ตอนที่ 4
หลังจากติณห์ภัทรกลับเข้าบ้าน เขาก็ไม่เห็นกลุ่มคนตามที่มารดาบอกเอาไว้ หลังจากลงรถเรียบร้อยโบรกเกอร์หนุ่มก็รีบเข้ามาถามมารดาด้วยความเป็นห่วง
“กลุ่มคนที่แม่บอกว่ามายืนอยู่หน้าบ้านเรา..เค้าไปไหนกันแล้วครับ”
“เค้าเพิ่งพากันออกไปเมื่อกี้นี้เองแหละ ติณห์ไปทานข้าวก่อนเถอะ แม่เตรียมเอาไว้ให้แล้ว ของโปรดของลูกทั้งนั้นเลยนะ” มารดารีบเข้ามาเกาะแขนลูกชาย
“อืม..ผมขอไปอาบน้ำก่อนได้มั้ยครับแม่ รู้สึกเหนียวตัวไปหมดแล้ว” ติณห์ภัทรยังไม่หิวก็เลยบอกมารดาไปแบบนั้น และตอนนี้เขาก็รู้สึกเป็นห่วงเมญารินทร์และรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกมารดาหลอก
“จ้ะ งั้นเดี๋ยวแม่คอยนะ” พัชรินทร์จะรอทานข้าวมื้อเย็นพร้อมลูกชายทุกวัน
ระหว่างที่นอนแช่ในอ่างน้ำวน เสียงโทรศัพท์ของติณห์ภัทรก็ดังขึ้น บังเอิญว่าเขาเป็นคนที่ชอบมีโทรศัพท์เอาไว้ใกล้ ๆ ตัวอยู่แล้ว ยิ่งตอนอาบน้ำ ทำให้ติณห์ภัทรจึงรับสายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็เป็นวิดีโอคอลของแฟนสาวที่โทรเข้ามา
“เมญ่ากำลังรอลูกค้าอยู่ค่ะ พี่ติณห์อาบน้ำอยู่เหรอคะ”
“ใช่..ตอนนี้พี่กำลังนอนแช่น้ำอุ่นอยู่พอดีเลย” ติณห์ภัทรแพลนกล้องไปรอบ ๆ ห้องน้ำเพื่อให้แฟนสาวดู
“อื้อหื้อ ฟินเลยล่ะซิ”
“เมญ่า!!!..ถ้าพบลูกค้าเสร็จแล้วมานอนบ้านพี่มั้ย”
“ไม่เอาค่ะ เมญ่าเกรงใจคุณแม่”
ระหว่างที่ติณห์ภัทรกำลังนอนแช่อยู่ในอ่างน้ำอย่างสบายใจ และคุยกับเมญารินทร์อยู่นั้น จู่ ๆ มารดาของเขาก็เดินพรวดเข้ามาทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขากำลังอาบน้ำอยู่ ดีว่าตอนนั้นเขานอนแช่ในอ่าง จึงไม่ได้โป๊อะไร แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกแปลกใจ จะต่อว่าไปก็ไม่ดี
“แม่!..นี่แม่จะรีบเข้ามาทำไมครับเนี่ย ผมกำลังอาบน้ำอยู่” ติณห์ภัทรพูดด้วยความตกใจ เขาไม่กล้าต่อว่าอะไรที่รุนแรงกว่านี้
“โทษทีจ้ะ พอดีแม่จะมาบอกลูกว่าคืนนี้ ติณห์ให้แม่นอนด้วยนะ แม่กลัวพวกนั้นจะกลับมาอีก” ถึงแม้ติณห์ภัทรจะอยากส่ายหัวปฏิเสธแต่ก็กลัวอาการของมารดาจะกำเริบเอาได้จึงได้แต่ยิ้มแล้วตอบตกลง
หลังจากวางสายกันแล้วทั้งสองคนก็หวนนึกไปถึงคืนหนึ่งที่ได้นอนร่วมเตียงกับผู้เป็นมารดา คืนนั้นทั้งสามคนนอนเรียงกันบนเตียงกว้างโดยมีติณห์ภัทรนอนอยู่ตรงกลางซ้ายขวาเป็นแม่และภรรยา
คืนนั้นพัชรินทร์อ้างว่าเธอฝันร้ายและมาขอนอนกับบุตรชาย หลังจากปิดไฟในห้องเรียบร้อยแล้ว ไม่นานนักสองสามีภรรยาก็ได้เสียงลมหายใจแรง ๆ คล้ายเสียงกรนของผู้มารดาที่ค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ ในความเงียบสงบ พร้อมกับรอยยิ้มของแฟนสาวในขณะที่ชายหนุ่มซุกไซ้ใบหน้าไปที่ซอกคอของเธอจากทางด้านหลัง เพื่อบ่งบอกว่าบัดนี้ถึงเวลาเล่นจ้ำจี้กันแล้ว
เมญารินทร์ที่นอนหลับตาอยู่เธอจึงค่อย ๆ พลิกร่างหันกลับมาทางสามีอย่างแผ่วเบา ติณภัทรนอนมองดูใบหน้าสวยของภรรยาสาวอยู่สักพักจากนั้นทั้งคู่จึงค่อยๆ จูบกันอย่างแผ่วเบา จนเวลาผ่านไปเนิ่นนานภรรยาสาวที่รู้ตัวว่าแม่สามีของเธอยังไม่ได้หลับจริง ๆ จึงรีบร้องห้าม ก่อนที่สามีจะทำอะไรเธอไปมากกว่านี้
“พี่ติณห์! แม่ยังไม่หลับเลย” เมญารินทร์แอบกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูของสามี ติณภัทรจึงทำได้แค่นอนเฉย ๆ ทั้งคู่สบสายตากัน ติณห์ภัทรนอนมองใบหน้าสวยของเมญารินทร์ และจะใช้มือหนาลูบไล้ไปตามสัดส่วนบนเนื้อผ้าชุดนอนบาง ๆ อันชวนหวาบหวิว
สามีหนุ่มเลื่อนสายตาไปเห็นด้านล่างที่มีต้นขาขาวอวบโดยมีแสงไฟจากด้านนอกที่ส่องมากระทบก็ยิ่งชวนให้น่าสัมผัส ลมหายใจของเขารุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปเลื่อนชายกระโปรงชุดนอนขึ้นเพื่อลูบต้นขาของภรรยาสาว เมญารินทร์รีบจับมือของสามีค้างเอาไว้ ก่อนจะร้องห้าม เพราะทุกการกระทำของเขาและเธอมีมารดาคอยสังเกตการณ์อยู่
“อย่าพี่ติณห์!!!” เสียงของเธอแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน
ชุดนอนเซ็กซี่ของเธอถูกผลักดันขึ้นไปไว้ตรงบั้นเอว ก่อนที่มือหนาจะเริ่มลูบไล้ไปตามร่องกลีบอันเนียนนุ่มภายใต้แพนตี้ลายลูกไม้สีดำ ที่ปกปิดเนินเนื้ออวบอูมเอาไว้เป็นอย่างดี
“ไม่เอาพี่ติณห์!...” สามีหนุ่มไม่ฟังเสียงร้องห้าม ถึงแม้เธอจะหันหลังให้เขาแล้วก็ตาม แต่ติณภัทร์ก็แหวกชั้นในของเธอแล้วยัดดุ้นเอ็นอันเขื่องเข้าไปอยู่ดี
“อ๊าห์!” เมญารินทร์รีบเอามือปิดปากตัวเองสนิท ก่อนที่เสียงของเธอจะหลุดลอดออกมา
ลมหายใจเธอเริ่มร้อนแรง มือหนาสัมผัสกับหน้าอกอวบอิ่มและนวดเฟ้นอย่างรุนแรง ไปพร้อม ๆ กับการขยับแท่งรักเขาออกอย่างเบาที่สุด
“อึบ!...” เธอกลั้นเสียงเอาไว้อย่างสุดฤทธิ์ จากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็ได้ยินมารดาละเมอเสียงดัง และเธอพลิกร่างมากอดบุตรชายเอาไว้ ติณภัทรได้แต่นอนแข็งทื่อไม่กล้าขยับ ก่อนที่เมญารินจะรู้ตัวว่าแท่งรักของเขาหลุดออกไปเพราะฝีมือของใครบางคนที่รั้งร่างสามีเธอเข้าไปกอด
เหตุการณ์ในครั้งนั้น เธอแทบหยุดหายใจและสั่นระรัวไปหมด ทั้งอยากรู้ว่ามารดาของติณห์ภัทรละเมออะไรกันแน่ ถึงต้องทำเช่นนี้ จนเวลาผ่านไปสักพักเมญารินทร์ก็อยากรู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรกันต่อ เธอก็เลยหันหน้ามาทางสามี ก่อนจะเห็นแขนของมารดานั้นกอดลูกชายเอาไว้ ส่วนมือก็กอบกุมแท่งรักเอาไว้เหมือนว่าไม่ยอมให้เขาใช้งานมัน
เหตุการณ์ในคืนนั้นเธอแทบรับมันไม่ได้ ติณห์ภัทรมาเฉลยกับเธอในช่วงเช้าระหว่างที่กำลังนั่งทานอาหารด้วยกันว่า มารดาของเขาชอบจับของลับระหว่างที่เธอหลับ ซึ่งมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่เขาเด็ก ๆ แล้ว
พัชรรินทร์นั้นเป็นแม่เลี้ยงเดียวมาตั้งแต่ติณห์ภัทรอายุได้สิบขวบ และทุกครั้งที่มารดากำลังทำสิ่งพวกนี้อยู่ ติณภัทรก็เคยบอกและต่อว่ามารดาไปแล้ว พอพักหลัง ๆ ที่ทะเลาะกันหนักขึ้นเรื่อย ๆ พัชรินทร์ก็กลายเป็นโรคซึมเศร้า จนเขาไม่รู้จะทำอย่างไร แม่ของติณห์ภัทรเป็นโรคจิตอ่อน ๆ มันคือโรคใคร่เด็กที่ยังรักษาไม่หายสักที และเหมือนว่าเธอนั้นหวงลูกชายถึงขั้นไม่ยอมให้ทั้งคู่มีอะไรกัน
ถึงแม้คำบอกเล่าของเขาจะทำให้เมญารินทร์ถึงกับพูดไม่ออก แต่เธอก็ไม่เคยใช้เหตุผลนั้นมาเป็นข้ออ้างในการบอกเลิกสามี มันอาจจะเป็นอย่างที่ติณห์ภัทรเล่ามาก็เป็นได้ แต่หลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยมานอนที่บ้านของสามีอีกเลย เธอรู้ว่าพัชรินทร์นั้นหวงลูกชายของเธอแค่ไหน