หลุนเหอจิ้งตื่นแต่ยามเหม่า สั่งงานบ่าวชายที่เคยเทถังอาจมให้มาช่วยตกแต่งสุขาด้านข้าง
หลังจากที่นางสร้างสุขาขึ้น บ่าวชายเหล่านี้ก็ไม่ต้องเทถังอาจมอีกต่อไป เท่ากับนางได้แรงงานเพิ่มมาอีกยี่สิบคนแบบมีประโยชน์กว่าหาบถังอาจมไปเททุกเช้าค่ำ
บ่าวชายมีหน้าที่อื่นคือไปทำสวนผักและเลี้ยงสัตว์บริเวณป่าไผ่ด้านหลังตำหนัก เป็นเหมือนฟาร์มซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตำหนักพอสมควร มีวัวหลายสิบตัวในทุ่งหญ้า มีม้า หมู แพะ แกะ เป็ด ไก่ไข่ จำนวนมาก ปลูกผักเป็นแนวยาว ล้อมรั้วอย่างดี จัดแปลงเป็นสัดส่วน ใช้ประโยชน์จากดินที่นางขุดออกมาทำห้องสุขาไปถมเป็นแปลง ใช้ประโยชน์จากคนงานให้มีคุณค่า ต่อไปบ่าวไพร่ สาวใช้ องครักษ์จะได้มีอาหารดี ๆ กินไม่ขาด ประหยัดรายจ่ายให้ตำหนักได้เป็นอย่างดี
รอจนกว่าร้านของนางจะเปิดทำการ คนงานทั้งหมดนางจะให้ไปคุมงานเพราะทุกคนรู้วิธีการติดตั้งโถสะดวก ส่วนงานดูแลผักและเลี้ยงสัตว์ นางจะหาผู้อื่นมาทำแทน
สุขาด้านหลังสร้างขึ้นราวยี่สิบห้องห้องเพื่อให้บ่าวไพร่ได้ใช้งาน ด้านข้างตำหนักมีราวๆ ห้าห้องเพื่อไว้ใช้รับรองแขก ซึ่งเป็นแบบที่หรูหรากว่ามาก
“พวกเจ้านำต้นไม้และกระจกเงาเข้าไปตกแต่ง”
“ทาสีขาว และสีเทาอ่อน ไล่เฉดสีเทาเข้ม”
“ทาสีอ่อน สุขาจะไม่เปื้อนง่ายรึขอรับ”
“หากสุขาสกปรก พวกเจ้าจะได้เห็นชัด ทำความสะอาดได้ง่าย เห็นว่าตรงที่ใดไม่สะอาด” นางเอ่ยเรียบๆ
ราวสามชั่วยามการตกแต่งสุขาก็ได้แล้วเสร็จ สุขาสำหรับรับรองแขกจำนวนห้าห้องได้ถูกจัดตกแต่งอย่างงดงาม มีกระจกลวดลายวิจิตร กระดาษชำระที่นางให้บ่าวชายช่วยกันทำขึ้นจากต้นปอสา โถใส่น้ำสำหรับราดสุขาสีขาวเงาแวววาว มีขันน้ำทำจากไม้แกะสลักลวดลายเดียวกับกระจกเงา และถังแกะสลักสำหรับทิ้งกระดาษชำระที่ใช้แล้ว
“เหตุใดพระชายาจึงต้องตกแต่งสุขาให้งดงามเพียงนี้ขอรับ” พ่อบ้านซึ่งมาช่วยควบคุมดูแลจัดตกแต่ง เอ่ยถามขึ้น
“ข้าจะจัดงานใหญ่”
“งานอันใดขอรับ”
“งานรับขวัญข้าเอง ข้าฟื้นจากความตายทั้งที จะไม่จัดงานรับขวัญได้อย่างไร” หลุนเหอจิ้งกล่าวถึงงานรับขวัญตนเอง
พ่อบ้านได้แต่ประหลาดใจอีกครา แทบไม่มีพระชายาตำหนักใด หญิงสูงศักดิ์คนไหน หรือแม้แต่คุณหนูผู้ดี อยากเป็นเป้าสายตาของผู้คน ส่วนใหญ่จะเก็บตัวเงียบดั่งผ้าพับไว้อยู่ในจวน หากแต่งการแต่งงานออกเรือนก็มักอยู่ดูแลบ้านเรือนเงียบๆ ตามหน้าที่ มิได้มีผู้ใดอยากออกงานสังคมพบปะบุรุษอื่นให้เป็นที่ครหา
“ตราสัญลักษณ์ตำหนักจวิ้นอ๋องอยู่ที่ใด”
“อยู่ในห้องทรงอักษรของจวิ้นอ๋องขอรับ”
นางเดินไปหยิบตราสัญลักษณ์รูปกิเลนเพลิง ขนาดเหมาะมือ คือตราสัญลักษณ์สำหรับประทับตราสาส์น หรือจดหมายต่างๆ ยามที่ต้องส่งออกจากตำหนักจวิ้นอ๋อง
“คงต้องขออนุญาตจวิ้นอ๋องก่อนขอรับ”
“ไม่จำเป็น ข้าขออนุญาตจวิ้นอ๋องดูแลบ่าวไพร่ รวมถึงตำหนักทั้งหมด ต่อไปอำนาจสิทธิ์ขาดการดูแลตำหนักเป็นของข้า” การใช้นมคู่สวยขออนุญาตแล้ว ถือว่าเป็นสิทธิ์ขาด
ร่างงดงามเดินไปเปิดคลังสมบัติที่มีประตูถึงสามชั้น เป็นประตูเหล็กกล้าหนาหนักเหมือนห้องเซฟ นางไขด้วยกุญแจห้องสมบัติที่นางใช้อกอวบอิ่มหลอกล่อเอามาจากจวิ้นอ๋อง
นางและพ่อบ้านหม่าซือเถาเดินเข้าไปสำรวจในคลังสมบัติคร่าวๆ พ่อบ้านเองก็ไม่เคยได้เข้ามา ภายในมีสมบัติมากมาย เป็นก้อนเงิน ก้อนทอง อยู่หลายสิบหีบ ตั๋วเงินอยู่ในหีบใบใหญ่ ข้าวของแปลกๆ ที่แม่ทัพเหยียนจื่อหยาตีเมืองมาได้ก็มักจะเก็บเอามาเป็นที่ระลึก อัญมณีอีกจำนวนหนึ่งอยู่ในหีบขนาดใหญ่หลายใบ มีผ้าแพรพรรณที่ทำจากดิ้นเงิน และดิ้นทองคำ ไหมงดงามอีกหลายสิบพับ
แต่ที่สะดุดตานางที่สุดคือ 'มงกุฏขนนกกระเต็นสีฟ้า' มีทองคำสลักลวดลายหงส์โดยรอบ ประดับด้วยปะการังแดงและหินสีฟ้าเล่นแสงไฟหรือโอปอล์ไฟ ซึ่งมีราคาสูงลิบ
เมื่อมองมงกุฏอันนั้นความทรงจำของหลุนเหอจิ้งคนเก่า หลั่งไหลเข้ามาทันทีจนนางปวดหัวไปหมด
มันเป็นมงกุฏที่นางใส่ตอนขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว 'เป็นภาพนางยกมงกุฏขึ้นสวม' ในภาพความทรงจำมี มารดาทั้งสาม มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งอยู่ในความทรงจำซึ่งคือท่านยายของนาง และสาวใช้ยืนอยู่ในห้องสามสี่คน
นางสวมใส่มงกุฏขนนกอันงดงามที่จวนของบิดานางก่อนที่จะขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวมาที่ตำหนักอ๋อง
นางก็ไม่รู้ว่าความทรงจำนี้มันเกี่ยวอันใดกับการที่นางจะเข้ามาเอาสมบัติของสวามีไปใช้ มันคงต้องมีความทรงจำพิเศษเกี่ยวกับมงกุฏ
“เอาก้อนเงิน ก้อนทองออกไปให้ข้าอย่างละสิบหีบ”
“ขอรับ” พ่อบ้านถึงกับเหงื่อไหลซึม พระชายาใช้เงินใช้เบี้ย อีกไม่นานคลังสมบัติคงว่างเปล่า
ณ เรือนอวี้ฮวา
หลุนเหอจิ้งวางแผนงานอยู่เงียบ ๆ คนเดียว มีเพียงสาวใช้ชื่อเสวี่ยฟาง กับเสี่ยวหยุนที่ไว้ใจได้มากที่สุดและติดตามรับใช้นางมาหลายปีอยู่ในห้อง
นางร่างแบบการวางโต๊ะ การจัดงานเลี้ยงรับขวัญตัวเองอย่างขะมักเขม้น โต๊ะถูกวาดเป็นแนวยาว จัดให้แขกนั่งโต๊ะละสิบคน ด้านหน้าเป็นโต๊ะสำหรับเจ้าภาพ ยกพื้นสูงขึ้นกว่าโต๊ะแขกผู้ร่วมงานเล็กน้อย
นางวาดแบบ รายละเอียดต่างๆ รวมถึงสั่งทำถ้วยจานใหม่ทั้งหมดเป็นเซทตามจำนวนแขกที่นางจะเชิญทั้งหมดประมาณหกสิบถึงเจ็ดสิบคน
ผ้าคลุมเก้าอี้ ผ้าเช็ดปาก ชุดจานชาม ตีตราสัญลักษณ์ของตำหนักจวิ้นอ๋องทั้งหมด และนางสั่งให้นำก้อนเงินไปตีขึ้นรูปเป็นช้อนส้อมและมีด
“เสวี่ยฟาง เสี่ยวหยุน เจ้าพาข้าออกไปร้านตัดผ้า และไปที่ร้านเครื่องเงิน ข้าจะสั่งทำช้อนเงิน ส้อมเงิน และมีดสำหรับงานเลี้ยง”
“เพคะ” สาวใช้ถึงกับเหงื่อตก ที่ใช้ก้อนเงินทำช้อนประหลาดราคาแพงลิบขนาดนั้น
“ข้าอยากไปร้านตีเหล็ก บอกพ่อบ้านเอาหีบทองขนาดกลางขึ้นรถม้าให้ข้า ให้องครักษ์มาอารักขาข้าสิบคน”
“บอกหัวหน้าพ่อครัว และคนครัวมาพบข้า” นางสั่งอย่างรวดเร็ว
ไม่นานพ่อครัวและคนครัวก็มาพบนาง นางบอกวิธีการทำอาหารให้เสิร์ฟแต่ละคนเป็นจานแยกสำรับ อาหารแต่ละอย่างมีเพียงหยิบมือ ไม่ได้เหมือนโต๊ะจีนที่วางอาหารมากมายราวเลี้ยงสุกร อาหารที่พระชายาสั่งให้ทำมีห้าชนิดและชนิดสุดท้ายเป็นของหวาน
“ข้าจะสอนพวกเจ้าทำอาหาร และเครื่องคาวหวาน”
“ขอรับ” คนครัวล้วนประหลาดในกับส่วนผสมและแบบอาหารต่างๆ ที่นางวาดขึ้นคร่าวๆ
นางดูแบบวาดของตนเอง ซึ่งรูปแบบการจัดงานนั้นไม่เหมือนผู้ใดในแคว้นฝู รูปแบบการวางโต๊ะเก้าอี้และส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ นางวางแผนไว้เป็นอย่างดี
ร่างบางระหงนำกระดาษออกมา ให้สาวใช้ตัดเป็นแผ่นเท่ากันทั้งหมด เขียนสาส์นตัวอย่างให้สาวใช้ดู เพื่อให้คัดลอกข้อความในสาส์นให้เหมือนกันทุกแผ่นด้วยลายมืออันงดงาม
‘ในนามของเหยียนจื่อหยา ผู้เป็นจวิ้นอ๋องและแม่ทัพแห่งแคว้นฝู ขอเชิญผู้นำตระกูลที่ได้รับสาส์นนี้ มาร่วมงานเลี้ยงรับขวัญหลุนเหอจิ้งชายาผู้เป็นดวงใจแห่งข้า หากทุกท่านยังเห็นแก่ไมตรี ยังต้องการสานต่อความสัมพันธ์อันดีกับราชวงศ์เหยียน ทุกท่านควรมาร่วมงาน’
นางลงวันที่ เวลา พร้อมชื่อจวิ้นอ๋องเสร็จสรรพ ประทับตราตำหนักทั้งในสาส์น และบนซอง หากอ่านดีๆ นี่ก็มิได้คล้ายกับจดหมายเชิญ แต่เป็นจดหมาย (ขอร้อง) บังคับให้มาร่วมงานต่างหาก
งานที่หลุนเหอจิ้งจะจัดนางย่อมมีจุดประสงค์อยู่ในใจ รูปแบบงานในแคว้นนี้ช่างธรรมดา โลกไม่จำ! งานของนางต้องแตกต่าง ต้องเหนือกว่า ต้องตราตรึงในความทรงจำของผู้คน
ขณะที่พ่อบ้านลอบปาดเหงื่อกับการใช้จ่ายที่เรียกว่ากำลังล้างผลาญคลังสมบัติอย่างบ้าคลั่งของนาง
ใช่แล้ว! ระดับตัวแม่อย่างอลิซ แลงค์ นางกำลังจะจัดงาน Sit-Down Dinner อันหรูหรา exclusive version ฟาดโต๊ะจีนแบบธรรมดาให้กระเด็น งานของนางจะธรรมดาได้อย่างไร ต้องอลังการดาวล้านดวงเท่านั้น