20 กลิ่นที่คุ้นเคย

1570 คำ
“แกไปไหนมา!” เสียงของอาก๋งดังขึ้นทันทีที่สายธารเพิ่งก้าวเท้าเข้าในบ้าน แค่ปลายรองเท้าแตะพื้นยังไม่ทันถอด เขาก็ต้องเงยหน้ามองผู้เป็นปู่ที่ยืนขวางอยู่กลางโถง “เปล่าครับ” สายธารตอบสั้นๆน้ำเสียงเย็นชา พร้อมจะเดินเฉียดไปโดยไม่คิดที่จะหยุดคุย “แกยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอสายธาร ตอบมาแค่เปล่าแล้วก็เดินหนีเนี่ยหรอ รู้ไหมว่าหนูนาราเขามารอแกตั้งแต่เย็นจนถึงสี่ทุ่ม แกหายหัวไปไหนมา ทั้งๆที่ฉันสั่งไว้แล้วว่าให้รีบกลับบ้านเพราะหนูนาราจะมาทานข้าวด้วย” น้ำเสียงของอาก๋งแข็งกร้าว ข่มอำนาจอย่างที่เคยทำกับสายธารตั้งแต่เด็กจนโต เท้าของสายธารหยุดชะงักทันที กล้ามเนื้อกรามขบแน่น เขาหันมามองปู่ช้าๆแววตาฉายความไม่พอใจเต็มเปี่ยม “เฮ้อออ!! ผมยังไม่อยากมีครอบครัว ก๋งเลิกหาผู้หญิงมาให้ผมซักทีเถอะ” เขาพ่นลมหายใจแรง ร่างสูงยืนหลังตรงแต่แววตาหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด “แกอายุสามสิบแล้วนะอาสายธาร แกจะรอให้ฉันไม่อยู่ก่อนหรือไง ถึงจะยอมแต่งงาน” เสียงของอาก๋งอ่อนลงเล็กน้อยแต่ยังแฝงแรงกดดันเช่นเดิม เขาไม่ได้แค่อยากจับคู่ให้หลานชาย แต่เขาอยากเห็นหลานมีครอบครัว มีใครคอยดูแลตอนที่ตัวเองยังอยู่พอจะเห็นด้วยตา คำพูดนั้นแทงเข้าไปในใจสายธารทันที แต่แทนที่จะตอบเขาเพียงเม้มริมฝีปากแน่น พยายามกดอารมณ์โกรธกับความกดดันที่ก่อตัวอยู่ข้างใน “ก๋ง แต่ผมยังไม่อยากมีครอบครัวตอนนี้” สายธารเอ่ยเสียงเรียบพลางก้าวเท้าเข้าลิฟต์โดยไม่หันกลับไปมองก๋งอีก ทิ้งให้ก๋งกำตันยืนจ้องตามด้วยแววตาหนักอึ้ง จนประตูลิฟต์ค่อยๆปิดลง “คุณพ่อ อย่าเพิ่งบังคับตะสายธารนักเลยค่ะ คุณพ่อก็รู้ว่าตะสายธารไม่ชอบถูกบังคับนี่คะ” อารยาก้าวเข้ามาเอ่ยเสียงอ่อน เธอรู้ดีว่ายิ่งกดดันสายธารของเธอก็ยิ่งแข็งข้อ “ก็เพราะแกสองคนตามใจลูกนี่แหละถึงได้ไม่ฟังใคร ไม่ยอมทำตามที่ฉันสั่งสักอย่างทั้งตะสายธารทั้งตะซัน” ก๋งกำตันเสียงดังลั่น ความไม่พอใจที่มีต่อหลานชาย พลันระบายไปยังอารยาและศุภวัฒน์ผู้เป็นพ่อและแม่แทน "แต่ว่าคุณพ่อคะ..." "ไม่ต้องพูดแล้ว ยังไงฉันก็จะให้รู้จักอาสายธารแต่งงานให้เร็วที่สุด" ก๋งกำตันเอ่ยตัดบทอย่างเอาแต่ใจ ศุภวัฒน์ยกมือกุมไหล่ภรรยาเบาๆเอ่ยเสียงนุ่ม “ไปกันเถอะคุณ พูดไปเดี๋ยวคุณพ่อก็จะอารมณ์เสียไปมากกว่าเดิมอีก” เขาพาภรรยาเดินออกมาจากห้องโถง ทิ้งให้ผู้เป็นพ่อได้สงบสติอารมณ์ตามลำพัง แต่ก๋งกำตันยังไม่วายบ่นตามหลัง “แล้วทำไมไม่โทรหาตะซันบ้างล่ะ เรียนจบแล้วทำไมไม่ยอมกลับมาซะที จะอยู่ทำไมที่อังกฤษนักหนา พ่อแม่มันอยู่ที่นั่นหรือไง แทนที่จะรีบกลับมาช่วยงานพี่ชาย กลับเอาแต่เที่ยวเล่นใช้เงินไปวันๆไม่ได้ดั่งใจเลยสักคน” อารยากัดริมฝีปากแน่นก่อนหันกลับไปยิ้มอ่อนตามมารยาท “ได้ค่ะคุณพ่อ เดี๋ยววันนี้หนูจะลองโทรถามตะซันดูนะคะ ว่าตะซันจะกลับวันไหน” เธอเอ่ยอย่างนุ่มนวล ทั้งที่ในใจรู้ดีว่าลูกชายคนเล็กไม่ใช่คนเหลวไหลอย่างที่ก๋งคิด แต่ในตอนนี้ก็ไม่อาจขัดใจผู้สูงวัยได้ จึงได้แต่ยอมรับคำไปก่อน -มีนา- “แล้วฉันจะเอาหน้าที่ไหนไปมองหน้าท่านประธานล่ะทีนี้” มีนาพึมพำเสียงเบา มือทั้งสองข้างสอดประสานกันแล้วถูไปมาอย่างคนคิดไม่ตก เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวเดิม แต่หัวใจกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนตอกย้ำความอับอายอย่างไม่หยุดหย่อน เธอกลัวที่สุดคือการเผชิญหน้ากับเขาในถานะเจ้านาย ติ๊ง! เสียงลิฟต์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันในเช้าอันแสนอึดอัด หัวใจมีนากระตุกวูบ ลมหายใจติดขัดทันที ฝ่ามือเย็นเฉียบ ริมฝีปากแห้งผาก เธอหลับตานิ่งเหมือนจะรวบรวมความกล้าทั้งหมด เพื่อรับมือกับผู้เป็นเจ้านายที่จะก้าวออกมา แต่แทนที่จะได้ยินเสียงรองเท้าหนังหนักแน่นของสายธาร กลับเป็นเสียงหวานใสเอ่ยขึ้นมาแทน “ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณสายธารมาหรือยังคะ” มีนาสะดุ้งเบาๆรีบลืมตาขึ้นช้าๆ เธอเงยหน้ามองด้วยหัวใจเต้นแรง แต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับไม่ใช่สายธาร หากเป็นหญิงสาวแปลกหน้าในชุดเดรสสีดำรัดรูปสุดเซ็กซี่ ร่างบางในชุดนั้นสะกดทุกสายตาได้ตั้งแต่แรกเห็น ผิวขาวเนียนตัดกับผ้าสีดำ สัดส่วนโค้งเว้าชวนสะดุดตา แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันอย่างมีนาก็ยังเผลอคิดในใจ 'ทำไมถึงสวยขนาดนี้กันนะ' “อ๊ะ…เอ่อ…คือ…ท่านประธานยังไม่มาค่ะ คุณผู้หญิงนัดพบท่านประธานไว้ใช่ไหมคะ” มีนาพูดติดๆขัดๆ สายตายังเผลอมองซ้ำที่ชุดของอีกฝ่าย รู้สึกด้อยค่าตัวเองลงอย่างห้ามไม่ได้ หญิงสาวตรงหน้าส่งยิ้มบางๆให้ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ใช่ค่ะ ดิฉันมาจากบริษัทลิฟวิ่งมายด์กรุ๊ป วันนี้มีนัดคุยงานกับท่านประธานค่ะ” “อ๋อ…ที่โทรมานัดไว้เมื่อวันก่อนใช่ไหมคะ” มีนาพยายามตั้งสติ รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อทักทายอย่างเป็นทางการ “ใช่ค่ะ เอ่อ…ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณคือคุณมีนาใช่หรือเปล่าคะ” หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนหันมามองอย่างแปลกใจ “ใช่ค่ะๆ คุณคือคุณมิ้งใช่ไหมคะ” “ใช่ค่ะ ดิฉันชื่อมิ้งเป็นตัวแทนบริษัทที่นัดไว้ แต่ดูเหมือนว่ามิ้งจะมาเช้าไปหน่อยนะคะเนี่ย” เธอหัวเราะเบาๆพลางก้มมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลา 07:50 น. มีนายิ้มตอบอย่างเกรงใจ ทั้งที่ในใจกลับว้าวุ่นไม่หยุด เธออดคิดไม่ได้ว่าทำไมผู้หญิงคนนี้สวยและเซ็กซี่ขนาดนี้กันนะ หลายครั้งที่เธอแอบมองและชื่นชมอย่างอดไม่ได้ ช่างแตกต่างจากเธอโดยสิ้นเชิง “งั้นเดี๋ยวคุณมิ้งนั่งรอท่านประธานก่อนก็ได้ค่ะ อีกสักครู่ท่านก็คงมาแล้ว ปกติท่านไม่ค่อยมาสายอยู่แล้วค่ะ” มีนาก้าวออกมาจากโต๊ะทำงาน เอ่ยเสียงสุภาพพร้อมฝากมือไปที่โซฟาตัวใหญ่ที่อยู่อีกด้าน “ได้เลยค่ะ แต่ว่ามิ้งขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” หญิงสาวร่างบางในชุดดำแนบเนื้อส่งรอยยิ้มหวานมาให้ “ได้ค่ะ เอ่อ…คุณมิ้งเดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายนะคะ ห้องน้ำจะอยู่ด้านซ้ายมือเลยค่ะ” มีนาพยักหน้า พลางยกมือชี้บอกทางให้ “ขอบคุณค่ะ” มิ้งยิ้มขอบคุณ ก่อนจะเดินอ้อนแอ้นจากไปตามทางที่เลขาสาวบอกไว้ กลิ่นน้ำหอมแพงยังคงอวลอยู่ในอากาศ “สวยจัง…ขนาดแค่มาคุยงานยังแต่งตัวสวยขนาดนี้” มีนาพึมพำเบาๆ สายตาไล่มองตั้งแต่ชุดเดรสที่รัดสัดส่วนไปจนถึงรองเท้าส้นสูงหรู ก่อนก้มลงมามองชุดเชยๆของตัวเองที่เหมือนป้าแก่ เธอมีแค่ใบหน้าที่พอจะดูสะสวย แต่เมื่อเทียบกับความมั่นใจและความเซ็กซี่ของอีกฝ่ายแล้ว เธอรู้สึกด้อยค่าลงจนใจหาย แต่ความคิดนั้นต้องถูกพับเก็บเมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่า แฟ้มเอกสารสำคัญสำหรับดิวงานกับบริษัทลิฟวิ่งมายด์กรุ๊ป ยังอยู่บนตู้ชั้นบนสุด ที่เธอเป็นคนเก็บขึ้นไปเองเมื่อวันก่อน ตอนนั้นเธอใส่ส้นสูงจึงไม่ลำบาก แต่วันนี้เธอดันใส่รองเท้าเตี้ยติดพื้น “อืบ…อุ๊…อุ้ยสูงจัง…” มีนาเขย่งปลายเท้าสุดแรง ยกแขนเรียวยาวขึ้นไปคว้าแฟ้มแต่ก็ยังไม่ถึง เธอขมวดคิ้วหยัดตัวเขย่งสูงขึ้นอีกจนเกือบเสียหลัก แขนเล็กพยายามดึงขอบแฟ้มออกมาจากมุมตู้ แต่เพราะแรงไม่พอเอกสารขยับนิดเดียวแล้วก็หยุดนิ่ง ท่าทางของเธอตอนนี้ ทั้งบอบบางทั้งทุลักทุเลโดยไม่รู้เลยว่า เสียงฝีเท้าหนักแน่นของใครบางคนกำลังใกล้เข้ามา และสายตาคมคู่นั้นก็กำลังจับจ้องอยู่ที่เธอเพียงคนเดียว แต่เพียงไม่นาน มือใหญ่ของใครบางคนก็เอื้อมมาหยิบแฟ้มเอกสารลงมาอย่างง่ายดาย กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยแตะปลายจมูก ทำให้มีนารู้ได้ทันทีว่า คนด้านหลังคือท่านประธาน เธอรีบหันไปมองด้วยความตกใจ แต่กลับเจอเข้ากับแผ่นอกกว้างเต็มๆ ระยะห่างระหว่างกันแทบไม่มีเหลือ จมูกเล็กชิดแนบกับอกแกร่งของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม