดวงตาคมกริบทอดมองมาอย่างนิ่งเงียบ แผงอกกว้างเปลือยเปล่าใต้เสื้อเชิ้ตที่ติดกระดุมค้างไว้ ท่วงท่าของเขาราวกับนักล่าที่เพิ่งอิ่มหนำจากเหยื่อ และกำลังรอจังหวะให้เธอได้ลืมตาตื่นขึ้นมาเอง “ท่าน…เอ่อ…ไม่ใช่สิ คุณ!” เสียงหลุดออกมาอย่างตะกุกตะกัก ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง หัวใจเธอก็ร่วงวูบลงไปที่ตาตุ่ม เมื่อสายตาของเขาเหลือบไปยังโต๊ะทำงาน โต๊ะที่เธอเอาไว้สำหรับงานค้างจากบริษัท และที่สำคัญบัตรพนักงานของเธอก็วางอยู่ตรงนั้น 'ชิบหายแล้ว' เสียงในหัวของเธอดังขึ้น ทันทีที่รู้ว่าความชิบหายกำลังคืบคลานเข้ามา “ตื่นแล้วหรอ… มีนา” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกชื่อเธอออกมาชัดถ้อยชัดคำ แต่ละพยางค์ลากยาวราวกับใบมีดเย็นเฉือนผ่านผิวหนัง เสียงนั้นชวนให้เลือดในกายเธอเย็นเฉียบจนขนลุกไปทั้งตัว “คุณ…รู้จักชื่อฉันด้วยเหรอคะ” มีนาแสร้งถามออกไปทั้งที่หัวใจเต้นโครมคราม ความหวาดหวั่นตีตื้นขึ้นคอหอย เธอยังอยากรักษาเส้นบางๆของคำว่า เลขาผู้ซื่อสัตย์เอาไว้ให้ได้ "หึ!!" สายธารหัวเราะในลำคอเบาๆ แต่แววตาเย็นเยียบไม่หลุดรอยยิ้มแม้แต่น้อย เขาเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบจนน่าขนลุก พร้อมยื่นมือหยิบบัตรพนักงานแล้วหมุนวนไปมาช้าๆ “ทำไมต้องเสแสร้งเป็นผู้หญิงเฉิ่มเชยไร้รสนิยม ทั้งที่เบื้องหลังเธอเองก็ร่าน ทำทีขัดขืนแต่ร่างกายกลับตอบสนองฉันทุกครั้ง คงใช้วิธีนี้อ่อยผู้ชายไปทั่วสินะ" “คะ…คือ…ไม่ใช่แบบที่ท่านประธานคิดนะคะ” มีนากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ริมฝีปากสั่นระริกแทบพูดไม่ออก เธอพยายามจะอธิบาย พยายามจะหาเหตุผลมาแก้ตัว แต่คำพูดทุกคำกลับติดขัดในลำคอไปหมด “เอ่อคือ ท่านประธาน…ความจริงแล้วหนูตั้งใจที่จะบอกท่านประธานค่ะ แต่ว่าหนูไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดีค่ะ เอ่อ...คือ" เสียงสั่นพร่าเอ่ยออกมาในที่สุด สายธารยกยิ้มมุมปาก สายตาคมจ้องร่างเล็กที่พยายามใช้ผ้าห่มพันกายปกปิดเนื้อตัวบอบช้ำ ก่อนที่เขาจะโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย ร่างสูงแผ่รัศมีอำนาจจนเธอรู้สึกกลัวเขาขึ้นมาดื้อๆ “โกหกไปเพื่ออะไรมีนา ตอบมาสิ” เสียงเข้มต่ำลอดออกมาจากริมฝีปากของสายธาร เขาไม่ได้ตวาดแต่ความเย็นเยียบในน้ำเสียง กับทำให้เธอกดดันเสียยิ่งกว่าการตะคอกเสียอีก ร่างบางบนเตียงขยับผ้าห่มพันกายแน่นขึ้น ดวงตากลมโตหลุบต่ำ ไม่กล้าสบสายตาคมกริบที่กำลังจ้องจับผิด “หนู…หนูไม่ได้โกหกนะคะท่านประธาน แต่หนูเองก็มีเหตุผลของหนูค่ะ” เสียงของเธอเบาแทบขาดห้วง แต่ยังพยายามยืนยัน “เหตุผล เหตุผลที่ทำตัวเฉิ่มเชยไร้รสนิยมในตอนกลางวัน แต่กลางคืนกลับแต่งตัวเร่าร้อน เซ็กซี่เพื่อไปยั่วยวนผู้ชายตามผับบาร์งั้นเหรอ ฉันถามจริงๆเถอะเธอเป็นพวกโรคจิตหรือเปล่า" เขาโน้มตัวมาข้างหน้าพร้อมเอ่ยถามเสียงเข้ม เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่านั่นเป็นคำถาม หรือเป็นคำพูดที่กำลังดูถูกเธอกันแน่ “ไม่ใช่นะคะท่านประธาน หนูไม่เคยยั่วยวนผู้ชายอย่างที่ท่านคิดเลยค่ะ หนูแค่...หนูแค่ไม่ชอบแต่งตัวเซ็กซี่ไปทำงานเท่านั้นเองค่ะ” เธอกลืนน้ำลายอย่างฝืดเฝื่อน หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก มีนาส่ายหน้ารัวๆทันทีพร้อมเอ่ยน้ำเสียงสั่นเครือ “แค่นั้น” สายธารเลิกคิ้ว ดวงตาคมหรี่มองอย่างไม่เชื่อ ก่อนจะหัวเราะในลำคอสั้นๆอย่างเย็นชา “หึ…เหตุผลแบบนั้นมันไร้สาระสิ้นดี” มีนาก้มหน้านิ่งร่างเล็กสั่นสะท้าน ความละอายปนความหวาดหวั่นตีตื้นขึ้นคอหอย เธอเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วจนแทบขาดใจ “ท่านประธานผิดหวังที่เป็นหนูใช่ไหมคะ” ความเงียบเข้าปกคลุมห้องในชั่วขณะ สายธารเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ดวงตาคมยังคงจับจ้องร่างเล็กตรงหน้าไม่วาง ริมฝีปากหนายกยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อย ก่อนเสียงเข้มจะดังขึ้นอีกครั้ง “ผิดหวังงั้นเหรอ…หึ!!" สายธารลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเงียบเชียบ ก่อนเดินตรงไปที่ประตูโดยไม่แม้แต่จะหันมามองคนตัวเล็กบนเตียงอีก แกร๊ก! เสียงลูกบิดดังขึ้นพร้อมประตูที่เปิดออก ลมเช้าตรู่พัดเข้ามาในห้องพาเอาความเย็นเฉียบแทรกซึมเข้ามาด้วย แต่เย็นแค่ไหนก็ไม่เท่ากับความรู้สึกในใจของมีนาในตอนนี้ เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย จ้องแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไปจากเธออย่างไม่ใยดี ราวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่มันกับทิ้งความอับอายไว้เต็มอกของเธอ ปัง!! ประตูห้องถูกปิดลงอย่างไม่เบานัก “ท่านประธานคงผิดหวังมากใช่ไหมคะที่เป็นหนู” เสียงแผ่วเบาสั่นระริกราวกับกระซิบให้ตัวเองฟัง มีนาก้มหน้านิ่งดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำใส ความรู้สึกเจ็บปวดพุ่งขึ้นมาเต็มอก เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกยังไงดี เธอควรโกรธ หรือเจ็บ หรือเสียใจ หรือควรรู้สึกผิดดี เธอยกผ้าห่มขึ้นกอดตัวเองแน่น ร่างกายยังคงปวดร้าวจากเมื่อคืน แต่จิตใจกลับบอบช้ำยิ่งกว่า “เช้านี้จะมองหน้าเขายังไง” เธอพึมพำเสียงแผ่วดวงตากลมแดงก่ำ เธอไม่อยากไปทำงาน ไม่อยากต้องไปเจอหน้าเขา และไม่รู้จะสู้หน้าเขายังไงดี เธอทั้งอับอายและผิดหวังในตัวเองที่สุด เธอซุกหน้าลงกับหมอนปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาช้าๆ ไม่กล้าคิดถึงสายตาเย็นชาของสายธารที่เดินออกไปเมื่อครู่ เธอไม่ได้ร้องไห้เพราะเสียใจที่เขาไม่ใยดี แต่ที่น้ำตาเธอไหลเป็นเพราะความอับอายมากกว่า -สายธาร- ตี๋แทบจะหอบหายใจตอนวิ่งเข้ามาหาสายธาร มือหนึ่งยกโทรศัพท์ขึ้นมาเหมือนจะโชว์ว่าตัวเองโทรไปกี่ครั้งแล้ว ร่างสูงที่เดินข้ามถนนกลับมาดูนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เมื่อคืนหายไปนานจนลูกน้องคนสนิทอย่างตี๋แทบคลั่ง “ท่านประธานครับ ท่านไปไหนมาครับ ผมโทรหาท่านทั้งคืนเลยแต่ท่านไม่ยอมรับสาย ผมเป็นห่วงท่านแทบแย่เลยครับ” เสียงตี๋แฝงทั้งความโล่งอกและความตำหนิในเวลาเดียวกัน “กลับ” สายธารตอบเพียงคำสั้นๆ น้ำเสียงนิ่งจนแทบไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เขาเปิดประตูรถด้วยตัวเอง ก่อนทิ้งตัวนั่งลงบนเบาะหนังอย่างคนที่หมดเรี่ยวแรงจะพูด ตี๋มองแผ่นหลังกว้างของเจ้านายแล้วรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่อึดอัด ตี๋รีบวิ่งอ้อมไปปิดประตูฝั่งเจ้านายทันที ก่อนจะกลับมานั่งที่เบาะคนขับ ตี๋แอบถอนหายใจเบาๆ โลงอกที่เจ้านายของเขากลับมาอย่างปลอดภัย “ท่านจะให้ผมขับไปที่ไหนครับ” ตี๋ถามเบาๆกลัวว่าคำถามจะไปขัดใจเจ้านาย “บ้าน” คำตอบยังคงสั้นและเฉียบเหมือนเดิม "ครับท่าน" ตี๋พยักหน้าเงียบๆไม่กล้าถามอะไรอีก เขาเหลือบมองกระจกหลัง เห็นเจ้านายนั่งทอดตัวพิงเบาะใบหน้าเรียบนิ่ง ตี๋กลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน แต่รู้เพียงอย่างเดียวว่าท่านประธานดูแปลกๆ “เมื่อคืนคุณปู่ของท่านประธานโทรหาผมหลายรอบเลยครับ” คำพูดของตี๋ทำให้สายธารหันขวับมามองทันที แววตาคมเข้มฉายชัดถึงความไม่พอใจ “แล้วมึงว่าไง” ตี๋กลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ ก่อนตอบเสียงอ้อมแอ้ม “เอ่อ…ผมก็บอกไปว่าท่านประธานดื่มอยู่ครับ” “โถ่เว้ย! มึงนี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ทำไมไม่บอกไปว่ากูติดงานอยู่วะ” เสียงเข้มตวาดลั่นด้วยความหงุดหงิด ตี๋สะดุ้งเฮือก ก้มหน้าต่ำแทบจะจมกับพวงมาลัย “ผม…ผมขอโทษครับท่านประธาน ผมหาท่านประธานไม่เจอ ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะตอบท่านไปว่ายังไงดีครับ” ความจริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เรื่องเลวร้ายลง แค่เมื่อคืนเขาเป็นห่วงผู้เป็นนายจนแทบคลั่ง สุดท้ายเขาเลยเผลอพูดออกไปแบบนั้นโดยไม่คิดให้รอบคอบ "เออช่างเหอะ" บรรยากาศในรถอึดอัดขึ้นทันตา สายธารยังคงนั่งนิ่งสายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่แววตากลับเต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม