“ท่านประธานคะ”
เสียงหวานของมีนาดังขึ้นแผ่วเบา แต่เร่งพอให้ชายหนุ่มที่ก้าวนำอยู่หันกลับมามอง
“หือ...ว่าไง”
สายธารเลิกคิ้วถามน้ำเสียงเรียบ
“เอ่อ เน็กไทของท่านประธานเบี้ยวค่ะ”
ดวงตากลมโตกวาดมองไปที่คอเสื้อสูท ก่อนมือเล็กเผลอยกขึ้นแตะคอเสื้อของตัวเองราวกับจะชี้ให้เขาเข้าใจ ความหมายที่เธอกำลังสื่อ
ชายหนุ่มเหลือบมองเน็กไทตัวเองแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยน้ำเสียงหงุดหงิดอย่างไรเหตุผล
“ก็ขยับให้ฉันสิจะยืนบื้อทำไมเล่า”
มีนาชะงักไปใจเต้นระส่ำยิ่งกว่าเดิม เธอไม่เคยทำแบบนั้นให้ผู้ชายคนไหนมาก่อน ถึงแม้ว่าเธอจะมีแฟนแต่ก็ไม่เคยได้อยู่ด้วยกัน เธอจึงไม่เคยได้นอนแลอะไรแบบนี้
"ค่ะ"
แต่เพราะไม่มีทางเลือกและนั่นเป็นคำสั่งของท่านประธาน เธอจึงค่อยๆยกมือขึ้นไปจัดเน็กไทให้เขาอย่างเบามือ กลิ่นกายและความอบอุ่นจากร่างสูงใหญ่ที่อยู่ใกล้เกินไป ทำให้เธอเผลอเงยหน้าสบตาคมเข้มของเขาโดยไม่ตั้งใจ
สายธารขมวดคิ้วทันที ความรู้สึกคุ้นเคยกับสายตาคู่นี้กระตุกวูบเข้ามาทันที พลางคิดในใจว่า 'เหมือนกับเคยเจอที่ไหนสักที่ ทำไมเขารู้สึกคุ้นกับสายตาของเธอขนาดนี้'
“เสร็จแล้วค่ะท่านประธาน”
เธอรีบลดมือกลับลงมา พร้อมก้มหน้าหลบสายตาแทบไม่ทัน
“อืม”
เขาพยักหน้าเพียงสั้นๆ ก่อนหมุนตัวเดินต่อไป ไม่แม้แต่จะเอ่ยคำขอบคุณ
หญิงสาวเม้มปากแน่น หันไปพึมพำกับตัวเอง
“ขอบคุณสักคำก็ไม่มีแถมยังว่าเรายืนบื้ออีก ผู้ชายอะไรปากจัดเป็นบ้า”
เธอรีบเดินตามหลังเขาไปอย่างเสียไม่ได้ เพราะหน้าที่ของเธอคือการเป็นเลขาของเขา
ทันทีที่ทั้งคู่ก้าวเข้าสู่ห้องประชุม สายตาหลายคู่ก็หันมามอง โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานหญิง ที่เฝ้ารอท่านประธานด้วยแววตาแพรวพราว
“แกดูสิเลขาของท่านประธานโคตรเฉิ่มเลย”
เสียงกระซิบกระซาบของตะวัน ดังขึ้นพร้อมสายตาที่มองตามมีนาอย่างเหยียดหยัน
“คนอื่นสวยๆมีตั้งเยอะไม่เลือก ทำไมถึงเลือกเอาผู้หญิงแบบนี้มาก็ไม่รู้ ทำงานก็ไม่ได้เรื่องแถมยังไม่มีรสนิยมอีกด้วย เห็นทีไรก็ขาดหูขาดตาไปหมด”
“นั่นสิแกเฉิ่มเบ๊อะจะตายห่า ดูสิเฉิ่มเป็นบ้าเลย สวยก็ไม่สวย แต่กลับได้ใกล้ชิดท่านประธานทุกวัน พูดแล้วก็น่าหมั่นไส้ชะมัด”
วาดเสริมตามทันที
ทั้งคู่หัวเราะคิกคักเบาๆ แต่แววตาที่มองตามมีนานั้นเต็มไปด้วยไฟริษยา
“ขำอะไรกันนักหนาคิกคักจนน่ารำคาญ เดี๋ยวท่านประธานเดินมาได้ยินเข้าก็โดนดุกันหรอก”
โอบเอ่ยขึ้นพลางหันขวับไปมองเพื่อนสองสาว ที่กำลังกระซิบกระซาบหัวเราะ เหมือนพวกเด็กที่กำลังหยอกล้อกัน
ตะวันยักไหล่พร้อมยกคางขึ้นเล็กน้อย
“ก็นินทาแฟนแกอยู่น่ะสิ ยายมีนานั่นไงเห็นมั้ย เดินตามท่านประธานเข้ามาโน่นแล้ว”
โอบชะงักไปเสี้ยววินาที ก่อนหันไปมองตามสายตาเธออย่างไม่ตั้งใจ แล้วรีบสะบัดหน้าหนีทันทีด้วยความหงุดหงิด
“อย่ามาใส่ความยัดเยี่ยดให้กันมั่วๆนะโว้ย ผู้หญิงเฉิ่มๆแบบนั้นใครจะเอาลงวะ ฉันไม่มีวันเอามาเป็นแฟนเด็ดขาด ดูสภาพสิแต่งตัวเชยกว่านางเอกหนังสือธรรมะอีก จะบอกว่าอาบน้ำทุกวันฉันยังไม่เชื่อเลย ผู้หญิงที่คู่ควรกับฉันต้องสวยดูดี รวย มีหน้ามีตาในสังคม ไม่ใช่ยัยเฉิ่มเชยไร้ราศีแบบนั้น”
เขาสะบัดไหล่แรงๆ ราวกับแค่คิดภาพก็ขนลุกขยะแขยง เมื่อเพื่อนทั้งสองพยายามยัดเยียดมีนาให้มาเป็นแฟนของเขา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่พอใจมากที่สุด อย่าว่าแต่เป็นแฟนเลยแค่เดินผ่านเขายังไม่อยากจะมองเธอด้วยซ้ำ
“โธ่นายก็พูดไปนั่น ยัยนั่นก็คงจะอาบอยู่นั่นแหละ ถ้ายายนั่นไม่อาบน้ำจริงๆ ป่านนี้กลิ่นคงตลบอบอวลไปทั้วห้องของท่านประธานแล้ว หึหึหึ!”
วาดหัวเราะหึๆพลางยกมือขึ้นมาปิดปาก แต่แววตาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
เสียงหัวเราะคิกคักดังก้องในห้อง ทำเอาพนักงานบางคนแอบเหลือบตามองอย่างไม่ชอบใจเท่าไรนัก แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร เพราะรู้ดีว่ากลุ่มนี้ขึ้นชื่อเรื่องปากจัดและชอบเหยียดคนอื่น
“ขำอะไรกันนักหนา ไม่เห็นหรือไงว่าท่านประธานเข้ามาแล้ว ยังมีหน้ามานั่งคุยสนุกปากอยู่กันอีก”
เสียงของแพน หัวหน้าฝ่ายขนส่งดังขึ้นในห้องประชุม แววตาคมกริบกวาดมองคนทั้งสามที่ดูเหมือนจะไม่รู้จักกาละเทศะ
“คะ…ค่ะคุณแพน”
วาดรีบก้มหน้าลงแทบไม่กล้าเงย ส่วนตะวันกับโอบก็รีบหุบปากเงียบเป็นเป่าสาก
บรรยากาศในห้องที่ยังวุ่นวายเมื่อครู่ กลับเงียบกริบจนแทบไม่มีใครกล้าขยับ
“วันนี้เป็นการประชุมภายในเท่านั้น”
เสียงเข้มที่เต็มไปด้วยอำนาจเอ่ยขึ้น ทันทีที่เขาวางแฟ้มลงบนโต๊ะ
“ฉันต้องการคำตอบเรื่องการส่งออกสินค้าที่มีปัญหา ทำไมสินค้าถึงถูกตีกลับคุณแพน”
สายตาคมตวัดไปที่หัวหน้าฝ่ายขนส่งทันที มือใหญ่ยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อส่งสัญญาณให้เลขาสาวยื่นเอกสารเพิ่มเติมเข้ามา มีนา ที่นั่งเคียงข้างรีบลุกขึ้น เธอยื่นแฟ้มไปที่มือของเขาอย่างรู้หน้าที่โดยไม่ต้องให้สั่ง แม้ปลายนิ้วจะสั่นเล็กน้อยเพราะเกรงว่าสายธารจะจำเธอได้ แต่เขากลับรับแฟ้มไปอย่างไม่ได้ใส่ใจ
แพนสูดลมหายใจลึกหนึ่งครั้ง ก่อนอธิบายด้วยน้ำเสียงชัดเจน
“น่าจะเกิดจากความผิดพลาดทางฝั่งปลายทางค่ะท่านประธาน ความจริงเราได้เซ็นสัญญาตกลงกับคุณเฟ่ยไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ แต่จู่ๆฝั่งนั้นกลับยกเลิกสินค้ากะทันหัน ในขณะที่สินค้าของเราก็ถูกส่งไปเกินครึ่งทางแล้ว ทำให้ไม่สามารถตีกลับมาได้ จึงเกิดการเข้าใจผิด ระหว่างผู้ขนส่งกับปลายทางค่ะท่านประธาน”
เธอหยุดเล็กน้อย ก่อนสบตากับสายธารตรงๆ
“แต่ดิฉันได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้วค่ะ ตอนนี้การส่งออกล็อตถัดไปจะไม่เกิดปัญหาในลักษณะนี้อีก”
เสียงเงียบกริบเข้าปกคลุมทั้งห้อง ทุกคนจับตามองร่างสูงใหญ่ที่นั่งพิงเก้าอี้อย่างไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ราวกับกำลังพิจารณาทุกคำพูดว่าจะเชื่อหรือไม่
สายธารนั่งนิ่งหลังพิงเก้าอี้ หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย ร่างสูงไม่พูดไม่จาเป็นเวลานาน จนบรรยากาศในห้องประชุมอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
“งั้นแปลว่า”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยช้าๆขึ้น พอจะทำให้หลายคนสะดุ้ง
“ฝ่ายขนส่งของเราปล่อยให้เรื่องบานปลาย จนถึงขั้นให้ลูกค้าโวยวายเองงั้นสิ”
น้ำเสียงเย็นจัดดุจน้ำแข็งเกาะกุมไปทั้งห้อง ทุกสายตาหลุบต่ำลงโดยอัตโนมัติ
“คะ…ค่ะท่านประธาน”
แพนตอบรับเสียงเบา แม้จะมั่นใจว่าตนแก้ปัญหาแล้ว แต่เธอก็รู้ดีว่าเขาไม่เคยปล่อยเรื่องแบบนี้ให้ผ่านไปง่ายๆ
“ผมไม่ต้องการคำแก้ตัว”
สายธารกดเสียงต่ำลงกว่าเดิม
“ผมต้องการความรับผิดชอบ เพราะสินค้าที่ส่งไปมันคือเงินที่มหาศาล”
“ค่ะท่านประธาน ดิฉันจะรับผิดชอบเรื่องนี้เองค่ะ”
แพนก้มหัวลงอย่างคิดหนัก
สายธารปรายตามองทุกคนในห้องช้าๆ ก่อนที่สายตาคมเข้มจะหยุดลงที่มีนา ซึ่งกำลังนั่งตัวเกร็งอยู่ข้างๆ สายตานั้นเหมือนกดดันอย่างจงใจ
“เธอมีความคิดเห็นว่ายังไงมีนา”
เสียงเข้มเอ่ยเรียกชื่อเธอ ทำให้เลขาสาวสะดุ้งโหยง รีบเงยหน้าขึ้นสบตาเขาโดยไม่ทันตั้งตัว หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามจนแทบไม่เป็นจังหวะ เดาไม่ออกเลยว่าตอนนี้อารมณ์ของเขาเป็นยังไง
“คะ…คะท่านประธาน หมายถึงหนูเหรอคะ”
เสียงสั่นเล็กน้อย แต่ก็ยังพยายามเก็บอาการ
“ใช่”
เขายกมือเคาะโต๊ะเบาๆ สายตาไม่ละจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว
“ในถานะที่เธอเป็นเลขา เธอต้องรู้ทุกเรื่องไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ฉันจึงอยากได้ความเห็นจากเธอ ว่าเราควรจัดการยังไงต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”
ทุกสายตาหันมาจับจ้องที่มีนาในทันที
มีนากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ ดวงตาคู่สวยกะพริบถี่เพื่อตั้งสติ เธอรู้ว่าถ้าตอบไม่ถูกใจแม้แต่นิดเดียว สายธารคงตะคอกเสียงดุใส่เธอแน่ๆ และงานนี้มันก็ไม่ใช่งานของเธอ เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องหันมาถามความคิดเห็นจากเธอด้วย
“หนูคิดว่าฝ่ายเราควรตรวจสอบข้อตกลงที่เซ็นไว้กับลูกค้าอย่างละเอียด และคอนเฟิร์มกับลูกค้าทุกครั้งก่อนส่งสินค้าออกค่ะ เพื่อป้องกันการยกเลิกกระทันหันที่อาจเกิดขึ้นได้”
เสียงสั่นในตอนแรกค่อยๆมีความมั่นใจมากขึ้น เมื่อสายตาของเธอกวาดมองไปยังพนักงานคนอื่นๆ พี่กำลังตั้งใจฟังในสิ่งที่เธอพูด
สายธารเลิกคิ้วเล็กน้อยเหมือนสนใจ เธอรีบพูดต่อทันทีก่อนจะถูกขัด
“และหนูมองว่าเราควรมีฝ่ายสื่อสารกับลูกค้าโดยตรงด้วยค่ะ ไม่ใช่ให้แค่ขนส่งเป็นคนคุยเอง เพราะบางทีคนกลางอาจเข้าใจไม่ตรงกันค่ะ ถ้าเราแก้ปัญหานี้ได้ ลูกค้าก็จะไม่รู้สึกว่าเราละเลยเขาอีกค่ะ”
บรรยากาศเงียบกริบ ทุกคนในห้องหันมามองเลขาสาวที่ปกติถูกมองว่าเฉิ่มเชย แต่ตอนนี้กลับพูดออกมาอย่างมีเหตุผลจนหลายคนอึ้ง
สายธารเอนตัวไปด้านหลัง พลางใช้ปลายนิ้วเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ ดวงตาคมกริบจ้องเธอไม่วาง ริมฝีปากหนาโค้งขึ้นน้อยๆ ราวกับกำลังสนใจในสิ่งที่เธอพูด
"อืม ฟังดูมีเหตุผลดี งั้นคุณแพนรบกวนคุณจัดหาพนักงานที่คอยดูแลเรื่องนี้ด้วย"
"ได้ค่ะท่านประธาน"
แพนรับคำพลางยิ้มเล็กๆที่มุมปาก ก่อนเหลือบตาขึ้นไปมองมีนาด้วยความชื่นชม
การประชุมกินเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง แต่ก็เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พนักงานแต่ละฝ่ายต่างช่วยกันเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา และสายธารเองก็นั่งฟังอย่างเงียบขรึม พลางเอ่ยประโยคสั้นๆเพื่อสรุปทุกประเด็นให้ชัดเจน