บนชั้นสองของโรงเตี๊ยม บุรุษในอาภรณ์สีดำเดินลายด้วยดิ้นทองคำปักเต็มผืนผ้าลุกยืนขึ้นจากเก้าอี้ ร่างสูงใหญ่แกร่งกำยำจับจ้องไปยังร้านค้าของนาง คิ้วหนาเข้มเฉียงขมวดมุ่นจนเป็นเส้นตรง ดวงตาดุดันสีมืดมิดดุจก้นบึ้งมหาสมุทร จมูกโด่งคม ใบหน้าหล่อเหลาหาผู้ใดเปรียบ กลิ่นอายสูงส่งแต่แฝงเร้นการฆ่าล้างแผ่ออกจากกายดังพญาปีศาจจำแลง
เขามา ‘รอ’ นาง หลายวันแล้วที่นางมิได้ย่างกรายมาที่ร้านค้า
“เหตุใดนางจึงไม่มาที่ร้านค้า มีเหตุอันใด”
“ข้าน้อยสืบทราบมาว่า ตำหนักจวิ้นอ๋องวุ่นวายขุดหลุมดินมากมายขอรับ”
“แล้วเรื่องที่ข้าให้ไปสืบความ”
“นางเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของต้าซือถูหลุนหยงเยี่ยน กับฮูหยินเอกขอรับ นิสัยของนางอ่อนหวานและเชี่ยวชาญศาสตร์ของสตรีชั้นสูงทุกประเภท นับว่าเป็นหญิงงามพร้อมไม่มีด่างพร้อย”
“งั้นรึ” เขากระตุกยิ้ม
พลันนึกไปถึงภาพนางกระโดดดีดปลายเท้าตีลังกาลงจากหลังม้าตอนที่เขาดีดหินใส่ขาม้าตัวนั้น ภาพนางแก้มเปื้อนสีวาดภาพบนผนัง จัดแจงร้านราวกับแรงงานบ่าวไพร่ ภาพนางหยิบน่องเป็ดขึ้นมากัดกิน ช่างขัดกับที่เงาร่างรายงานเสียจริง
“นางเพิ่งอภิเษกให้จวิ้นอ๋องได้เพียงไม่นานก็จมน้ำในสระน้ำท้ายตำหนัก เห็นว่านางฆ่าตัวตายขอรับ”
ร่างสูงยืนนิ่ง ใช้ความคิดบางอย่าง เหตุใดนางจึงฆ่าตัวตาย หรือนางมิได้มีใจรักต่อจวิ้นอ๋องผู้นั้น หรือเหตุผลอื่นใดก็ตามล้วนรบกวนจิตใจเขายิ่งนัก
“ตำหนักจวิ้นอ๋องขุดหลุมดินทำไมกัน”
“เห็นว่าจะสร้างสุขาในตำหนัก กับสุขาของบ่าวไพร่ขอรับ”
“ข้าจะไปดูเสียหน่อย”
ร่างเงาได้แต่ยืนนิ่ง ไม่เข้าใจผู้เป็นนายว่าเหตุใดต้องสนใจสตรีของผู้อื่นมากมายเพียงนี้ แต่ก็มิกล้าคัดค้านอันใด
“เตรียมม้าธรรมดากับเสื้อผ้าให้ข้า”
“ขอรับ”
จวิ้นอ๋องเหยียนจื่อหยารีบตื่นแต่เช้ามืดก่อนยามเหม่า วันนี้เขาจะพลาดไม่ได้เลยทีเดียวกับโอกาสเข้าหออันหอมหวาน
“ลี่ลี่ เข้ามาหาข้าหน่อย” เรียกสาวใช้ประจำตำหนักที่ดูแลเขามานานถึงห้าปีเข้ามาปรนนิบัติ
“เพคะ ท่านประสงค์สิ่งใดรึเพคะ” ลี่ลี่กล่าวสีหน้าเรียบเฉย
“ช่วยข้าอาบน้ำ ให้เรือนกาย ผมข้า หอมที่สุด แล้วตัดผมข้าสั้นขึ้นสองชุ่น โกนหนวดเคราข้าให้หมดจด”
“เพคะ” ลี่ลี่กล่าวหน้าเรียบเฉย ประกายตาวูบไหวแวบผ่าน แต่มิได้แสดงสีหน้าอันใดออกมา
ลี่ลี่เดินตามจวิ้นอ๋องไปยังอ่างอาบน้ำ ร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่ามิได้อายฟ้าดิน ลงแช่น้ำใส่น้ำมันหอมกรุ่น มีดอกไม้หอมลอยอยู่ด้านบน นางสระผมให้เขา ช่วยเขาขัดถูชำระกายแทบทุกซอกทุกมุม ลี่ลี่ปรนนิบัติจวิ้นอ๋องอย่างใกล้ชิดเป็นสาวใช้ประจำตำหนักหรือสาวใช้คู่ใจของเขาก็ว่าได้
หลายครั้งที่มีเรื่องซุบซิบนินทาในหมู่บ่าวไพร่ว่าลี่ลี่เป็นสาวใช้อุ่นเตียงของจวิ้นอ๋อง เขาก็หาได้ใส่ใจไม่ เพราะเรื่องเหล่านั้นมิได้เป็นความจริง นางเพียงรู้ใจปรนนิบัติดูแลเขาก็เท่านั้นหาได้มีอันใดเกินเลยเรื่องชายหญิง หรือหากจะเป็นเรื่องจริงก็ไม่เห็นจะแปลกอันใดของบุรุษสูงศักดิ์ในยุคโบราณ
เมื่ออาบน้ำเสร็จเขาพันผ้าลวกๆ ขึ้นจากอ่างน้ำใบใหญ่ร่างกายหอมกรุ่น เขานั่งหน้ากระจก ลี่ลี่เข้ามาหวีผมให้เขานำกรรไกรคมกริบมาช่วยตัดผมให้สั้นขึ้น 2 ชุ่น นำมีดคมกริบบางเฉียบมาโกนหนวดเคราให้เขา ภาพนั้นราวกับคู่สามีภรรยา ดังภาพภรรยากำลังโกนหนวดเคราให้สามีที่รัก นางยิ้มอ่อนบาง เขินอายเล็กน้อย
“ขอบใจเจ้ามาก ออกไปได้ ข้าจะแต่งกาย”
“เพคะ”
“วันนี้ข้าดีใจยิ่งนัก ชายารักของข้าชวนข้าเข้าหอ” เขากล่าวกับลี่ลี่ เสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ยินดีกับจวิ้นอ๋องด้วยเพคะ” นางตอบด้วยเสียงเรียบเฉย นางยังยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น นิ่งงันสักพัก ก้มลงเก็บกวาดเศษผมที่ตัด ใช้ผ้าเช็ดถูให้สะอาด นางเก็บผมทุกเส้นของจวิ้นอ๋องกำไว้ในฝ่ามือ แล้วเดินออกไป แต่หันหลังมามองเขาแวบหนึ่ง
เหยียนจื่อหยายืนอยู่หน้ากระจกกำลังแต่งกายด้วยชุดคลุมสีแดงสวมทับกางเกงแพรบางเบา ถูน้ำมันหอมกรุ่นไปตามกล้ามเนื้อแกร่งนั้นเบาๆ มีความมั่นใจระดับเต็มสิบ ว่าเขานั้นหล่อเหลาเกินผู้ใดในใต้หล้า
ร่างกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้าม แหวกสาบเสื้อออกจนเห็นแผงอก นอนรอบนเตียงอย่างสบายอารมณ์ คิดเรื่อยเปื่อยถึงนางอันเป็นที่รัก
ร่างบางพร้อมสาวใช้สองคนเดินเข้ามายังตำหนัก สาวใช้ผู้หนึ่งถือถาดใส่เสื้อผ้า อีกผู้หนึ่งถือถาดใส่รองเท้า มีรองเท้ารูปทรงประหลาดที่สีเหมือนกัน ตัดจากหนังชนิดเดียวกันสองคู่อยู่บนถาด ทั้งสองนางถือถาดใส่สิ่งของตามพระชายาเข้ามายังห้องนอนตำหนักจวิ้นอ๋อง
เขาหรี่ตามองนางด้วยสายตาคมกริบ นางใส่ชุดคลุมโปร่งสีไข่มุก ด้านในมองไม่ชัดเท่าใดนักว่าใส่สิ่งใด เห็นได้เพียงต้นขาลางๆ กับท่อนแขนกลมกลึง คงเป็นชุดนอนแบบเดียวกับที่เขาแอบย่องไปเห็น ผมยาวดำขลับปล่อยสยาย นางเดินเข้ามากลิ่นกายหอมกรุ่น คงเตรียมกายมาให้เขาเชยชม
“คารวะจวิ้นอ๋องเพคะ” นางยิ้มเอียงอาย
“อย่าได้มากพิธี จิ้งเอ๋อร์ มาให้พี่กอดที”
“พวกเจ้าออกไปก่อน” นางโบกมือให้สาวใช้ออกไปจากห้องนอน
หลุนเหอจิ้งยืนสำรวจสวามีของตนที่นอนแทบจะเปลือยกายบนเตียง เขาใส่ชุดสีแดงเลือดปักลายงดงาม ด้านล่างสวมเพียงกางเกงแพรบางเบา (มาก) สีเดียวกัน ไม่ได้คาดผ้าคาดเอว กำลังยั่วยวนนางอยู่ นางมองทะลุผ่านกางเกงก็เห็นเงาจรวดยักษ์อย่างกับกระสวยอวกาศองค์การ NASA ใต้กางเกงแพรตัวนั้น
‘งานดี อืม ใหญ่ เป็นไซส์ที่ชอบ’ ถ้าวันนี้ไม่มีงานท่วมหัวนะ นางคงจะจับเขากิน รีดน้ำปลิงทะเล จนจวิ้นอ๋องเดินไม่ได้ทีเดียว
‘อ่อยเก่งอยู่นะ’ นางคิดแต่ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ เพราะชาติก่อนนางฟาดผู้ชายหล่อๆ ตัวท็อปมาทุกวงการแล้ว แค่ถูกผู้ชายอ่อยแค่นี้นับเป็นกระไรได้
เขากึ่งนั่งนอนชันเข่าข้างหนึ่ง เผยร่างกำยำ ทำท่าราวบุรุษชายโลมอยู่บนเตียง กล่าวเสียงอ่อนโยน แววตาวาววับ
“มาให้พี่กอด พี่คิดถึงเจ้านัก พี่รอคอยวันนี้มาเนิ่นนานเสียเหลือเกิน”
“ท่านพี่วันนี้ท่านต้องใช้แรง ท่านต้องไปคุมแรงงานให้ข้า ติดตั้งโถสะดวกในตำหนักและเรือนพักอื่นๆ” เมื่ออยู่สองต่อสอง นางไม่เคยใช้คำราชาศัพท์อีกเลย
ดังสายฟ้าฟาดใส่ร่าง เขาทั้งผิดหวังอย่างรุนแรง ทั้งน้อยใจที่นางไม่ได้ตื่นเต้นอันใดกับความงามของเขา สายตาวาววับมองนางอย่างราชสีห์มองกวางน้อย
“เจ้ามิได้หมายความว่าให้พี่ใช้แรงเข้าหอกับเจ้าหรอกรึ”
“ท่านพี่คิดไปเอง ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น รีบลุกมาแต่งกาย ใส่รองเท้าที่ข้าเตรียมมาให้ บ่าวไพร่รออยู่ด้านนอกแล้วเจ้าค่ะ”
“ได้ แต่หลังจากพี่เสร็จสิ้นธุระกับเจ้าเสียก่อน” เขาพูดพลางหยัดกายขึ้นจากเตียง เดินเข้าไปหานาง
เขาจูบลงบนปากบาง สอดลิ้นเข้ารุกรานด้วยอารมณ์ปรารถนาแรงกล้าปนความผิดหวัง ปากหนาบดจูบลงไปอย่างดุดันจนนางรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ร่างแกร่งกอดนาง ดังงูอนาคอนด้ารัดเหยื่อ มือหนาลูบไล้ไปทั่วเรือนกายนาง บีบที่สะโพกกลมกลึงเบาๆ คิดในใจว่าอย่าหวังเลยว่าจะรอดจากเงื้อมมือเขาไปได้
หลุนเหอจิ้งสะบัดกายอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด นางเริ่มดิ้นแรงขึ้นเรื่อยๆ พลางผลักอกกำยำให้ออกห่าง
“ไม่เอา ท่านพี่ อย่าเจ้าค่ะ วันนี้เรามีงานต้องทำ”
“เจ้าไม่เอา แต่ข้าเอา”
“อย่าเจ้าค่ะ อย่าทำข้าเลย”
“สายไปเสียแล้ว เจ้าเข้ามาในห้องนอนข้า ในตำหนักข้าเองจะโทษผู้ใด” เขากล่าวเสียงทุ้มต่ำเหี้ยมเกรียม
หมดเวลาของสุภาพบุรุษนักรบผู้อ่อนโยน แม่ทัพ ‘ใหญ่’ ผู้นี้จะทำให้เจ้าประทับใจจนลืมรสรักไม่ลงเลยทีเดียว เหยียนจื่อหยาผู้ถูกปีศาจราคะเข้าครอบงำ เอื้อมมือหนากระชากร่างบางลงบนเตียงแล้วรีบโถมกายตามไปทับอย่างรวดเร็ว....
เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก เจ้ากวางน้อย....ฮึๆๆๆ